Site icon Thumbsup

สัมภาษณ์ กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล กับการนั่งตำแหน่งประธาน KBTG ใน 1 ปีครึ่ง

คำว่า Godfather ไม่ได้มาเพราะเป็นเจ้าพ่อในวงการ แต่สำหรับ กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล เขาเป็นขาใหญ่ในวงการสตาร์ทอัพที่ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน ก็ยังคงเป็นตัวอย่างของผู้นำที่ไม่มีชนชั้นแต่ใครที่ได้เข้าใกล้เขาจะสามารถสัมผัสได้

ทีมงาน thumbsup ได้รับเกียรติเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์กลุ่มคุณกระทิง ในประเด็นเกี่ยวกับการอัพเดทเทรนด์อินโนเวชั่นของประธานกสิกรบิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวและตัวตนของคุณกระทิงนี่แหละที่เป็นคนสรรสร้างนวัตกรรมแบบที่เรียกว่าไหลออกมาจากจิตวิญญาณเลยทีเดียว

แม้ว่าผู้เขียนเอง จะคุ้นเคยกับคุณกระทิงมานานหลายปี เข้าใจในความเป็นตัวตนที่น่ารักและเข้าใจทุกคน คุณกระทิงเล่าถึงแผนการในอนาคตของการนั่งในตำแหน่งประธานที่ KBTG สิ่งที่เขาจะต้องทำรวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เปลี่ยนเขาไปมากขึ้น

“ช่วงแรกของการปรับตัวก็ค่อนข้างยาก แม้ว่าผมจะเคยทำงานในองค์กรใหญ่มา แต่ก็ไปเป็นนักลงทุนที่ 500Tuktuk แต่พอต้องกลับมาบริหารก็ยังต้องรับฟังเสียงพนักงานกว่า 600 คนที่มีทั้งยังอยู่และลาออกไปแล้ว ว่าอยากเห็นผมในรูปแบบใด และสิ่งไหนที่ผมควรปรับปรุง”

แม้ว่าปัจจุบัน KBTG ภายใต้ฝีมือของกระทิงจะมีพนักงานกว่า 1500 คนแล้ว แต่เรายังนำวิสัยทัศน์ของผู้บริหารใหญ่มาเป็นเป้าสูงสุดในการขยาย KBTG ในไปเติบโตในต่างประเทศ ซึ่งเริ่มขยายแล้วในจีน ใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านหยวน (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) รวมถึงการขยายไปยังเวียดนามด้วย

“ผมจะปั้นให้ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีของคนไทย ที่มีสัญชาติไทยและการบริหารโดยคนไทย แต่ฝีมือทัดเทียมระดับโลก” คุณกระทิง กล่าว

แม้ว่าช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จะเป็นวิกฤตสำคัญของทั่วโลก และส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวขนานใหญ่ ซึ่งคุณกระทิงเองก็ยอมรับว่า ใช้เวลาจูนพนักงานกว่า 40 วัน ว่าจะทำงานที่บ้านอย่างไร ไม่ให้สะดุด จนมาถึงวันนี้เขามั่นใจเลยว่า ไม่ต้องมีออฟฟิศก็ทำงานได้แล้ว

“ผมว่าพนักงานอาจจะชอบการทำงานแบบ WFH มากกว่า เพราะตั้งแต่การย้ายออฟฟิศจากราษฎร์บูรณะ ไปแจ้งวัฒนะที่รถติดอย่างมาก มาเป็นการนั่งทำงานที่บ้านมีคอมพิวเตอร์และการดูแลอย่างเหมาะสมจากบริษัท ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการใช้ชีวิตของเขา ตอนนี้ผมก็ไม่ได้คาดหวังให้คนเข้าออฟฟิศแล้ว”

