Site icon Thumbsup

คุยสบายๆ กับ “กวี ชูกิจเกษม” KS The Young Terk เปลี่ยนความเชื่อผิดๆ ของนักลงทุน…

kavee-kasikorn-securities

หลังจากที่มีการแถลงข่าวถึงโครงการที่เปิดให้โอกาสกับผู้ที่สนใจในตลาดหุ้น ได้อบรมและทดลองเข้ามาลงทุนจริงๆ กับโครงการ “KS The Young Turk” ซึ่งเราเคยได้รายงานข่าวประชาสัมพันธ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว มาวันนี้ผมได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับหนึ่งในทีมผู้บริหาร และเป็นหนึ่งในผู้ที่จะอบรมให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมโครงการ อย่างคุณกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มาให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการและมุมมองต่อตลาดหุ้นอย่างน่าสนใจครับ…

อย่างที่เกริ่นไปครับ วันนี้คุณกวี ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติมานั่งพูดคุยเกี่ยวกับโครงการที่มีประโยชน์นี้ แถมยังให้มุมมองการลงทุนในแง่มุมอื่นๆ ด้วย เชิญติดตามได้เลยครับ

thumsbupTH: รบกวนทางคุณกวี เล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการ KS The Young Turk ซักนิดได้ไหมครับ

คุณกวี: อ๋อ ได้ครับ คือเริ่มต้นเลย ทางธนาคารกสิกรไทยของเรามีนโยบาย ที่จะดูแลลูกค้าให้มากกว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง ในขณะนั้นเรามีนโยบายอย่าง “K-NOW” หรือ Know ที่ก็คือการเน้นการให้ความรู้ ซึ่งประกอบกับผมที่เป็นคนชอบที่จะสอนหนังสือหรือบรมอยู่แล้ว ก็เลยเกิดความคิดที่อยากจะให้ความรู้กับนักลงทุน อยากที่จะสร้างนักลงทุนรุ่นใหม่

แต่ครั้นจะสอนหรือให้ความรู้เพียงอย่างเดียว ก็เกรงว่าคนที่มาเข้าร่วมจะได้แต่ความรู้กลับไป แต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะปัญหาที่แท้จริงของนักลงทุนส่วนใหญ่คือ มักจะกลัวหรือไม่กล้าที่จะเริ่มลงทุนเอง ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่ามันต้องใช้เงินลงทุนจริง โครงการนี่เลยน่าจะเป็นการตอบโจทย์ดังกล่าวที่ดี

thumsbupTH: ถ้าอย่างนั้นปัจจัยหลักของคนส่วนใหญ่ ที่ยังไม่ได้มาเล่นหุ้นก็คือเรื่องเงินตั้งต้นหรือครับ?

คุณกวี: ก็ไม่เชิงนะครับ นอกจากเรื่องเงินแล้ว จริงๆ หลายคนยังมีความเข้าใจผิด อย่างเช่นตลาดหุ้นเป็นเรื่องของคนรวย เหมือนที่คนชอบพูดกันว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” นั่นล่ะครับ (หัวเราะ) การเล่นหุ้นต้องใช้เงินเยอะ บ้างก็ขาดความรู้ ทางเราอยากใช้โครงการนี้ สื่อออกไปในตลาดว่า จริงๆ แล้วเงินไม่เท่าไหร่ก็สามารถเริ่มต้นได้ เงินเดือนเพียงเดือนสองเดือนแรก ก็เริ่มลงทุนได้แล้ว เราต้องการสื่อภาพนี้ออกไปให้นักลงทุนทราบครับ

thumsbupTH: เห็นว่าโครงการนี้จัดมาเป็นครั้งที่ 4 แล้วใช่ไหมครับ แล้วสามครั้งที่ผ่านมามีผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?

