Site icon Thumbsup

อุ่นเครื่องก่อนงาน Mobile World Congress 2011

บทความนี้คือบทความพิเศษ (ที่เราเรียกว่า Guest Post) จาก @Jimmy_Live (ที่เจ้าตัวออกปากว่ามันคือบทวิพากษ์ปากหมา) โดยส่งมาให้กองบรรณาธิการ thumbsup อัพโหลดขึ้นให้ชาว thumbsup โดยเฉพาะ สิ่งที่ @Jimmy_LIVE เขียน ไม่สะท้อนแนวคิดของกองบรรณาธิการ thumbsup เป็นเพียงมุมมองของคนที่ชอบแทนตัวเองอย่างถ่อมตัวว่า ?โปรแกรมเมอร์? คนหนึ่ง แต่เราเชื่อว่าแฟนๆ หลายคนของเขาทราบดีว่าเขาคือใคร และเราก็อยากจะบอกว่าความเห็นของเขาเป็นความเห็นที่น่าสนใจและมีสไตล์ขวน ติดตามเป็นอย่างยิ่ง ว่าแล้วก็อ่านกันได้โดยพลัน
– – – – –

สัปดาห์นี้เขียนบทความเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนยากมาก ไม่ใช่เพราะไม่มีเรื่องเขียน แต่กลับเป็นเพราะมีเรื่องน่าสนใจมากเกินไป แต่ทุกเรื่องยังดำเนินไปยังไม่ถึงจุดจบ ทุกคนต่างก็รอให้ถึงงาน Mobile World Congress 2011 (MWC) ที่จะจัดขึ้นปลายสัปดาห์หน้าที่ Barcelona ปีนี้ผมไม่ได้ไปงาน แต่ที่บริษัทมี @pi50000 และ @mrpok ไป รอให้สองคนนี้กลับมาคงมีอะไรดีๆ มาเล่าให้ฟังกัน อย่ามัวไปเที่ยวนอกงานเพลินนะเฟ้ย…

เพื่อให้การติดตามข่าวของงาน MWC นี้มีอรรถรสมากขึ้น ผมเลยขอนำเรื่องเด่นๆ ช่วงนี้มาเล่าแบบเกร่นนำให้ฟังละกันนะครับ แต่ก่อนจะเล่าขอออกตัวอีกครั้งว่า บทความนี้เป็นบทความประเภทความเห็นส่วนบุคคล (ที่ฝรั่งเรียกว่า opinion articles นั่นแหละ) ผมไม่ได้มารายงานข่าวให้ท่านฟัง แต่มาเล่าความเห็นส่วนตัวของผมต่อข่าวให้ฟัง ถูกผิดอย่างไรก็เป็นความเห็นส่วนตัว เนื้อข่าวก็คือเนื้อข่าว มันอาจมีมาหลายกระแสและมีความเห็นแตกต่างกันไปตามแหล่งข่าว อ่านไปก็ใช้วิจารณญาณกันไป เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ไม่ว่ากัน และเนื่องจากมันเป็นความเห็น ดังนั้นก็อาจเห็นไม่ตรงกับผู้อ่านได้เป็นธรรมดา…อ่านแล้วขัดเคืองใจก็คอมเมนต์ระบายมา ผมจะอ่านทุกคอมเมนต์แต่ขออนุญาตไม่ตอบนะครับ ไม่อยากให้เป็นดราม่าไป

เรื่องเด่นๆ เรื่องแรกก็ คือการเปิดตัวของ Android 3.0 ที่ Google เอา Motorola XOOM มาโชว์ ผมได้มีโอกาสเล่นตัวจริงนิดส์นึง…ชอบครับ ชอบมากๆ ผมว่ามีโอากาสไม่น้อยทีเดียวที่จะทาบรัศมีกับ iPad ได้ ตามข่าวบอกว่าจะเริ่มขายเดือนหน้า ซึ่งศาสดาก็ตอบโต้กลับด้วยการจะแถลงข่าวเปิดตัว iPad2 ในต้นเดือนหน้าเหมือนกัน งานนี้มีลุ้นครับ

มารู้จักกับ Android 3.0 หน่อย…ชื่อ Code name คือ “Honeycomb” นะครับ ตกลงตัวนี้จะออกมาสำหรับแท็บเบล็ตเท่านั้น แม้ว่ามีบางคนลองแกะไปลงโฟนดูแล้วรันได้ก็ตาม แต่ Google ออกมาบอกแล้วว่าสำหรับ Tablet เท่านั้น และจะออก Android ตัวต่อไปคือ “Ice cream” ตอนเดือน June-July ซึ่งจะวิ่งทั้งแท็บเบล็ตและสมาร์ทโฟน

