Site icon Thumbsup

“กฤษณ์ ณ ลำเลียง” กับมุมมอง startup ไทยในวันที่ต้นกล้ายังรอการเติบโต

จากที่เราเคยสัมภาษณ์ในส่วนของ Startup กันไปบ้างแล้ว สำหรับด้านนักลงทุนเราก็ไม่พลาดที่จะติดต่อเพื่อขอความรู้ดีๆ ที่เป็นประโยชน์มาแบ่งปันให้กับผู้อ่านที่เป็นทั้ง Startup และผู้มีไอเดียที่กำลังริเริ่มธุรกิจ สำหรับบทสัมภาษณ์คราวนี้เราไปพบกับคุณกฤษณ์ ณ ลำเลียง Angel Investor ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์กับพวกเราในกรณีศึกษาของ ShopSpot ?วันนี้เราลองมาดูมุมมองในภาพรวมกันบ้างดีกว่า

thumbsup : การสนับสนุน Startup ในบ้านเราดูยังค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น เวียดนามก็ไปไกลกว่าเราแล้ว คุณคิดว่าอะไรน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดัน Startup เราให้ก้าวทันประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างแท้จริง
กฤษณ์ : ปัญหาของ Startup จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องเงินครับ มันหมายถึงทั้งระบบ ยกตัวอย่างที่สิงคโปร์ สิงคโปร์จริงๆ ก็ไม่ได้มี Startup เยอะมากนะครับ และพึ่งเอาจริงเอาจังเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่มีรัฐบาลที่สนับสนุนอย่างจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวและเข้าใจในเรื่องนี้ เวลาที่พูดถึงคำว่าสนับสนุนคือมาเป็น นโยบายเลยแต่ของบ้านเราจะมาเป็นขยักๆ ยังไม่จริงจัง

อีกอย่างที่นั่นมี Expat community ที่ทำ Startup มาก่อน มี Knowhow สร้างเนื้อสร้างตัวให้ตัวเองมาแล้ว ช่วยแนะนำและส่งเสริมได้ ประเทศไทยถ้าเอาจริงๆ มันยังไม่เคยมี Tech Startup ที่ระดมทุนจาก VC หรือ Angel และอยู่ตัวได้จริงๆ ?ที่จะมาช่วยแบ่งปันให้ความรู้ตรงนี้

ตัวผู้ประกอบการเองบ้านเราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงตัวระบบ แรกๆ ทำเพราะอยากทำ ยังมองตลาดไม่ออก ?ยังไม่รู้ว่าถ้าได้เงินแล้วต้องนำไปทำอะไร และจะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน แต่จะพูดแบบนั้นอย่างเดียวก็ไม่ถูกเพราะว่าอย่าง Facebook ตอนแรกก็ทำเพราะอยากทำ แต่สิ่งสำคัญของ Facebook คือเกิดในตลาดที่มีความต้องการอย่างอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่ถ้ามีคนใช้มันก็มีโอกาสเกิดแน่ แต่ในเมืองไทยมันต่างกัน เพราะฉะนั้นการคิดจะไม่เหมือนกันถ้าจะเป็น Startup จริงๆ ต้องไประดับภูมิภาค ทำอะไรที่ชัดเจน

เรื่องเทคนิคผมคิดว่าคนไทยไม่แพ้ต่างชาติแน่ๆ เราก็ไปคว้ากล่อง คว้ารางวัลกันได้มาเยอะแยะ แต่พอพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจจะยังดูขาดส่วนนี้อยู่ ไม่รู้จะดำเนินการยังไง, ใครจะเป็นคนซื้อ, ?ได้เงินมากน้อยแค่ไหน อย่าง VC ก็คาดหวังว่าต้อง return ภายในระยะเวลา 3-5 ปี อย่างต่ำ 3-5 เท่า (และจริงๆ คาดหวังกว่านั้นอีกมากเป็นหลักสิบเท่า) จริงๆ ถ้า 3 ปีลงทุนแบบจริงจัง ถ้าดูไม่เห็นผลนี่เริ่มเสี่ยงแล้ว บางรายก็อาจ 1-2 ปีอยู่ที่เค้าลงที่เฟสไหนของ Startup? อีกอย่างที่บ้านเรายังขาดอย่าง วิชา Entrepreneur ต่างประเทศมีเยอะนะครับ มีเป็นสถาบันเลย แต่บ้านเราเอาแค่เป็นวิชาก็ยังมีน้อย เห็นบ้างใน MBA ระดับปริญญาตรีก็ไม่เน้น

