หลังจากทีมงานนำเสนอข่าว?Builk.com Startup?ที่สามารถไปคว้าแชมป์การแข่งขันนำเสนอแผนธุรกิจที่งาน?Echelon ประจำปี 2012 จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เชื่อว่าใครหลายๆ คนคงสนใจอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของ Startup รายนี้อย่างแน่นอน ทีมงาน?thumbsup?จึงไม่พลาดที่จะขอสัมภาษณ์คุณไผท ผดุงถิ่น (คุณโบ๊ท)?Pricipal/Evangelist จาก?Builk.com?เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปพูดคุยกับคุณโบ๊ทกันเลยดีกว่าค่ะ

thumbsup : ก่อนที่จะมาเป็น Builk?ทราบว่าทีมงานคลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจก่อสร้างมาอยู่ก่อนแล้วกับ Longongstudio ช่วยเล่าที่มาที่ไปหน่อย
คุณโบ๊ท?:?ใช่ครับ แม้แต่ก่อนทำ?Longongstudio?ก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว คือเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างมาก่อน โดยยังไม่มีอะไรเกียวกับไอที แต่จุดเริ่มต้นตอนทำ?Longong?ก็เพราะในตอนนั้นเราเองยังหาซอฟแวร์ที่ช่วยธุรกิจก่อสร้างโดยตรงไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเห็นพวกซอฟแวร์กลุ่มบัญชีเสียเยอะ เลยตัดใจโดดมาทำดู ให้น้องที่มีประสบการณ์ด้าน?ERP?มาช่วยเขียนโปรแกรม ถ้าย้อนเวลากลับไปในช่วงนั้นก็ประมาณปี?2005?แหน่ะ (เป็น?Startup?มาหลายช่วง?:D) หลังจากทำมาได้สักระยะนึงก็ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีผู้รับเหมาขนาดกลาง, ขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทญึ่ปุ่นสนใจมาใช้ซอฟแวร์ของเรา แต่เราก็ยังคงแกนหลักไว้คือ ERP?ที่เจาะกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งเป็นสายธุรกิจที่เราถนัดและโฟกัสจริงๆ ไม่ได้ทำ?ERP?สำหรับธุรกิจทั่วไป

thumbsup :?แล้วทำไมถึงมาเปิด?Builk?อีกบริการ?
คุณโบ๊ท?:

  • ขยายฐานสู่ SME? – คือเมื่อทำไปสักพักซอฟแวร์ก็เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น มีฟังก์ชั่นมากขึ้น เริ่มใช้ยาก ถ้าเป็น?SME?จะใช้ไม่ได้ และบางรายก็บอกว่าราคาเริ่มสูงไป สำหรับ?Longong?ตอนแรกเลยผมตั้งราคาไว้อยู่ที่หลักหมื่น แต่พอทำไป ทำมาต้องมีทีมซัพพอร์ทลูกค้า,?มีทีมอิมพลีเมนท์ ราคาก็เริ่มเขยิบขึ้นไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ราคาก็มีตั้งแต่?5แสน ถึง?10ล้าน ซึ่งเหมาะกับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ผมก็ยังอยากที่จะทำซอฟแวร์ให้กลุ่มคนส่วนใหญ่ในภาคธุรกิจนี้ด้วย เลยลองเปลี่ยน Business Model ดู
  • ขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ – อีกเหตุผลหนึ่งคือช่วงที่ธุรกิจก่อสร้างบ้านเราเข้าสู่ขาลง ผมลองวิ่งตลาดที่เวียดนามเอาซอฟแวร์ Longong?เข้าไป แต่ปรากฏว่ากลับเจ็บตัว เลยคิดว่าโมเดล?ERP?ที่ต้องอาศัยการอิมพลีเมนท์มันไม่เหมาะกับการขยายตัว?ซึ่งตัวผมมีความตั้งใจอยากให้ซอฟแวร์ไทยสามารถขายได้ในตลาดต่างประเทศด้วย แต่ที่ผ่านมามันกลับขายได้เฉพาะบริษัทต่างชาติในไทย แต่เมื่อไปต่างประเทศมันยังมีหลายสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เลยกลับมาดูที่แผนอีกครั้งเลยทำให้รู้ว่า เป็นเพราะ Business Model แบบเดิมนั้นไม่เหมาะกับการเจาะตลาดต่างประเทศ

