Site icon Thumbsup

แบบนี้ก็ได้หรือ? influencer สิงคโปร์จัดงานแต่งรับสปอนเซอร์อื้อจากแบรนด์ดัง

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมสำหรับงานแต่งงานของเซเลบฯออนไลน์คนดังในสิงคโปร์ Melissa Koh และสามี James Chen ซึ่งมีการเปิดเผยว่างานดังกล่าวได้รับสปอนเซอร์จากแบรนด์ดังมากมาย จนเกิดข้อถกเถียงว่าควรหรือไม่ที่แบรนด์จะเป็นสปอนเซอร์ให้กับอีเวนท์ส่วนตัวอย่างงานแต่งงาน

จากรายงานของ The Straits Times แขกผู้ร่วมงานแต่งงานอลังการดาวล้านดวงกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์หลากหลาย โดยไม่เพียงมุมถ่ายภาพซึ่งนิยมมีในงานแต่งงานแทบทุกงาน งานนี้ยังมีบริการแต่งหน้าฟรีกับแบรนด์ Dior และแทนที่จะเสิร์ฟน้ำอัดลมทั่วไป งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้แขกผู้มีเกียรติสามารถชงจินเลือกโทนิกดื่มเองได้ นอกจากนี้ ทุกคนในงานยังได้รับสิทธิ์ชิมชาสำหรับงานแต่งงานจาก TWG Tea

งานแต่งงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรม Ritz Carlton Millenia Singapore ตัวงานมีการกล่าวถึงหรือ mention บน Instagram ของเจ้าสาว Koh ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 236,000 follower โดยเซเลบฯวัย 28 ปีรายนี้มีบัญชี Instagram อื่นที่มีผู้ติดตาม 16,700 คนด้วย

ในโพสต์ขอบคุณของเจ้าสาว มีการขอบคุณแบรนด์ดังวงการคริสตัลทั้ง Swarovski และแบรนด์เครื่องประดับหรู Tiffany & Co ทั้งหมดนี้จุดกระแสให้ผู้ร่วมงานบางคนรู้สึกว่าไม่ควรให้ “ซองแดง” หรือเงินช่วยงานแต่งกับงานนี้เลย

เพื่อนเจ้าสาวที่ The Straits Times สัมภาษณ์มา ระบุว่ารู้สึกเหมือนถูกหลอกให้มางานแต่งงานที่มีสปอนเซอร์ จุดนี้นำไปสู่การโต้เถียงกันในวงการโซเชียลว่า บ่าวสาวควรเปิดเผยให้เต็มรูปแบบไปเลยว่างานได้รับการสนับสนุน ผู้ร่วมงานจะได้ไม่ต้องให้ซอง (เอ เกี่ยวไหมนะ?)

อย่างไรก็ตามในมุมมองการตลาด งานแต่งงานนี้เข้าข่ายไม่ถูกต้อง เนื่องจากการสปอนเซอร์งานอีเวนท์ของแบรนด์ในสิงคโปร์จะต้องดำเนินการตามกฏ Singapore Code of Advertising Practice (SCAP) ซึ่งระบุว่าต้องมีการเปิดเผยชัดเจนว่างานอีเวนท์นั้นได้รับการสนับสนุน และทุกค่าใช้จ่ายในอีเวนท์สามารถนำมาคำนวณตามขั้นตอนภาษีได้

แต่เหรียญย่อมมี 2 ด้าน กรณีงานแต่งงานนี้ถูกมองว่าอยู่นอกขอบข่ายของ SCAP เนื่องจากหากมีการตรวจสอบจริง อาจต้องพิจารณาจุดประสงค์ของแบรนด์ร่วมด้วย เนื่องจากแบรนด์เหล่านี้อาจไม่ได้ต้องการโอกาสทำการตลาดในงาน แต่ต้องการมอบของขวัญ เพื่อรักษาสัมพันธ์อันดีกับเซเลบฯและคู่ชีวิต

ทั้งหมดนี้ทำให้มีการเรียกร้องให้แบรนด์ที่ถูกพาดพิงออกมาให้ความโปร่งใส เพื่อจะได้เป็นมาตรฐานกับวงการโฆษณาต่อไป.

ที่มา: StraitsTimes