ดังนั้น Android smartphone จะยังคงเป็น “Gingerbread” ต่อไปจนกว่าจะเป็น “Ice cream” นะครับ

Features เด่นๆ ที่ผมชอบคือ Customizable home screen ที่ใช้ง่ายมากๆ ลากไปลากมา และโปรแกรมก็วิ่งแบบ Multi-tasking แบบจริงๆ ไม่หยุดๆ เดินๆ แบบต้องเขียนโปรแกรมมากมายมาคอยจัดการ…การมี Widget ที่ยอดเยี่ยมจะทำให้ Usability ของ Tablet เพิ่มขึ้นมากครับ รวมไปถึงระบบ Notification ที่เป็นระเบียบแบบแผนมากขึ้น — สรุปว่าชอบครับ บรรดาสาวกคงเตรียมตัวเถียง… เอาน่า..ไว้ลองเล่นก่อนแล้วค่อยเถียงกันนะ…

ในด้าน API ที่น่าสนใจคือ Fragment API ซึ่งเป็นส่วนแสดงผล เดิมที Android ใช้ Layout manager ร่วมกับ Resource selection ที่ Load resource ตาม Resolution และ Screen density ซึ่งก็เป็นวิธีจัดการจอหลายขนาดหลายความละเอียดที่ดีอยู่แล้ว แต่ใน “Honeycomb” มี API ใหม่คือ Fragment API ซึ่งอธิบายง่ายๆคือเป็น Mini-activity ที่ทำงานบน Activity อีกที แต่จะ Interact กับผู้ใช้ได้ดีกว่า Embedded activity ที่ใช้กันอยู่ตอนนี้ รวมทั้งการปรับเรื่องความสามารถในการ Save/Restore state ของ Activity ด้วย เอาคร่าวๆ ละกันนะครับ เดี๋ยวคนที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์จะเบื่อ….

แน่นอนว่าในงาน MWC บรรดาผู้ผลิต Android ก็คงนำเอาแท็บเบล็ตของตนออกมาโชว์กันเป็นทิวแถว… เน้นสำหรับเวลาตามข่าวนะครับ ตัวไหนไม่ใช่ Honeycomb ไม่ต้องสนใจเลยครับ มันต่างกันมากมายระหว่าง Tablet Froyo กับ Honeycomb ครับ

แท็บเบล็ตในปีที่ผ่านมา ขายได้ประมาณ 20 ล้านเครื่องครับ ส่วนใหญ่เป็น iPad และในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนแท็บเบล็ตจะโตขึ้นหลายเท่า และโตต่อไปเรื่อยๆ จนมียอดขาย 800% ในอีก? 4 ปีข้างหน้า คือในปี 2014 จะมียอดขายประมาณ 180 ล้านเครื่องต่อปี จึงเป็นที่แน่นอนว่าทุกเจ้าจะทำทุกวิถีทางที่จะแย่งส่วนแบ่งในจำนวนมหาศาล นี้ ส่วน Android smartphone ก็ยังคงเป็นการเปิดตัวรุ่นที่เป็น Gingerbread กันนะครับ… คงแข่งกันที่ Dual core, CPU speed, จอภาพ, กล้อง ฯลฯ

กลับมาฝั่ง Apple บ้าง สัปดาห์ที่ผ่านมาสาวกมีเฮ เนื่องจากการเปิตตัว iPhone ของ Verizon ทำยอดขายถล่มทลาย ว่ากันว่าน่าจะขายได้เป็นล้านตัวในวันเดียว และของก็หมดสต็อกไปแล้วสำหรับล็อตแรก Verizon ยังไม่ยอมประกาศจำนวน แต่คาดว่าเยอะมาก