thumbsup 😕?Business Model ใหม่ที่กล่าวถึงเป็นอย่างไร?
คุณโบ๊ท?:?ในสายธุรกิจของผมปัจจุบันมีผู้รับเหมาก่อสร้างที่จดทะเบียนอยู่กับกระทรวงพาณิชย์ประมาณ?8 หมื่นราย ซึ่งกลุ่มที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ?Longong?น่าจะมีประมาณหลักพันเป็นลูกค้าผมไปแล้วประมาณ?250?ราย (ถือว่าเป็น???ของกลุ่มเป้าหมายของผมไปแล้ว) โจทย์ที่ตั้งไว้ก็คือทำโปรแกรมให้เล็กลงจากเดิม, ให้ขายง่ายขึ้นและมีคนมาใช้มากขึ้น ซึ่งในตอนนั้น Business Model ยังเป็นแบบ?Freemium?อยู่เลย ยังไม่เหมือนทุกวันนี้ แต่พอเริ่มทำจริงๆ ก็ทำให้รู้ว่าไม่น่าจะเหมาะอีก เพราะซอฟแวร์ของผมมันเจาะธุรกิจก่อสร้างที่ถือว่า?niche?อยู่แล้ว ผนวกกับตลาดในไทยที่ถือว่าเล็กมาก ยกตัวอย่างถ้ามีคนใช้?1,000?บริษัท และปกติคนที่มายอมซื้อ?Premium ใช้ต่อสัก?5 %?หรืออาจจะน้อยกว่านั้นแค่?1-2%?ด้วยซ้ำ แน่นอนรายได้ย่อมไม่พอ

เคยคิดลองทำเป็น Lite เวอร์ชั่นออกมาด้วยนะครับ แต่ปรากฏว่าเหนื่อยกว่าเดิมอีกเพราะคนที่เสียเงินหลักแสน, หลักล้าน กับคนที่เสียเงินหลักหมื่นก็ต้องการความสำเร็จในธุรกิจเหมือนกัน ต้องมีทีมซัพพอร์ทเหมือนกัน เลยตัดสินใจเปลี่ยน Business Model อย่างที่เห็นในปัจจุบันนั่นคือ เปิดให้ใช้ซอฟแวร์ฟรี, ทำซอฟแวร์ที่ใช้งานง่าย และหารายได้จากช่องทางที่มีโอกาสอย่างค่าโฆษณาแทน เลยเกิดมาเป็น?Mini ERP?แบบ SaaS (Software as a Service บน Cloud)?อย่าง?Builk?ครับ เมื่อทำไปสักระยะก็เริ่มมองเห็นโอกาสอื่นๆ เลยขยายภาพออกไปเป็นคอมมูนิตี้เป็น Professional Social Network สำหรับด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างเปิดใบสั่งซื้อ, อนุมัติเอกสารได้, ของที่มาส่งแล้วถ่ายรูปยืนยันได้ เป็นต้น นอกจากนี้เรายังมีแอพพลิเคชั่นบน android (beta) สามารถใช้ติดต่อ Site Manager ได้, ถ่ายรูปจากหน้างานและแบ่งปันข้อมูลบนระบบการจัดการความรู้ (Knowledge Management)

thumbsup 😕Business Model ที่สร้างมาคือเปิดให้ใช้บริการฟรี?(ฟรีจริงๆ)?และหารายได้จากโฆษณาเป็นไอเดียที่มีใช้ในหลายภาคธุรกิจแต่ในสายธุรกิจก่อสร้างที่เปิดให้บริการซอแวร์ฟรีแบบนี้ในต่างประเทศมีไหม?
คุณโบ๊ท?:?เอาตรงๆ เลยนะครับ ตอนที่เริ่มต้นธุรกิจ ผมก็มีความกังวลเหมือนกันเพราะว่าไม่เจอตัวอย่างในลักษณะนี้มาก่อนเลย เท่าที่ค้นคว้าดูที่อมริกาส่วนใหญ่ก็เป็น Freemium มากกว่าอีกทั้งเป็นอุตสหกรรมเดียวในประเทศเล็กๆ ไม่ได้ขยายออกไปใหญ่อะไร ในวันแรกยอมรับว่าไม่มีรายได้ เอารายได้สนับสนุนมาจาก?Longong?แทน แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่ครับว่ามันต้องมีโอกาส อีกทั้งผลตอบรับจากผู้ใช้ค่อนข้างดี และเห็นว่างบประมาณด้านการตลาดในสายธุรกิจก่อสร้างนั้นถูกใช้จ่ายออกไปเยอะมาก อย่างเช่นพวกสื่ออย่างบิลบอร์ด ซึ่งถ้ามองในแง่โฆษณาผมขอนิดเดียวที่จะมาลงกับ Builk ก็สามารถผลักดันธุรกิจนี้ต่อไปได้แล้วครับ ก็พิสูจน์ให้สปอนเซอร์ดูว่าแม้ไม่ใช่เว็บไซต์ใหญ่ ไม่ได้มี Page View เยอะ แต่เป็น คอมมูนิตี้ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ สักพักก็เริ่มได้งบมา?โดยช่วงแรกเป็นงบด้าน CSR (Corporate Social Responsibility)? ของแบรนด์ต่างๆ และค่อยๆ ขยับขยายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มันอยู่ด้วยตัวของมันเองได้