นอกจากนี้ กระทิงยังมองว่า การสร้างวัฒนธรรมภายใน KBTG โดยยึดหลัก ทำงานได้เร็ว มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ร่วมงานกันอย่างไม่สะดุดและลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น สิ่งที่กระทิงต้องลงมือทำคือ ปั้นคนรุ่นใหม่ที่เก่งอยู่แล้ว ขึ้นสู่ระดับบริหารได้ รวมทั้งการรีสกิลคนรุ่นเก่าให้มีทักษะใหม่ๆ ได้ แม้ว่า KBTG จะมีเงินลงทุนต่อเนื่องจากทางกสิกรไทย แต่การติดจรวดให้ KBTG โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้ฝีมือของเขาก็จำเป็นต้องรวมทุกอย่างอยู่จุดเดียวกัน

สมัยก่อนทีมไอทีของ Kbank จะต้องแยกฝ่ายกันทำให้มีแอปพลิเคชั่นในระบบกว่า 400 ตัว ตอนนี้ต้องปรับปรุงด้วยการให้ทีมไอทีมาอยู่ภายใต้ KBTG และมองลูกค้าเป็นศูนย์กลางจากจุดเดียวกัน แม้จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย แต่ต้องทำจากจุดเดียวกัน

“ลูกค้าไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนพัฒนา ใครเป็นคนดูแลระบบ และแอปทำมาจากทีมไหน ลูกค้ารู้จักแค่ว่ามันคือแบรนด์ KBANK ดังนั้นเราต้องทำให้ดีและเติมเต็มความต้องการลูกค้าได้”

ซึ่งกระทิงเริ่มต้นดีไซน์โครงสร้างการทำงานใหม่และวางแผนตำแหน่งบริหารต่างๆ ให้เหมาะสมขึ้น โดยใช้หลักการเดียวกับ Google

“ผมว่าคนไทยรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะมากนะครับ จากเป้าพนักงาน 1,500 คนในปีนี้ ทำให้ผมเป็นคนค้นหาและติดต่อคนเจ๋งๆ เองทั้งหมด เพราะผมเชื่อว่าคนเหล่านี้จะมาช่วย KBTG เปลี่ยนโลกได้เลย บางคนผมโทรหาเองเลยนะครับ แต่พวกเขาก็อาจจะมีความกังวลว่าไม่เคยบริหารคนจะขึ้นมานั่งตำแหน่งบริหารอย่างไร ผมก็มีการจัดผังการบริหารเป็น 2 ขา คือบริหารคน กับ บริหารเทคโนโลยี แต่เขาต้องได้รับคุณค่าในการทำงานที่มากขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม”

กระทิง ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวเองหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ตั้งเป้าการอ่านหนังสือให้มากขึ้น ตั้งเป้าลดน้ำหนักเพื่อดูแลสุขภาพให้ดีกว่าเดิม รวมทั้งตั้งเป้าสร้างโอกาสให้คนใหม่ๆ ได้ก้าวขึ้นมาทำงานพัฒนาประเทศมากขึ้น

ตอนนี้ผมกำลังอินในเรื่องของการศึกษานะครับ หลังจากได้รับรู้ข้อมูลเก่ียวกับเด็กที่ยากจน พวกเขาอยากเข้าถึงโอกาสด้านการศึกษา บางคนลำบากถึงขั้นว่า การมาโรงเรียนคือการต่อลมหายใจของเขาเลย ผมจึงอยากผลักดันเรื่องนี้ในฐานะคนธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้บริหาร

นอกจากการเป็นบริหารคนจำนวนมากแล้ว กระทิงมองว่าการที่เขายังรักษาเป้าหมายและเดินไปให้ถึงฝัน คือความสุขในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ ดังนั้น เราจึงได้เห็นกระทิงกับการอ่านหนังสือ การลดน้ำหนัก รวมทั้งการพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

“สไตล์การบริหารของผมคือ Leading by Doing การทำให้เขาเห็นเป็นตัวอย่างที่ดีกว่าการพูดเพียงอย่างเดียว”

อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์หลักที่ KBTG จะเดินในปีนี้ เน้นไปที่เรื่องของ Innovation, Regional, People, Transformation โดยวางเป้าหมายไว้อีก 4 ปี ซึ่งหากสามารถสร้าง Innovation Runway ให้สำเร็จได้ โอกาสที่บริษัทจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำก็ไม่ใช่เรื่องยาก