เรียกว่าปัจจัยสำคัญตามคำถามที่ถามมาผมว่ามันต้องปูกันตั้งแต่พื้นฐานให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพนอกจากด้านวิชาการทางเทคนิคแล้วต้องมีหัวด้านธุรกิจด้วย ส่วนเรื่องถัดมาอย่างเรื่องเงินผมว่ามันยังเป็นไปได้ คิอถ้ามีทีมที่พร้อมแล้ว, มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถต่อยอดได้, มีความกล้าที่จะออกไปต่างประเทศก็มีโอกาสเติบโต (อย่างที่สิงคโปร์ที่นั่นก็มีแหล่งเงินทุุน) แต่อย่างที่บอกครับ นักลงทุนก็คัดว่าจะสนับสนุนรายไหน

thumbsup :?ในฐานะของนักลงทุน Startup ประเภทไหนที่คุณคิดว่าน่าสนใจ?
กฤษณ์ : ผมมองธุรกิจประเภทคอนเทนต์น่าสนใจครับ อย่าง Shopspot? ก็เป็นคอนเทนต์รูปแบบหนึ่ง Builk เองก็ใช่ ในฐานะนักลงทุนแน่นอนผมก็ดูว่าอะไรที่ทำเงินได้ อะไรที่คนยอมที่จะจ่าย มันก็มีปัจจัยอยู่ไม่กี่อย่างครับ เช่น ยอมจ่ายเพื่อ Entertainment Value ซื้อของ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมต่างๆ, ยอมจ่ายเพราะมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต เข่น ที่อยู่อาศัย การทำงาน เรียนหนังสือ ซึ่งแต่ละประเทศลักษณะการใช้เงินก็ไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ สำหรับบ้านเราจะทำคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงเก็บตังค์ก็ยังอยากอยู่ เพราะคนไทยชอบของฟรี แต่ตอนนี้ก็เริ่มจะเปลี่ยนไปบ้างแล้ว ถ้าคิดจะทำตลาดในไทยก็ต้องเจาะตลาดต่างจังหวัดให้ได้เพราะเป็นคนส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าคุณก็ต้องเข้าใจพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ และแพลตฟอร์มที่เข้าถึงพวกเขาได้มันก็มีไม่กี่อย่าง เช่น โทรศัพท์มือถือ ต่างจังหวัดยังไม่ค่อยใช้สมาร์ทโฟน ไม่ใช้เครดิตการ์ด ก็ต้องมองหาบริการอะไร ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาต้องพบเจอในชีวิตประจำวันก็จะง่ายกว่า แต่ถ้าเลือกเล่นตลาดกลุ่มบนบ้านเรามันก็จะไม่ค่อยใหญ่มากนะครับ ?ไม่งั้นก็ออกไปเล่นตลาดต่างประเทศไปเลยที่จะโตได้

thumbsup : มีเทคนิคหรือคำแนะนำอะไรบ้างที่อยากฝากให้ Startup เมื่อเข้ามานำเสนองาน
กฤษณ์ : ส่วนใหญ่ Startup ที่มาจะมาในมุมมองของผลิตภัณฑ์ แต่พอคุยกันเรื่องของธุรกิจ เรื่องของตลาด จะเป็นอีกเรื่องนึง เหมือนผมทำบริษัทการ์ตูน วาดการ์ตูนง่าย, สร้างตัวการ์ตูนไม่ยาก แต่ขายได้ไหมก็ต้องกลับมาถามว่า คนซื้อเป็นใคร, เป็นเด็ก แล้วเด็กอายุเท่าไหร่, เพศไหน, ความชื่นชอบ มันต้องลงรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของคุณให้ชัดเจน, เวลาทำ Market Analysis, Revenue Projection ต้องชัด คืออย่างน้อยคุณต้องมีความสามารถตรงนี้บ้าง แม้ไม่ถึงขนาดต้องจบด้านนี้มาโดยตรง แต่เรื่องพวกนี้สำคัญครับ ควรมีตรรกะที่คิดเรื่องนี้เป็น เช่น ธุรกิจจองโต๊ะร้านอาหาร เก็บเงินจากร้านอาหาร ก็ต้องกลับไปดูว่า ร้านอาหารประเภทไหนที่จะมาใช้บริการของคุณ ถ้าร้านนั้นขายดีอยู่แล้วก็คงไม่มา หรือเราขายให้กับร้านที่ไม่มีคนกิน ให้มีคนกินมากขึ้น หรือพวกต้องการ Balance Load ?เพราะถ้าเราไม่เคลียร์ภาพให้ชัด มันจะลำบากตอนเวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพราะมันจะไม่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริง เช่น พัฒนาระบบเพื่อ…ดีงให้คนเข้ามาร้านที่ไม่ค่อยมีคนกิน หรือดึงมาร้านที่คนอยากกินอยู่แล้วให้ได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

