Site icon Thumbsup

พูดคุยกับทีมงาน SalePa อีกหนึ่ง Startup ท่ามกลางกระแส app แนวส่วนลดในตลาดไทย

ในวันที่ตลาดไทยมีแอพพลิเคชั่นบนเครื่องสมาร์ทโฟนเยอะแยะมากมาย และเป็นช่วงที่ Startup ไทยกำลังต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายๆ ด้าน ทั้งคุณค่าของตัว Product และโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน SalePa เป็นอีกหนึี่งในนั้น เรามีโอกาสได้พูดคุยกันสั้นๆ กับผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นรายนี้ “คุณท้อป” เราลองไปดูว่าเค้ามีมุมมองต่อแอพฯ ที่ให้ข้อมูลราคาส่วนลดและตลาดการแข่งขันของธุรกิจประเภทนี้เป็นอย่างไร

thumbsup: ได้ไอเดียที่มาการทำ แอพฯ นี้ได้อย่างไร
ท้อป: ความจริงเราทำมาก็นานมากแล้วครับ ตั้งแต่ยังไม่มี แอพฯ ประเภทนี้เปิดตัวออกมาเลย ได้ไอเดียมาจากความอยากซื้อของถูกของตัวเองนี่แหละครับ ไม่ว่าใครๆ ก็อยากจะซื้อของถูกกันทั้งนั้น รวมถึงตัวผมด้วย ก็เลยได้ไอเดียออกมาว่า ถ้าเกิดแบรนด์ที่เราชอบ เค้าบอกเราว่าเค้าลดอยู่เนี่ยก็คงจะดีไม่ใช่น้อย แล้วเราจะได้ไปซื้อของจากแบรนด์นั้นได้อย่างถูกจังหวะครับ นี่ก็เป็นที่มาของ แอพฯ ครับผม

thumbsup: เชื่อว่าตลาดนี้มีการแข่งขันกันพอสมควรเลย มีอะไรที่เป็นจุดต่างอย่างชัดเจนและเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันระยะยาว
ท้อป: จุดต่างอย่างชัดเจนที่ทุกๆ คนน่าจะเห็นเลยก็คือเรื่องของ Interface ที่หวานแหววสวยงาม เอาใจคุณผู้หญิงทั้งหลายเลยครับ เราพยายามทำให้ Interface ของ แอพฯ ดูไม่เหมือน แอพฯ ส่วนลดทั่วไปหนะครับ ก็เลยได้ Interface ออกมาเป็นอย่างนี้ เอาใจคุณผู้หญิงทั้งหลาย ได้ดูกันเพลินๆ ให้ได้กดกันไปเรื่อยๆ แบบไม่ได้หยุด ให้ได้ใช้เวลากับ แอพฯ เราแบบไม่ใช่เปิดผ่านๆ? และผูกพันกับมัน

ส่วนกลยุทธ์ในระยะยาวก็เรายังคงแนวคิดเดิมก็คือจะไม่เอาเรื่องของคูปองหรือว่าบัตรสะสมแต้มเข้ามาเกี่ยวข้องครับ เราพยายามทำให้ผู้ใช้ได้ใช้แอพฯ เราง่ายๆ ไม่ซับซ้อน “Make it simple” กลุ่มเป้าหมายของเราเป็นผู้หญิงเราเลยต้องทำให้แอพฯ ใช้ง่ายมากที่สุดครับเพราะผู้หญิงจะไม่ค่อยชอบเรื่องเทคโนโลยีมากซักเท่าไหร่ ตรงนี้ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการแข่งขันของเราครับ

ส่วนเรื่องของแบรนด์ต่างๆ เองที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ตอนนี้ตัวของระบบอินพุตที่จะให้ แบรนด์ได้เข้ามาลงโปรโมชั่น หรือแก้ไขข้อมูลของตัวเองก็เสร็จสมบูรณ์รอตรวจสอบความพร้อมอีกทีครับ แล้วตรงนี้ก็จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ง่ายต่อการส่งสารถึงผู้ใช้งานครับ ตรงนี้ก็ต้องทำให้ง่ายต่อการอินพุตมากที่สุดด้วย ส่วนสำหรับกลยุทธ์อื่นๆก็มีอยู่บ้างครับ แต่ว่าต้องดูเรื่องของทิศทางหรือเทรนด์ต่างๆ ประกอบไปก่อนที่จะตัดสินใจอย่างแน่นอนครับ

