
ลาซาด้า เผยข้อมูลอินไซต์นักช้อปไทยยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองหาแค่ “ราคา” แต่ต้องการ “คุณค่า” และ “ประสบการณ์” ที่เหนือกว่าจึงเดิมพันครั้งสำคัญกับการยกระดับแพลตฟอร์มสู่ Premium Segment ชูจุดแข็ง LazMall และเทคโนโลยี AI เป็นหัวหอกสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน วิเคราะห์กลยุทธ์ที่แบรนด์และเอเจนซี่ต้องจับตา
ลาซาด้า ประเทศไทย ประกาศทิศทางธุรกิจครั้งสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ “Next-Level eCommerce” ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าสมรภูมิอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจากสงครามราคา (Price War) ไปสู่การแข่งขันด้านคุณภาพ (Quality-Driven Market) อย่างเต็มรูปแบบ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ยังเป็นโอกาสและความท้าทายใหม่ที่แบรนด์, นักการตลาด, และผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจเพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทัน
ทำไมต้อง “Next-Level eCommerce” ในตอนนี้ ?
การประกาศกลยุทธ์ใหม่ของลาซาด้าตั้งอยู่บนข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

- ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยโตสวนกระแส ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 21.7% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค (12%) และคาดว่าจะทะยานแตะ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2573
- พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นักช้อปไทยครองแชมป์การซื้อของออนไลน์ต่อสัปดาห์สูงสุดในโลก (68.2% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต) แต่พฤติกรรมของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองแค่ราคาที่ถูกที่สุด แต่พิจารณาอย่างรอบคอบถึง “ความคุ้มค่า” ซึ่งหมายรวมถึงคุณภาพของสินค้า, ความน่าเชื่อถือของแบรนด์, และประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น
ตัวชี้วัดที่ชัดเจนที่สุดคือ ยอดคำสั่งซื้อบน LazMall ที่เติบโตขึ้นกว่า 22% ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นเครื่องยืนยันว่าผู้บริโภคยอมจ่ายเพื่อความมั่นใจและสินค้าจากแบรนด์ทางการ

คุณวาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย** กล่าวว่า “เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและอินไซต์ผู้บริโภคยุคใหม่ ลาซาด้าจึงพร้อมบุกเบิกทิศทางและสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมด้วยแนวคิด ‘Next-Level eCommerce’ มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่มอบประสบการณ์การช้อปแบบพรีเมียม ชูจุดแข็งด้านสินค้าแบรนด์และบริการคุณภาพ”
วิเคราะห์ 3 เสาหลักของกลยุทธ์ “Next-Level eCommerce” ที่แบรนด์ต้องรู้
ลาซาด้าได้วาง 3 โฟกัสหลักในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้ ซึ่งแต่ละส่วนล้วนส่งผลโดยตรงต่อแบรนด์และผู้ขายบนแพลตฟอร์ม
1. คัดสรรสินค้าคุณภาพครบทุกหมวดหมู่ (High-Quality Assortment)
สิ่งที่เกิดขึ้น : ลาซาด้าเน้นย้ำความเป็นศูนย์รวมแบรนด์แท้ 100% ผ่าน LazMall และ LazMall Luxury ที่มีกว่า 32,000 แบรนด์ในภูมิภาค พร้อมทั้งรุกหมวดหมู่เฉพาะทางอย่าง LazBEAUTY, LazLOOK และ Lazada Electronics
วิเคราะห์สำหรับแบรนด์ : นี่คือโอกาสทองของแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่างจากร้านค้ารายย่อยทั่วไป การอยู่บน LazMall จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและให้ความสำคัญกับคุณภาพ
เกมใหม่ที่น่าจับตา : การนำร่องโมเดลค้าส่งสำหรับลูกค้าธุรกิจ (B2B) ในหมวดเกษตรกรรม, อุปกรณ์ประปา, และอุปกรณ์ไฟฟ้า ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ที่น่าสนใจ ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงสินค้าในราคาต้นทุนได้ง่ายขึ้น เป็นการขยาย Ecosystem ที่มากกว่าแค่ B2C