ไม่ว่าคุณจะไปงานแข่งขันเวทีไหน กรรมการก็จะถามเรื่องประมาณนี้นะครับ เราควรตอบให้ชัด คืออะไรที่เป็น B2C มันจะยากตรงที่ว่าเราวาดภาพลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อเราหาเจอแล้ว และเรารู้ความต้องการ ก็มาดูว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไรให้ตรงกับความต้องการนั้น ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นในแง่ของ B2C แต่ถ้า B2B ก็เป็นอีกแบบเลย เพราะมีปัจจัยเรื่องอื่นๆ มีการ customize (ทำตามความต้องการของผู้ซื้อ), อาจไม่ต้องทำการตลาด, รวมถึงปัจจัยด้านสายสัมพันธ์ในองค์กรที่มีกับลูกค้าด้วยครับ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการขยายไปต่างประเทศไม่ง่ายเพราะมีเรื่อง กฎหมาย เรื่องภาษีต่างๆ อีกเยอะเลย

thumbsup : นอกจากการพัฒนาทางด้านภาษาอังกฤษแล้ว Startup ไทยควรพัฒนาศักยภาพด้านไหนเพิ่มอีกบ้าง
กฤษณ์ : ผมมองว่าต้องมีทีม ไม่ใช่ทุกคนเน้นไปด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์กันหมด ต้องมีคนที่รู้เรื่องการตลาด เรื่อง การเงินบ้าง มีหลายๆ ส่วน ซึ่งแน่นอนไม่มีคนที่สามารถทำได้หมดทุกอย่าง มันต้องมีคนช่วย ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาเริ่มพร้อมๆ กันก็ได้ แต่เราต้องรู้ว่าเราขาดด้านไหน และต้องเติมเต็มด้านไหน อย่างเรื่องการเงิน เรื่องภาษี เป็นเรื่องยุ่งยากแต่สำคัญมาก เราอาจว่าจ้างคนที่ไว้ใจให้ช่วยดูแล?ส่วนการอ่านหนังสือก็ช่วยได้หลายๆ อย่างทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไรให้ดี, เรื่องการตลาดแบ่งย่อยได้อีก เช่น Emotional Marketing, CRM การอ่านก็ช่วยทำให้เราได้ไอเดียว่าทำไมผลิตภัณฑ์ แบบนี้ถึงสำเร็จและหันมามองดูตัวเรา

thumbsup :?คำถามสุดท้าย ขอกลับมาที่ตัวคุณอีกครั้ง ณ ตอนนี้มีลงทุนใน Startup รายไหนบ้าง
กฤษณ์:? นอกจาก Shopspot ก็มี Startup ของเพื่อนสมัยเรียนที่ Wharton? เว็บไซต์ชื่อ uknow.com เป็นเว็บไซต์ที่ป้องกันไม่ให้เด็กโดนหลอกทางอินเทอร์เน็ตครับ เป็นการช่วยเหลือพ่อแม่ เพราะพวกนี้อเมริกามีเยอะมาก ถ้า Startup รายไหนมีไอเดียดีๆ ก็สามารถติดต่อและยินดีให้คำปรึกษาครับ

~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~
เราหวังว่า Startup ต่างๆ คงได้รับทราบมุมมองของผู้ชายคนนี้พอสมควร แต่ที่เราอยากย้ำกับ thumbsuper ทุกคนอย่างที่ “กฤษณ์” กล่าวไว้ก็คือ อ่านอย่างเดียวไม่พอต้องกล้าเริ่ม ?นอกจากพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดี ต้องมองธุรกิจของคุณให้ออก ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ตลาด, วิเคราะห์ที่มาของรายได้อย่างชัดเจน มี Business Model ที่แข็งแรง หรือคุณคิดเป็นอย่างอื่น??มีความเห็นอะไร ลงไว้ที่ท้ายบทความนี้ได้เลย