ในสหรัฐฯ ไม่เหมือนบ้านเราครับ เค้าใช้โทรศัพท์ Subsidized คือจ่ายค่าโทรศัพท์ถูกแล้วผูกสัญญาเอา ดังนั้นการย้ายค่ายเปลี่ยนเครื่องเป็นเรื่องใหญ่ สาวก Verizon อยากใช้ iPhone มาสามปี แต่ไม่ยอมเปลี่ยนค่ายไป AT&T รอจน Verizon ขาย ยอดเลยทะลักทะลาย บทสำรวจผู้ใช้ Verizon เรื่องนี้ ช็อคไปทั้งวงการครับ ผลบอกว่า 66% ของผู้ใช้ Blackberry และ 44% ของผู้ใช้ Android ในเครือข่าย Verizon คิดจะเปลี่ยนไปใช้ iPhone “ทันที” เรียกว่ากรูอยากใช้มานานแว้วววว…. ดังนั้นยอด ผู้ใช้ iPhone ในสหรัฐในไตรมาสนี้น่าจะขึ้นแบบกระฉูดเลยครับ เสียดายที่ตาจ๊อบส์ป่วย ไม่งั้นแกคงอดไม่ได้ที่จะออกมาแดรกคู่แข่งเรื่องนี้ให้มีเฮ…

เรื่องฝั่ง Apple ในสัปดาห์นี้มีแต่ข่าวดี… Nielsen ออกมาบอกว่าโฆษณา iAd ได้ผลดีกว่าโฆษณาทีวีถึงสองเท่า… คราวนี้แหละครับ วงการโฆษณา ในโมบายเกิดขึ้นแน่ๆ… เม็ดเงินโฆษณาคงเทเข้า iOS กันแบบรับไม่ทันละครับ

เรื่องที่ออกจะติดลบในสัปดาห์นี้คือ Apple reject แอพฯ อีบุ๊คของ Sony ครับ บอกว่ากฎของ Apple นั้นไม่ให้ขายของที่ต้องซื้อนอก AppStore (หมายถึงซื้อหนังสือ) งานนี้ละหนาวกันเป็นแถว ตั้งแต่ Amazon, B&N, Kobo เพราะ Apple ขู่ว่าใครทำแบบนี้จะไม่ให้ขาย แต่เรื่องนี้มันอึมครึมครับ เพราะสไตล์ Apple ไม่ชี้ชัด ให้เดาเอง Amazon น่าจะเดือนร้อนทีเดียว หากต้องขายหนังสือผ่าน AppStore เพราะตาจ๊อบส์เล่นค่าหัวคิวตั้ง 30%
จริงๆ เรื่องนี้ Amazon ก็เลี่ยงกฎมาตลอด ใครใช้ Kindle ใน iOS คงสังเกตว่าเวลาซื้อหนังสือ มันจะโดดออกมาที่ Web Browser ให้ซื้อใน Web Browser ซึ่ง Amazon บอกว่าไม่ผิดกฎเว้ย… แต่ Apple ก็บอกแค่ว่ามรึงลองดูละกัน กรูให้โอกาสถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้ ใครผิดกฎ กรูถอดเรียบแน่… งานนี้ลุ้นกันอีกหลายยกครับ

ข่าวของศาสดาเงียบหายจ้อยไป…บรรดาผู้ถือหุ้น Apple ก็ออกมาร้องไห้กระจองอแง บอกว่าอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป… มันจะถามทำไมฟะ ใครเค้าจะไปรู้ละเว้ย…
อีกข่าวที่ไม่รู้เหมือน กันว่าเป็นข่าวดีหรือเปล่าคือ ตาเฒ่ารูเพิร์ด เมอร์ด็อก ออก The Daily นิตยสารสำหรับ iPad โดยเฉพาะมาให้เรายลโฉมแล้ว งานนี้ใช้เงินในการ set up 30 ล้านเหรียญ และจะใช้เงินอีกสัปดาห์ละ 500,000 เหรียญ รวมแล้วปีนี้ใช้ไป 56 ล้านเหรียญ สำหรับอภิมหานิตยสารอิเลคโทรนิคส์แห่งยุคสมัยนี้… งานนี้ดูเหมือนจะฮือฮา แต่ผมดูแล้วยังงงๆ ขอดูอีกหน่อยละกันแล้วค่อยวิจารณ์ มีนักวิจารณ์เริ่มออกมาแดรกอยู่บ้างว่ามันใช้เวลาโหลด 80 วินาที ซึ่งน่าเบื่ออย่างยิ่ง โปรแกรมอื่นเค้าใช้แค่ 20 วินาทีเท่านั้น…

