Site icon Thumbsup

ชาวญี่ปุ่นลาขาดกันที Facebook นี้ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ

โอ๊ะโอ! ดูเหมือน Facebook จะประสบปัญหาใหญ่เข้าอย่างจัง! หลังผลการศึกษาโดย Aun Consulting ชี้ ชาวญี่ปุ่นมีแนวโน้มเลิกเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Facebook ในอัตราค่อนข้างสูง ตามข้อมูลที่ได้สำรวจและติดตามตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2555 ยอดการใช้ Facebook นั้นตกลงมาถึง 11 เปอร์เซ็นต์2013-11-5-facebook-meh

สาเหตุการเลิกใช้ Facebook ของชาวญี่ปุ่น ก็เพราะว่าการแชร์ภาพแฟนสาวที่แสนเพอร์เฟค ทริปสุดหรู หรือการแชร์ภาพตำแหน่งงานที่ใหญ่โตของเพื่อนๆบน Facebook ทำให้พวกเขารู้สึกว่าชีวิตของพวกเขานั่นช่างน่าเบื่อ ต่ำต้อย และล้าหลังจนเกิดอาการน้อยใจ เบื่อและพาลไม่อยากเล่น Facebook เอาซะดื้อๆ

นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น Kouji Yamada ได้เผยข้อมูลอีกว่า ตัวเขาเองได้ยินเรื่องความรู้สึกต่ำต้อย และน้อยใจชีวิตตัวเองเพราะ Facebook จากคนไข้ของเขามาได้ซักพักแล้ว ด้วยอัตราการใช้งาน Facebook ของญี่ปุ่นที่มีถึง 14 ล้านคน 1 น 4 ของผู้ใช้ Facebook ที่มีอายุระหว่าง 25 – 64 ปี รู้สึกว่าการเชื่อมต่อกับเพื่อนบนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้นเริ่มเกินขอบเขตไปแล้ว

ทั้งที่ความจริงการแชร์ภาพโมเมนต์ที่น่าสนใจต่างๆในช่วงชีวิตนั้นน่าจะเป็นอะไรที่สนุกสนาน แต่ทว่าสำหรับชาวญี่ปุ่น การแร์ช่วงเวลาอันเจิดจรัสของเพื่อนๆกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของพวกเขาได้เช่นกัน

สาววัย 29 ปี จากโตเกียวคนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเลิกใช้ Facebook ทั้งๆที่เพิ่งเล่นมาได้แค่ 2 ปีเท่านั้นว่า แต่ก่อนนั้นเธอก็กังวลและเป็นห่วงเรื่องการติดต่อเพื่อน และเรื่องการสานสัมพันธ์กับเพื่อนๆอย่างสม่ำเสมอ แต่เธอพบว่าการลบ account บน Facebook นั้นทำให้เธอสามารถติดต่อกับเพื่อนๆได้ดีกว่า โดยเธอจะติดต่อกับเพื่อนๆผ่านทางการโทรศัพท์ หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คใหม่อย่าง “LINE” ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนแน่นแฟ้นขึ้นโดยไม่เหลียวกลับมามอง Facebook อีกเลย

ชาวเน็ตคนอื่นๆได้ให้ความเห็นว่าการใช้ Facebook นั้นช่างไม่คุ้มค่า และไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไปแล้ว ชาวญี่ปุ่นหลายๆคนมองว่า Facebook เป็นแค่โซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีไว้ให้วัยรุ่นอวด เบ่ง และแข่งกันมากกว่า สุดท้ายแล้ว Facebook จะทำให้ชาวญี่ปุ่นกลับมาเทใจให้ Facebook เหมือนเดิมได้อย่างไรต้องติดตาม

ทั้งนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาโจมตี หรือเข้าข้างโซเชียลเน็ตเวิร์คฝ่ายใดเพียงแต่เสนอมุมมองของชาวญี่ปุ่นที่แปลกไปจากบ้านเราและประเทศอื่นๆเท่านั้นนะคะ

ที่มา rocketnews24