คุณกวี: สำหรับโครงการสองครั้งแรกนั้น เราจัดกันที่กรุงเทพฯ และก็ได้รับผลตอบรับดีมากครับ คนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมล้วนได้ความรู้ ประสบการณ์ และสุดท้ายก็สามารถออกไปเป็นนักลงทุนได้จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เกินความขาดหวังของเราก็คือ การเกิดเป็นกลุ่ม Community ขนาดใหญ่ ที่มีความมีความผูกพันธ์ เกิดความสนิมสนมกัน ปรึกษาเรื่องการลงทุนกัน

ซึ่งพอสองโครงการแรกจบไป ก็มีเสียงเรียกร้องจากหลายๆ คนว่าอยากจะให้จัดต่างจังหวัดบ้าง ทางทีมงานก็เลยพยายามตอบโจทย์ ด้วยการจัดตามหัวเมืองใหญ่ทั่วทุกภาค เพื่อขยายวงกว้าง และให้ได้นักลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้นไปด้วย

thumsbupTH: สำหรับโครงการ KS The Young Turk นี้ ทางผู้เข้าร่วมโครงการที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว จะได้อะไรกลับไปบ้างครับ

คุณกวี: นอกจากจะได้เข้าร่วมแข่งขันกับเงินตั้งต้นในการลงทุนแล้วนะครับ ทุกๆ คนที่ผ่านการคัดเลือก จะได้รับการอบรมต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ กว่าสามครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากประสบการณ์ของผู้อบรมที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของเนื้อหาและเวิร์คชอปที่เชื่อว่าจะมีประโยชน์กับพวกเขาแน่นอนครับ

เนื้อหาที่เราจะอบรม ก็ได้แก่ รูปแบบของนักลงทุนประเภทต่างๆ เพื่อให้ทราบว่าเค้าเป็นประเภทไหน การลงุทนมีสินทรัพย์มีแบบไหนบ้าง วิธีการลงทุนที่แตกต่างกันกับประเภทของนักลงทุน เช่นนักลงทุนแบบเก็งกำไรเลือกลงทุนและขายแบบใด นักลงทุนแบบ Momentum Investor ที่เข้าออกด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนไป หรือ Value Investor ที่ถือสินทรัพย์ระยะยาว เน้นดูที่โครงสร้างบริษัท ควรปฏิบัติตัวอย่างไร

ส่วนใหญ่ที่เราพบว่ามักเจอปัญหากันสำหรับนักลงทุนทั่วไป ก็คือพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้จักตัวเองดี เช่นเป็นนักลงทุน Value Investor แต่ไปใช้วิธีแบบเก็งกำไรระยะสั้น จบจากการอบรมก็จะมีการทำเวิร์คชอปอย่าง การคัดเลือกหุ้น วิเคราะห์หุ้น มีการ Company Visit จริงๆ จับกลุ่มการทำงาน ดูภาพ Real time ให้เป็น

thumsbupTH: (แอบถาม) แล้วหลังการอบรมหรือจบโครงการไป เราได้นักลงทุนประเภทไหนมากเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?

คุณกวี: เป็นคำถามที่ดีมากๆ ครับ จริงๆ แล้วสุดท้ายเรามักจะได้นักลงทุนแบบผสมผสานเสียมากกว่า คือใช้เทคนิคแบบผสมผสาน โดยดูจากพื้นฐานและองค์ประกอบต่างๆ ทั้งของหุ้นและตลาดเอง ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่ได้คาดหวังที่จะให้พวกเขาเป็นแบบใดแบบหนึ่งเป็นพิเศษ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้ไปคือประสบการณ์ในการลงทุนจริง คือเมื่อหุ้นขึ้นก็ไม่ต้องดีใจมาก หรือหุ้นตกก็ไม่ตื่นเกินควร มีวินัยในการลงทุน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาอยู่รอดได้ในตลาดหุ้นได้อย่างมีคุณภาพ

thumsbupTH: แล้วรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศในโครงการนี้ จะได้รับอะไรเป็นรางวัลครับ

คุณกวี: สำหรับรางวัลของผู้ชนะเลิศ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำกำไรจากการลงทุนในระยะเวลาที่โครงการกำหนดได้มากที่สุด 3 อันดับแรก จะได้เงินส่วนของกำไรจากการลงทุนไปเลยครับ

ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นเงินที่มากมายนัก แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการด้วยแล้ว หลายคนที่ผ่านการอบรมจากโครงการนี้ก็จะเห็นว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะพวกเขาได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ ส่วนเงินที่ได้มานั้น ที่ผ่านมาพวกเขาก็ทำการนำเงินกำไรเหล่านั้นไปบริจาคเข้าการกุศลกันแทบทุกคนล่ะครับ

thumsbupTH: แล้วกำไรที่สูงสุดที่จากการแข่งขันครั้งที่ผ่านๆ มา เป็นจำนวนมากไหมครับ พอจะบอกตัวเลขได้ไหมครับ?