thumbsup: แผนการพัฒนาหารายได้ต่อไปเป็นอย่างไร
ท้อป: ตอนแรก พูดตรงๆ เลยคือเราอยากจะเก็บเป็นค่า Service เอาจากแบรนด์ต่างๆ ที่มาใช้งานระบบของเราครับ แต่ว่าตอนนี้คิดว่าคงเปิดเป็น Free Service ไปเลยครับผม ส่วนเรื่องของผู้ใช้แน่นอนว่าเราไปเก็บเงินจากเค้าไม่ได้อยู่แล้วครับต้องใช้ฟรีอย่างเดียว แล้วเรื่องของโฆษณา Ad ใน แอพฯ ก็จะทำให้อรรถรสการใช้แอพฯ ลดลงผมก็เลยไม่คิดจะสร้างรายได้จากทางนี้เช่นเดียวกันครับ แผนการหารายได้เลยอาจจะเป็นเรื่องของ Service พิเศษต่างๆ และรายได้อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่ในรูปแบบของเงินที่เราได้ก็คือสายสัมพันธ์กับแบรนด์ด้วยแหละครับ

thumbsup: ตอนนี้มีผู้ใช้มากน้อยแค่ไหนแล้ว
ท้อป: ยอดดาวน์โหลดก็เป็นตัวเลข 5 หลักครับ ซึ่งก็ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ครับ แต่ว่าก็ถือว่าไม่แย่ครับผม ส่วน Active user ที่ติดแอพฯ เราแล้วใช้ทุกวันก็มีจำนวนที่น่าพอใจครับ แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ครับ (ตัวเลขขอไม่เปิดเผยละกันนะครับ) ^^ ที่บอกว่าน่าพอใจเพราะว่าเราแทบจะไม่ได้ทำโฆษณาหรือโปรโมท อะไรใดๆเลยแต่ยอดดาวน์โหลด และยอดผู้ใช้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีเร็วบ้างช้าบ้างก็ตามประสาครับ ซึ่งยอด ดาวน์โหลดส่วนนี้น่าจะมาจากการบอกปากต่อปากเป็นส่วนใหญ่ครับ

thumbsup: มองอนาคตและทิศทางของ SalePa ไว้อย่างไรบ้างเอ่ย
ท้อป: ในอนาคต แน่นอนครับที่บอกไปแล้วคือเราทำระบบรองรับ Profile ของแบรนด์ไปแล้ว อีกขั้น หนึ่งที่เราจะทำคือเรื่องของ User ครับ อยากให้ตัวแบรนด์สามารถสื่อสารกับผู้ใช้ แอพฯ ได้โดยตรงผ่านภายใน แอพฯ เลยครับ อย่างเช่น ของที่สาขานี้เหลือเยอะไหม, สินค้านี้ลดกี่ % คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ผู้ซื้อชอบถามกันเป็นประจำ แล้วเรื่องของลดราคามีอัพเดตอยู่เรื่อยๆ อยากให้เป็นคอมมูนิตี้ของคนที่ซื้อของอย่างคุ้มค่าได้เอามาแบ่งปันกัน และได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องและรวดเร็วครับ

thumbsup: มองตลาดการแข่งขันของแอพฯ แนวเดียวกัน (บอกราคาส่วนลด) ไว้อย่างไรบ้าง คิดว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือผู้เล่น 1-2 รายหรือไม่ที่จะอยู่รอดได้ และเพราะอะไร
ท้อป: คิดว่าสุดท้ายแล้วแอพฯ ในแนวนี้จะเหลือผู้เล่นอยู่ 2 รายแหละครับ คงไม่น่าจะเกินกว่านี้ สำหรับรายที่อยู่ไม่รอดคือรายที่ไม่สามารถหารายได้จากการทำแอพฯ นี้ได้ หรือว่าทำแล้วไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับการซึ่งอาจจะเป็นเงิน หรือเวลา สำหรับใครที่ทำระบบรองรับส่วนตรงนี้ได้เร็วและง่ายที่สุดก็น่าจะได้เปรียบครับ เพราะจะช่วยประหยัด ค่าใช้จ่ายทางด้านเวลา ในการลงคอนเทนต์ในอนาคตไปได้เยอะครับ