อีกเรื่องที่อื้อฉาวหน่อยคือ Google ขุดหลุมดัก Microsoft และก็สำเร็จ โดยสร้างคำสำหรับ Search ที่เป็นคำที่ไม่มีใครใช้ แล้วแสดงผลใน Google Search เมื่อค้นหาคำนี้ จากนั้นก็ไปเปิด Bing ค้นหาคำนี้ ซึ่งน่าจะไม่เจอเพราะเป็นคำที่ไม่มีใครใช้ แต่ปรากฎว่า Bing นั้น เก่งโคตร หาเจอ และผลที่หาเจอเหมือนกับ Google Search แบบ แพะกับแพะ ไม่ต่างกันเลย Google ได้ทีก็เลยประกาศข่าวใหญ่โตว่า หน้าไม่อาย ไอ้ไมโครซอฟต์ เอ็งลอกของข้าเต็มเปาเลย…. แล้วก็โวยวาย โวยวาย ให้โลกรู้ ไมโครซอฟต์ ก็เถียงหน้าด้านๆ เลยว่า กรูไม่ได้ลอก เอ็งทำให้ข้าหลงกลต่างหาก (เถียงแบบพ่อค้ายาบ้าที่โทษว่าตำรวจล่อซื้อน่ะแหละ) แต่เถียงไปเหอะ คนทั้งโลกดูแล้วก็ส่ายหัว แม่งลอกชัดๆ…

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟต์ ออกอัพเดตยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกโมบาย…นั่นคือ Copy & Paste ใน WP7 เป็นข่าวใหญ่โตเลย… แต่ที่ผมสนใจคือที่เอาคนทำ ChevronWP7 ไปกล่อมจนเค้ายอมเลิกทำ แล้วก็ปิดช่องว่างการ Unlock ซะ…เรียกว่าต่อไปนี้ไม่มีทาง Unlock แล้ว (มั้ง) ใน Firmware ตัวใหม่

ข่าวที่ใหญ่ที่สุด และนำมาซึ่งการวิพากษ์มากที่สุดคือข่าว Nokia จะปลดผู้บริหารแบบยกแผง และประกาศทิศทางบริษัทครั้งใหม่ … โอ้..แม่เจ้า… นัยว่า Nokia จะเข้าจับมือจูบปากกับไมโครซอฟต์กอดคอพากันไปลงเหวแน่นอนแล้ว นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า ไอ้ของห่วยสองอันรวมกัน มันไม่ได้ของดีขึ้นมาหรอก บ้างก็บอกว่าคนจมน้ำสองคนแก้ปัญหาโดยผูกติดกันไว้แล้วช่วยกันว่ายน้ำ ก็คงไม่ช่วยอะไร…
เรื่องนี้เค้าพูดกันมานะ ผมแค่เอามาเล่าให้ฟัง เพราะเรื่องนี้จริงๆ ยังไม่เกิดขึ้น เค้าจะแถลงข่าวกันในวันที่ 11 นี้ เอาไว้ผลออกมาอย่างไรค่อยว่ากัน… (มีข่าวด้วยว่า Nokia จะเอา MeeGo “Super phone” ออกมาโชว์ด้วย…เลยยิ่งสับสนไปใหญ่ ตัวนี้เป็น CPU Intel 1.6 GHz…กรูละไม่อยากนึก…)

จริงๆ แล้วเรื่อง Nokia นี่ต้องรอดูครับ ขนาดของ Nokia ใช่ว่าจะล้มง่ายๆ ขยับทีก็น่าจะมีผลต่ออุตสาหกรรมโมบายเอามากๆ รอดูก่อนที่จะวิพากษ์ดีกว่าครับ อาจมีอะไรดีๆ ออกมาให้เห็นก็ได้เหมือนกัน… ว่าแต่ว่าเอ็งจะเลิก X7 จริงๆเหรอ? รออยู่นะเฟ้ย…

เรื่องของเรื่องคือ Q4 ที่ผ่านมาผลกำไรของ Nokia รูดลงถึง 22% เรียกว่าชักจะกู่ไม่กลับแล้ว และยังมีข่าวอีกว่าจะยกเลิก X7 ประกอบกับ Symbian ที่เพิ่ง update ออกมาแสดงให้เห็นอย่างเดียวคือ การพัฒนาของ Nokia นั้นช้ามาก…เรื่องนี้น่าเป็น ห่วงเพราะที่ผ่านมา Nokia ใช้เงิน R&D มากกว่า Apple ถึง 5 เท่าตัว..แต่ผลมันห่างกันชนิดไม่เห็นหัวเห็นหาง นัยว่าทีมผู้บริหารเดิมจะถูกยกแผงแน่ในสัปดาห์หน้า…

เอาเป็นว่ารอดูช่วงงาน MWC นะครับ ที่เล่ามาทั้งหมดอาจพลิกล็อกทั้งหมดก็ได้….