คุณกวี: ด้วยระยะเวลาของโครงการสั้นๆ ราว 2 เดือน ที่ผ่านมาอาจจะทำกำไรกันได้ไม่มาก ซักประมาณ 20-30% ก็เยอะมากแล้วครับ

thumsbupTH: มีคนที่ผ่านการเข้ารวมโครงการ แล้วมาร่วมงานกับทางบริษัทในเครือกสิกรไทยบ้างไหมครับ?

คุณกวี: จริงๆ แล้วก็มีมาแทบจะทุกรุ่นล่ะครับ บางก็มาร่วมงานโดยตรงกับทางหลักทรัพย์ฯ บ้างก็มาอยู่สำนักงานใหญ่ หลายคนเลยล่ะครับ

thumsbupTH: เห็นโครงการนี้ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากนัก นอกจากแถลงข่าว กับสื่อบางสื่อเท่านั้น แต่เห็นว่านำ Social Network อย่าง Facebook มาใช้ร่วมกับการประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะแอพพลิเคชันบน Facebook

คุณกวี: ใช่ครับ เรามีการทำแอพฯ บนหน้า Facebook ของโครงการ KS The Young Turk ที่เราร่วมกับทาง Mao Investor เพื่อให้คนที่เข้ามาในเพจ ได้รู้ว่าคุณเป็นนักลงทุนประเภทไหน โดยจะประมวลผลจากคำถามที่เป็นไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต รวมถึงแนะนำวิธีการลงทุนแบบต่างๆ ได้ เมื่อจบการเล่นเกมแล้ว ก็สามารถที่จะสมัครหรือส่ง Application ของเขาเข้ามาได้เลย รวมถึงให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมกับโครงการนี้จริงๆ ครับ

  
  

thumsbupTH: มีเงื่อนไขสำหรับผู้ที่จะเข้ามาสมัครเข้าร่วมโครงการไหมครับ?

คุณกวี: จริงๆ เราต้องการให้โอกาสเปิดกว้างสำหรับทุกๆ คน และเราต้องการสร้างกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่ที่มีคุณภาพ เราจึงขอให้เป็นผู้ที่ไม่เคยเปิดพอร์ตลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ไหนมาก่อน และอายุเกิน 20 ปีบริบูรณ์เท่านั้นล่ะครับ

thumsbupTH: ที่นี้สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมโครงการล่ะครับ เพราะผู้สมัครหลายพันคน การจะคัดให้เหลือเพียง 200 คน (5 จังหวัดๆ ละ 40  คน) คงต้องคัดให้ได้คนคุณภาพใช้ไหมครับ

คุณกวี: จริงๆ ตอนกรอกแบบฟอร์มสมัครเข้ามา ซึ่งง่ายๆ มาก เราจะมีคำถามตอนสมัครว่า “นักลงทุนที่ดีในมุมมองของคุณ” มีลักษณะอย่างไร ให้นิยามกันมาใน 150 ตัวอักษร เมื่อได้รับคัดเลือกจากแบบฟอร์มแล้ว ก็มาทำข้อสอบ และรับการสัมภาษณ์ เพื่อให้เราได้ทราบถึงทัศนคติ และเห็นถึงความตั้งใจจริงๆ ว่าจะมีเวลาที่จะเข้ามาอบรมจนจบหลักสูตร เพราะเมื่อคุณได้รับคัดเลือกเข้ามา ก็หมายถึงคุณได้ไปตัดโอกาสคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วม ส่วนอาชีพ อายุ ประสบการณ์ และนามสกุลใหญ่คงไม่มีผลในการคัดเลือกครับ (หัวเราะ)

thumsbupTH: ช่วงเวลาที่จัดการอบรมจะเป็นอุปสรรคกับคนที่ทำงานอยู่แล้วหรือไม่ครับ?

