Site icon Thumbsup

ทุกเรื่องต้องรู้ของ IGTV บริการใหม่ที่ Instagram จัดเพื่อครีเอเตอร์ที่อยากอัปโหลดวิดีโอ 1 ชม.

Instagram พร้อมแล้วที่จะแข่งขันกับ YouTube เพราะล่าสุด Instagram ประกาศว่าจะอนุญาตให้ชาว Instagram อัปโหลดวิดีโอได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงจากขีดจำกัด 1 นาทีก่อนหน้านี้

และเพื่อจัดเตรียมวิดีโอรูปแบบใหม่ให้กลุ่มผู้สร้างวิดีโอระดับดาวดัง Instagram จึงเปิดตัว IGTV ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้จากปุ่มบนหน้าจอหลัก Instagram หรือจะเข้าผ่านแอปพลิเคชันแยกต่างหากก็ได้ โดย IGTV จะเน้นวิดีโอยอดนิยมจากผู้มีชื่อเสียงบนแพลตฟอร์ม Instagram

Kevin Systrom ซีอีโอ Instagram กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่วิดีโอจะก้าวไปข้างหน้าและมีวิวัฒนาการต่างจากเดิม โดยบอกว่า IGTV ถูกสร้างมาเพื่อการใช้ชมวิดีโอจากผู้สร้างที่ชาว Instagram ชื่นชอบ

สิ่งสำคัญคือ IGTV จะช่วยให้ทุกคนเป็นผู้สร้างวิดีโอบน Instagram ได้ ไม่ใช่จำกัดแค่คนดังผู้มีชื่อเสียงเท่านั้น โดยทุกคนสามารถอัปโหลดวิดีโอแนวตั้งได้ผ่านแอป Instagram หรือหน้าเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์พีซี

ใน IGTV ผู้ชมสามารถกวาดนิ้วผ่านรายการวิดีโอแนวตั้งที่มีความยาววิดีโอนานขึ้น หรือจะรูดขึ้นเพื่อไปที่แท็บแนะนำวิดีโอยอดนิยมจากผู้สร้างที่กำลังติดตาม ยังมีตัวเลือกในการดูวิดีโอต่อเนื่องหลังจากวิดีโอแรกเล่นจบ ซึ่งผู้ใช้ทุกคนจะได้รับสัญลักษณ์ที่ปุ่ม IGTV เพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีวิดีโอใหม่

IGTV ยังเปิดให้ครีเอเตอร์พัฒนาช่อง Instagram Channels ที่เปิดให้ผู้คนสามารถสมัครหรือ subscribe เป็นแฟนเพื่อชมวิดีโอต่อเนื่อง

ด้วยฐานผู้ใช้ 1 พันล้านคนใน Instagram เชื่อว่า IGTV อาจถูกครีเอเตอร์รุมล้อม ไม่ใช่เพราะการเป็นช่องทางเด่นเพื่อหารายได้เท่านั้น แต่ IGTV คือเครื่องมือสำคัญที่จะเพิ่มจำนวนผู้ชมได้อีกมาก จุดนี้ Instagram คาดว่าจะเปิดทางสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์ IGTV มากขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจรวมถึงส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณาที่จะแจ้งเกิดในบริการนี้ในเฟสต่อไป

ฐานผู้ใช้รายใหญ่ยังสามารถดึงดูดผู้ลงโฆษณาได้ด้วย โดยสถิติล่าสุดจากบริษัทวิจัย eMarketer คาดว่า Instagram จะได้รับรายได้โฆษณาในสหรัฐมูลค่า 5.48 พันล้านเหรียญตลอดปีนี้ (2018)

สิ่งที่เราสรุปได้จากข่าวนี้ คือ Instagram กำลังมีพัฒนาการก้าวไกลเกินกว่าบริการเริ่มแรกที่เน้นแบ่งปันรูปถ่ายเท่านั้น สำหรับครั้งนี้ สื่อมองว่า Instagram มีโอกาสที่จะกลายเป็นทีวีของโทรศัพท์มือถือในอนาคต และอาจกดดันให้ YouTube ต้องปรับตัวเพื่อตอบรับการแข่งขันที่กำลังจะดุเดือดมากขึ้น

ที่มา: : TechCrunch