thumbsup: รายได้เริ่มเข้ามาเมื่อไหร่?
คุณโบ๊ท : เราพัฒนา Builk มาตั้งแต่ปี 2009 พัฒนามาปีนึงก็ยังไม่ได้เปิดตัว โดยทำ close beta กับเพื่อนๆ ก่อน และเปิดตัวกลางปี 2010 กว่าจะมีรายได้จริงๆ ก็ประมาณปี 2011 ช่วงไตรมาสที่ 1-2

thumbsup : ฟังดูแล้วเหมือนไม่มีคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียโดยตรงเลยหรือเปล่า?
คุณโบ๊ท : เท่าที่ค้นคว้าดูยังไม่เห็นในลักษณะนี้โดยตรงหมือนกัน แต่ในเอเชียและตลาดโลก คำว่า Construction แอพพลิเคชั่น จะมีอยู่หลายตัวและส่วนใหญ่เป็น Freemium ไม่ก็เป็นกลุ่ม Construction Directory รวมผู้รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างซึ่งพวกนี้มีเยอะครับ ทำรายได้จากการโฆษณาเหมือนกัน บางรายอาจทำธุรกิจสิ่งพิมพ์มาก่อนแล้วค่อยผันมากลายเป็นเว็บไซต์ อย่างของอเมริกาจะมี McGraw-Hill ที่ทำธุรกิจหนังสือต่อมาเข้าซื้อกิจการสายธุรกิจก่อสร้างเลยขยายมายังภาคธุรกิจนี้ สำหรับ Longgong ผมมีความสุขกับ Blue Ocean มาประมาณ 4 ปี (พูดไปอมยิ้มไป :D) และก็เริ่มมีคู่แข่งเกิดขึ้นโดยอาศัยเรื่องของราคามาเล่น สำหรับ Builk? แล้วพบก็ไม่ได้กลัวครับ ทุกธุรกิจย่อมมีการแข่งขัน อนาคตอาจมีคู่แข่งเกิดขึ้นก็ได้ ถึงแม้จะเป็นบริการฟรีแล้ว มันก็อาจจะมีฟรีแล้วดีกว่าในอนาคต แต่ทาง Builk ก็จะไม่หยุดนิ่งครับก็จะพยายามพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

thumbsup: ทราบวาคุณโบ๊ทเป็นคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจก่อสร้างมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เลยเข้าใจภาคธุรกิจนี้เป็นอย่างดี ฟีเจอร์และความต้องการหลักๆ ทางคุณโบ๊ทสามารถให้ requirement กับทางนักพัฒนาได้ แล้วมีการเก็บ requirement จากกลุ่มลูกค้าด้วยหรือไม่อย่างไร?
คุณโบ๊ท : มีครับ หลังจากเรามีคอมมูนิตี้ ก็เป็นช่องทางสำคัญเลย เราก็ได้ requirement มาจากผู้ใช้งานด้วยเช่นกัน ฟังเสียงผู้ใช้งานเป็นหลักครับ และก็มีการจัดงานพบปะกันแบบออฟไลน์ด้วย

