Site icon Thumbsup

K.I.S.S.Method กับ 4 ขั้นตอนในการเข้าถึง Influencer

ย้อนไปในปี 2013 ในยุคนั้น อาจกล่าวได้ว่า เริ่มมีข้อมูลจาก Google Trends ที่ชี้่ให้เห็นถึงการใช้ Influencer Marketing ในหมู่นักการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก  ซึ่งหากนับต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวเลขในปัจจุบันนั้นสูงกว่าเดิมถึง 90 เท่าเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อนำมาผนวกกับจากข้อมูลของ eMarketer ที่ชี้ว่าปัจจุบัน 65% ของนักการตลาดมีการใช้งาน Influencer Marketing อยู่ ก็คงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าตลาดนี้มีมูลค่าสูงมากแค่ไหน

แต่เมื่อชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Influencer การทำงานกับ Influencer จึงต้องใช้ศิลปะสักหน่อย เพราะไม่ใช่แค่ว่า ทำรีเสิร์ชแล้ว ได้รายชื่อแล้ว เก็บข้อมูลพร้อมแล้ว เบอร์ติดต่อมีแล้ว อยากจะใช้ก็เรียกใช้ได้เลย (ไม่ใช่ Uber นะ) บางทีเท่านั้นอาจยังไม่พอ

เพราะมันมีช่องเล็ก ๆ อีกช่องหนึ่งให้แต่ละแบรนด์ทำการบ้านเพิ่ม นั่นก็คือ การตอบคำถามให้ได้ว่า เราจะเข้าให้ถึงตัวเขาได้อย่างไร เนื่องจาก Influencer ไม่ใช่ลูกน้องในที่ทำงาน การให้เขามาช่วยงานด้านการตลาดให้แบรนด์นั้น คนเป็นแบรนด์ยิ่งต้องใส่ใจ ที่จะทำความรู้จักกับ Influencer แต่ละรายให้ดียิ่งขึ้น

Jordan Feise นักการตลาดชื่อดังได้เคยเขียนถึงกลวิธีในการเข้าถึงตัว Influencer เอาไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว โดยเธอเรียกยุทธการนี้ว่า K.I.S.S หรือก็คือ Keep It Simple, Silly นั่นเอง

ขำได้แต่อย่าถือสา เพราะสิ่งที่เธอว่ามาก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย โดย Jordan Feise ได้แยก K.I.S.S ออกเป็น 4 หัวข้อย่อยที่แสนจะ Simple สุด ๆ ดังนี้

1. เข้าให้ถึงตัวตน

Jordan Feise ได้ยกเอาคำกล่าวของ Ann Handley ประธานเจ้าหน้าที่ด้านคอนเทนต์ของ MarketingProfs ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า “สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉันมากที่สุดไม่ใช่ตัวแบรนด์ แต่เป็นคนที่ทำงาน หรือเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์นั้นๆ”  

จากประโยคข้างต้น เราอาจกล่าวได้ว่า การจะใช้ความสามารถของ Influencer ไม่อาจใช้วิธีเดียวกับที่เราสั่งงานให้ลูกน้องไปทำได้ แต่เป็นเราที่ต้องเข้าไปทำความรู้จัก สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับเขา ยิ่งรู้ไปถึงขนาดว่าเขาสนใจเรื่องอะไร ใช้เวลาว่างทำอะไรได้เลยก็ยิ่งดี หรือในจุดนี้ อาจเรียกได้ว่า เป็นการเข้าไปเพื่อทำความรู้จัก และหาจุดที่เชื่อมต่อกันได้ระหว่างคุณกับเขาในแบบที่คนธรรมดาสองคนทำความรู้จักกัน ไม่ใช่ไปในฐานะตัวแทนของแบรนด์ที่คุณทำงานให้