2. มอบประสบการณ์การช้อปที่เหนือกว่า (High-Quality Experience)
สิ่งที่เกิดขึ้น : ยกระดับความมั่นใจด้วย ‘4 การันตี’ จาก LazMall, บริการส่งเร็วพิเศษ (Priority Delivery), และบริการเสริมครบวงจร (ติดตั้ง, เก่าแลกใหม่, ประกันสินค้า)
วิเคราะห์สำหรับแบรนด์และเอเจนซี่ : ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า (Customer Experience) คือหัวใจสำคัญของการซื้อซ้ำ การที่แพลตฟอร์มลงทุนในส่วนนี้ช่วยลดภาระให้แบรนด์และผู้ขายในการจัดการด้านโลจิสติกส์และการบริการหลังการขาย ทำให้แบรนด์สามารถทุ่มเททรัพยากรไปที่การตลาดและการพัฒนาสินค้าได้เต็มที่
AI คือตัวเปลี่ยนเกม : การนำ AI เข้ามาใช้ผ่านแชตบอต Lazzie เพื่อแนะนำสินค้า และเตรียมเปิดตัว Lazada Membership คือการเดินเกมสู่ Personalization อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในระยะยาว

3. ดึงอินไซต์สร้างอิมแพ็กผ่านแคมเปญคุณภาพ (High-Quality Campaign)
สิ่งที่เกิดขึ้น : ลาซาด้ายอมรับว่า “50% ของยอดขายมาจากแคมเปญ” จึงทุ่มงบเพิ่มคูปองส่วนลดมากขึ้น 45% และใช้ Data-Driven Insight ในการออกแบบแคมเปญ
วิเคราะห์สำหรับนักการตลาด : ตัวเลขการเติบโตของยอดขายกว่า 300% ในช่วงเมกะแคมเปญ และ 70% ในช่วง Mid-Month ยืนยันว่าการเข้าร่วมแคมเปญกับลาซาด้ายังคงเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการสร้างยอดขาย นอกจากนี้ การเติบโตของแคมเปญตามหมวดหมู่สินค้า (เครื่องใช้ไฟฟ้าโต 2 เท่า, แฟชั่นและความงามโต 40%) ชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ควรวางแผนการตลาดให้สอดคล้องกับแคมเปญหลักของแพลตฟอร์มเพื่อสร้างผลลัพธ์สูงสุด
ก้าวต่อไปของ Lazada และโอกาสของผู้เล่นใน Ecosystem
การประกาศกลยุทธ์ “Next-Level eCommerce” และการคว้ารางวัล แบรนด์อันดับ 1 ในไทยจาก Campaign Asia เป็นการตอกย้ำว่า Lazada กำลังเปลี่ยนบทบาทจาก “ตลาดนัดออนไลน์” ไปสู่ “ห้างสรรพสินค้าพรีเมียมออนไลน์” ที่เน้นคุณภาพและความน่าเชื่อถือ
สำหรับแบรนด์ นี่คือโอกาสในการสร้าง Brand Equity และเข้าถึงลูกค้าคุณภาพ สำหรับเอเจนซี่และนักการตลาด นี่คือสัญญาณว่าต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้เน้นการสื่อสารด้านคุณภาพและประสบการณ์มากกว่าการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว และสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ การเลือกวางขายสินค้าบนแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
การมาถึงของเมกะแคมเปญ “9.9 ลดอลัง ปังทุกแบรนด์” ที่กำลังจะเริ่มในวันที่ 8 กันยายนนี้ จะเป็นบทพิสูจน์แรกที่ชัดเจนที่สุดของการนำกลยุทธ์ใหม่นี้มาใช้จริง ซึ่งน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์การช้อปที่ “เหนือระดับ” ขึ้นไปอีกขั้น จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการอีคอมเมิร์ซไทยได้มากน้อยเพียงใด


