Site icon Thumbsup

กลุ่มแม่บ้านเริ่มใช้งานส่วนลดและคูปองแบบดิจิทัล แต่ก็ยังไม่ละทิ้งคูปองหรือส่วนลดแบบเดิม

อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดี กลุ่มแม่บ้านและมีครอบครัวแล้ว นั้นเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่แสวงหาคูปอง และส่วนลดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนาของเทคโนโลยีในัจจุบันจึงยิ่งทำให้พวกเธอสามารถแสวงหาส่วนลดและคูปองต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จากการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ของกลุ่มแม่บ้าน ผ่านสื่ออนไลน์

จากรายงานของ eMarketer ในหัวข้อ “Mothers as Bargain Hunters: Using Old and New Means to Get the Most for Their Money.” การใช้คูปองนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของกลุ่มแม่บ้านทั้งที่ปกติแล้วกลุ่มแม่บ้านนั้นมีแนวโน้มที่จะเพิกเฉยต่อการทำการตลาดของแบรนด์ต่างๆ แต่พวกเธอจะเปิดรับ และมองหาส่วนลดต่างๆ จากนักการตลาดเหล่านั้น

และจากข้อมูลของ Allrecipes.com 7 ใน 10 ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่เป็นแม่บ้าน เผยว่าพวกเธอได้ใช้คูปองที่พวกเธอตัดไวในการซื้อของจากร้านค้าต่างๆ และ 1 ใน 3 ของพวกเธอยังคงใช้ใบปลิว หรือหนังสือส่วนลดจากร้านค้านั้นๆ อยู่

นอกจากวิธีเดิมที่ๆ พวกเธอจะพบคูปอง หรือส่วนลดต่างๆ แล้ว จากผลการเก็บข้อมูลโดย Womenforum เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2013 ที่ผ่านมา เหล่าแม่บ้านมีวิธีการแสวงหาคูปอง และส่วนลดที่หลากหลาย โดยแม่บ้านส่วนมาก 77.8% จะได้คูปองส่วนลดต่างๆ จากแม็กกาซีนหรือหนังสือพิมพ์, จากร้านค้าต่างๆ 65.4%  จากโฆษณาออนไลน์ หรือบล็อก 55.1% และ เว็บไซต์เกี่ยวกับอาหาร หรือบล็อกเกอร์ประมาณ 37.8%

แม่บ้านส่วนมากที่คิดว่าสมาร์ทโฟนนั้นมีราคาค่อนข้างสูง อาจเปลี่ยนใจเมื่อพวกเธอรู้ว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถทำให้พวกเธอประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อของเข้าบ้านได้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกใช้งานเพื่อเข้าถึงคูปองส่วนลด เปรียบเทียบราคา เพื่อปองกันการจ่ายเงินที่มากกว่าความเป็นจริง

โดย BabyCenter ได้เก็บข้อมูลจากเหล่าแม่บ้านที่ใช้งานสมาร์ทโฟนว่าพวกเธอใช้สมาร์ทโฟนทำอะไรบ้าง ในช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม เมื่อปี 2013 พบว่า 72% ของแม่บ้านใช้สมาร์ทโฟนเพื่อมองหาส่วนลด หรือข้อเสนอต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันกันจากการเก็บข้อมูลในรูปแบบของแบบสอบถามโดย Harris Interactive ที่ได้เก็บข้อมูลจากผู้ปกครองที่ใช้งานสมาร์ทโฟน พบว่าพวกเขามีแนวโน้มจะทำตามข้อเสนอของนักการตลาดเพราะมีโปรโมชัน และคูปองแจ้งข้อมูลไว้อย่างนั้น

ความสัมพันธ์ของเหล่าแม่บ้านและแบรนด์ต่างๆ นั้นเป็นไปในลักษณะเพื่อการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้พวกเขาจะไม่รู้สึกต่อต้านแบรนด์ แต่นักการตลาดต้องทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการที่พวกเขาจะเสียเวลา

ขณะเดียวกันกลุ่มแม่บ้านที่กำลังจะมีลูก ผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก 8 ใน 10 ของพวกเขาเผยว่า เพราะพวกเขาเห็นคูปอง และส่วนลดของแบรนด์นั้นๆ ทำให้พวกเขากด Like หรือ ติดตามแบรนด์นั้นๆ ขณะเดียวกันพวกเขาซื้อสินค้าจากแบรนด์นั้น เพราะได้รับคูปองจากแบรนด์นั้นๆ ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ที่มา : eMarketer