เรื่องการใช้งานคลาวด์สำหรับองค์กรใหญ่ เป็นแนวทางที่บริษัทต่างๆ มีความสนใจมากขึ้น เพราะช่วยให้การใช้ข้อมูลเกิดประโยชน์ได้ดีขึ้น ลดต้นทุนในการบริหารจัดการ รวมทั้งวางแผนการใช้เทคโนโลยีในอนาคตได้มากกว่าเดิม
คุณทวีสุข สายะศิลปี ผู้จัดการฝ่ายแผนวิสาหกิจ และผู้อำนวยการโครงการ ERP บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท SAP และ คุณทิพมาศ อจลากุล Head of Commercial Industries ของ AWS Thailand ร่วมกันพูดคุยในงาน AWS Summit 2025 เกี่ยวกับการใช้งานคลาวด์ ไว้ดังนี้
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านพลังงานของประเทศ ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญในการดำเนินโครงการ Digital Transformation โดยได้ย้ายระบบ SAP ซึ่งเป็นระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) อันเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงาน ไปยังบริการคลาวด์ของ Amazon Web Services (AWS) การย้ายระบบครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความพร้อมสำหรับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
SAP ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ Digital Transformation ของ ปตท. จะช่วยให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มีอยู่กลายเป็นชุดข้อมูลพื้นฐานในการต่อยอดโครงการ AI ต่าง ๆ ในอนาคต การดำเนินงานบนคลาวด์ของ AWS ให้ความยืดหยุ่นและทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับการประมวลผลที่ซับซ้อน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชัน AI ในอนาคต
ประโยชน์หลักที่คาดว่าจะได้รับจากการย้ายระบบ SAP ขึ้นคลาวด์ AWS ได้แก่:
- เสริมศักยภาพการขับเคลื่อน Digital Transformation และ AI: ระบบ SAP บนคลาวด์ AWS เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้ ปตท. สามารถใช้ข้อมูลจากระบบ ERP เพื่อพัฒนาระบบ AI และ Analytics ขั้นสูง สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในยุคดิจิทัล
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประหยัดเวลา: ผู้ใช้งานจากหลากหลายฟังก์ชันสามารถเข้าถึงและใช้งานระบบได้ง่ายขึ้น ช่วยประหยัดเวลา และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อยอดได้สะดวกยิ่งขึ้น ฟังก์ชันใหม่ ๆ เช่น แชทบอท ที่จะรองรับภาษาไทยในไตรมาส 2 นี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน
- การปรับรูปแบบการลงทุนและลดต้นทุน: การเปลี่ยนจากการลงทุนแบบ Capital Expenditure (CAPEX) ในฮาร์ดแวร์และโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง มาเป็นการลงทุนแบบ Operational Expenditure (OPEX) ในรูปแบบ Pay-per-use บนคลาวด์ คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องลงได้ประมาณ 20% รวมถึงลดภาระการดูแลบำรุงรักษาและกำลังคน
- ยกระดับความปลอดภัยและความยืดหยุ่น: การใช้บริการ AWS Region ในประเทศไทย ช่วยตอบสนองข้อกำหนดด้าน Data Residency และเพิ่มความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของข้อมูล แพลตฟอร์มคลาวด์ยังมีความยืดหยุ่นในการปรับขยายทรัพยากรตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว
- ความต่อเนื่องทางธุรกิจและแผนรองรับภัยพิบัติที่แข็งแกร่ง: SAP และ AWS ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจถึงระดับการให้บริการ (SLA) ในด้านความพร้อมใช้งานของระบบ และมีแผนรองรับภัยพิบัติ (Disaster Recovery) ที่ชัดเจน พร้อมกำหนดเวลาการกู้คืนระบบ (Recovery Time) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับระบบงานหลัก
• เข้าถึงนวัตกรรมล่าสุดได้อย่างต่อเนื่อง: การอยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ช่วยให้ ปตท. สามารถเข้าถึงและนำนวัตกรรมล่าสุดจาก SAP รวมถึงความสามารถด้าน AI ที่มีมาให้ในระบบ และบริการต่าง ๆ ของ AWS มาใช้ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมจำนวนมาก - การพัฒนาศักยภาพบุคลากร: ปตท. ได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้แก่พนักงานทุกคน 100% ภายใน 4 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและระบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมืออันยาวนานระหว่าง SAP และ AWS ในระดับโลกและในประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และสร้างความมั่นใจให้กับ ปตท. ในการดำเนินงานและก้าวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ โครงการนี้ยังถือเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่กำลังมองหาแนวทางในการยกระดับระบบงานหลักสู่แพลตฟอร์มคลาวด์