คุณกวี: จริงๆ อย่างที่บอกครับ เราพยายามเปิดโอกาสให้กับทุกๆ คนสำหรับคนที่ทำงานแล้ว ได้เข้ามาร่วมกิจกรรม ซึ่งเราจะจัดอบรมในวันอังคาร และวันพฤหัส เวลาประมาณ 18.00-21.00 น. ครับ

thumsbupTH: คุณกวีมีคำแนะนำให้ผู้ที่จะสมัครได้ทำการเตรียมตัวก่อนมาสมัครมาไหมครับ?

คุณกวี: (หัวเราะ) จริงๆ แล้วแทบไม่ต้องเตรียมอะไรมาเลยครับ สิ่งเดียวที่อยากให้เตรียมมาคือความตั้งใจอย่างเดียวเลยครับ มีความอยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น และอยากที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน

เราไม่ได้คาดหวังให้เค้ามีความรู้อะไรมาเลย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้สูงอายุ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราเพียงอยากจะจุดประกายให้คนทั่วๆ ไปสามารถเห็นช่องทางการลงทุนแนวใหม่เพิ่งขึ้นเท่านั้นครับ

thumsbupTH: สุดท้ายเลย อยากให้คุณกวี ฝากถึงนักลงทุน และหลายๆ คนที่ยังมองเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อให้ได้แนวคิดเพิ่มเติมจากที่เข้าทราบอยู่แล้วหน่อยได้ไหมครับ

คุณกวี: สำหรับการลงทุนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตามนะครับ คุณต้องศึกษาการลงทุนเหล่านั้นให้ดี ไม่ใช่ไม่มีความรู้ก็จะเข้ามาลงทุน หลายครั้งคุณฟังจากเพื่อนๆ มา บางทีลงทุนตามเพื่อน แต่เพื่อนเลิกลงทุนไปแล้ว แต่เพื่อนไม่ได้บอกเราว่าเลิกแล้ว ก็แย่กันไป คุณจะต้องสามารถพึ่งพาตัวเองให้ได้ คือมีความรู้ความเข้าใจให้ดี

การลงทุนในหุ้นนั้นเป็นเพียงรูปแบบการลงทุนด้วยการออม อย่าไปคาดหวังกับการลงทุนด้วยความโลภ โดยหวังว่าจะรวยเร็ว ผมเห็นหนังสือหลายๆ เล่มที่เขียนเกี่ยวกับการลงทุน ประเภทเล่นหุ้นหนึ่งล้านได้กลับมาเป็นพันล้าน ซึ่งเราอาจจะทำกันไม่ได้ทุกคน เพราะพื้นฐานการเงิน หรือสายป่านที่แตกต่างกัน หลายคนลาออกมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้มีรายได้ดี ไม่ต้องทำงานประจำ สุดท้ายตลาดหุ้นจะสอนคุณเอง เพราะหลายครั้งตลาดหุ้นขาลงเป็นปีๆ ก็มีให้เห็นกันมาแล้ว นั่นคือจุดนึงที่อยากจะเตือนว่าการลงทุนเป็นเพียงเครื่องมือในการทำให้ค้นพบอิสระทางการเงินในระยะยาว พอถึงจุดๆ หนึ่งเงินก้อนนั้นอาจจะทำงานจนทำให้คุณมีรายได้มากพอจนคุณไม่ต้องทำงานก็เป็นได้นะครับ

“ถ้าคุณเป็นทาสของเงินคุณก็จะเสร็จมัน แต่ใช้เงินเยี่ยงทาสคุณจะประสบความสำเร็จในการลงทุน” นี่คือคำที่ผมมักจะใช้สอนคนอยู่เสมอๆ คนที่จะประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนร่ำรวย คนมีชื่อเสียง แต่คนธรรมดาคนหนึ่งก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เพียงแต่คุณมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเท่านั้นล่ะครับ

…เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะได้รับประโยชน์หรือแนวคิดใหม่ๆ ในการลงทุน เห็นว่านอกจากคนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปอบรมและทำเวิร์คชอปแล้ว คนอื่นๆ ที่สนใจก็สามารถติดตามในส่วนของวิดีโอความรู้จากการอบรมได้บนเว็บไซต์หรือ Facebook ของโครงการได้ภายหลังด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ก็ขอลาไปแต่เพียงเท่านี้ครับ…

บทความนี้เป็น Advertorial