สำหรับการจะไปทำความรู้จักกับ Influencer ที่มีตัวตนอยู่บนโลกออนไลน์นั้น เราอาจเริ่มจากการให้ความสนใจในงานของเขา ค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไป และแสดงตัวตนในแบบของคุณออกไปให้เขามั่นใจด้วยว่า คุณเองก็เป็น “ของจริง” เช่นกัน

2. เอ่ยปากเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

เมื่อผ่านเป้าหมายข้อหนึ่งมาแล้ว รู้จักตัวตนกันมากขึ้นแล้ว ถึงเวลานี้คุณน่าจะเปลี่ยนสถานะจาก Follower ธรรมดา ๆ มาสู่ Follower ที่มีตัวตนระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งก็น่าจะถึงเวลาที่คุณจะลองถามกับ Influence ที่หมายปองกันตรง ๆ เรื่องการร่วมงานกัน แต่การจะผ่านข้อนี้ไปได้นั้น ก็ทำให้คนทำงานส่วนมากเครียดไม่น้อยเช่นกัน เพราะมันมีความไม่แน่นอนว่า Influencer ที่เราสนใจเขาจะโอเคกับข้อเสนอไหม

ดังนั้น Jordan Feise เลยให้ตัวอย่างรูปแบบคำถามที่น่าจะเวิร์กมาให้ โดยทั้งหมดเป็นคำถามปลายเปิด ได้แก่

1. คุณคิดยังไงกับเรื่อง….x…?

2. คุณทำอย่างไรกับเรื่อง…x…?

3. ในมุมมองของคุณ คิดว่า วิธีที่จะจัดการกับเรื่อง…x..ได้ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร?

เท่านี้ก็น่าจะทำให้ Influencer ที่หมายตาไว้ ได้แสดงความเชี่ยวชาญ และความสนใจที่เขามีต่อหัวข้อดังกล่าวออกมาแล้ว

3. ทำให้เกิดการแชร์

หลังจากที่คุณสามารถทำให้ Influecer ตอบตกลงเขียนงานให้กับคุณได้แล้ว อย่าลืมถามเขาด้วยว่า เขายินดีจะช่วยแชร์คอนเทนต์นี้บนเน็ตเวิร์กของเขาให้ด้วยได้ไหม (การแชร์ของ Influencer เท่ากับช่วยสร้าง Brand Awareness ให้กับคุณไปด้วยในตัว) ซึ่งแบรนด์อาจช่วยสนับสนุนเขาในการแชร์ เช่น ช่วยหาภาพประกอบ ช่วยคิดข้อความในการแชร์ให้ดูดีทั้งตัว Influencer และตัวแบรนด์เอง ยกตัวอย่างเช่น รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยที่ได้ร่วมงานกับ “แบรนด์ A” ในเรื่อง “AAA” (พร้อมโพสต์ลิงค์บทความแนบไปด้วย)

แต่อย่าเพิ่งจบแค่นั้น เพราะแบรนด์เอง เมื่อ Influence โพสต์ให้แล้ว ก็สามารถเข้าไปขอบคุณ หรือนำไปแชร์ต่อและกล่าวถึง Influencer ด้วยความขอบคุณได้อีกทอดหนึ่งเช่นกัน

4. สร้างสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด

Influencer ก็ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ในชีวิตจริงที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ดีๆ ต่อกันได้ ไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกันได้ ดังนั้น เมื่อจบโปรเจ็ค ความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องจบตามไปด้วยแต่อย่างใด

สำหรับใครที่สนใจมากไปกว่านั้น ลองดาวน์โหลดอีบุ๊ก (ฟรี) เรื่อง Influencer Marketing IRL มาลองอ่านเพิ่มเติมดูก็ได้ค่ะ เนื้อหาภายในจะมีข้อมูลเชิงลึกระดับ Exclusive ของแบรนด์ดัง ๆ ที่ทำงานร่วมกับ Influencer มากมายมาบอกเล่ากันด้วยค่ะ

ที่มา: Traackr