thumbsup :?มีการเจาะตลาดต่างประเทศอย่างไร?
คุณโบ๊ท : ตั้งแต่ตั้ง Builk มาก็ตั้งใจเจาะตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น Longong ไปไม่ได้เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ Builk เป็น? Software as a Service (SaaS) ไปได้ง่ายกว่า ?ก่อนหน้านี้ก็มีไปกับสมาคมซอฟแวร์ที่ออกบูธเดินสายทั่วเอเชีย แต่ก็ยอมรับครับว่าคนมาดูงานที่ไม่ได้อยู่ในสายธุรกิจนี้ก็จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าเป็นกลุ่มสายธนาคาร, ธุรกิจโทรคมนาคมดูจะเข้าใจมากกว่า ผมเลยคิดว่าการไปออกงานก่อสร้างน่าจะส่งผลดีกว่าเป็นเสมือนบริษัทที่นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการนี้ หลังๆ เลยปรับแผนไปเน้นออกงานก่อสร้างมากขึ้น และไปคุยกับคนในวงการนี้ด้วยกัน อย่างตลาดที่เราสนใจก็มีเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ไปคุยกับสมาคมก่อสร้างของประเทศต่างๆ โครงสร้างธุรกิจก่อสร้างที่นั่นคล้ายๆ บ้านเราครับ มี SME เยอะแยะเต็มไปหมด มีแค่สิงคโปร์และมาเลเซียที่มีลักษณะโครงสร้างต่างกัน อย่างสิงคโปร์จะใช้ผู้รับเหมาขนาดใหญ่ไปเลยและใช้แรงงานตรง ไม่ค่อยเห็นรายเล็กๆ แบบรับต่อเติมบ้าน และจากประสบการณ์ที่ได้จาก ?Echelon 2012 นับตั้งแต่การแข่งรอบแรกที่?Vietnam Satellite จนกระทั่งได้รางวัลที่ Echelon 2012 ทำให้ผมได้แรงบันดาลใจหลายๆ อย่าง และได้ Partnership จากหลายประเทศที่ไปร่วมงาน ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เลยครับ และทำให้แผนที่จะบุกตลาดในต่างประเทศในปีหน้าก็คิดว่าน่าจะเร็วขึ้นแล้วเพราะมองเห็นช่องทาง

thumbsup : ?แผนในอนาคตอีก?4-5?ปีข้างหน้าอยากเห็น?Builk?เป็นอย่างไร?
คุณโบ๊ท :ผมอยากเห็น Builk มีคอมมูนิตี้ที่แข็งกว่านี้ ปัจจุบันมีผู้ใช้ประมาณ 4,000 คนจาก พันบริษัททั่วประเทศ ยังขยายได้อีกมาก ซึ่งหวังว่า 4-5 ปีข้างหน้าจะขยายฐานเพื่อครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้มากขึ้นและช่วยให้ผู้รับเหมาเติบโตขึ้นครับ นอกจากนี้ผมอยากเห็นคอมมูนิตี้แบบนี้ในประเทศต่างๆ และปรับให้เป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ครับ ซึ่งก็ต้องจับมือหา? Partner ของแต่ละประเทศมาช่วยร่วมสร้างตรงนี้และใช้แพลตฟอร์มของ Builk

thumbsup : ได้ยินว่าหลังจากกลับมาจากงาน Echelon ได้พบ Partner มากมาย ช่วยเล่า Business Model ที่วางเอาไว้ในต่างประเทศ
คุณโบ๊ท : ผมตั้งใจว่าจะเป็นการให้ Exclusive Partnership กับตัวแทนในต่างประเทศครับ สามารถให้ความรู้ ทำตลาดแบบที่เราทำในประเทศไทย ผมต้องหาคนที่อยู่ในวงการก่อสร้างที่อยากสร้างคอมมูนิตี้ในประเทศนั้นๆ เหมือนกับเรา และคงความเป็นฟรีแบบ SaaS ไว้ ผมเข้าใจว่า เราคงขยายตัวเร็วแบบ Solomo? แอพพลิเคชั่น ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่แค่ Localize แล้วจะเปิดตัวที่ไหนก็ได้ แม้ Exclusive Partnership มันเหมือนจะเป็นการใช้วิธีโบราณไปนิด แต่มันอาจจะเหมาะกับวงการก่อสร้างแบบเรามากกว่าครับ โดย Business Model อาจมาในรูปแบบของ Licensing แต่ยังอยู่ช่วงเจรจาอยู่ ถ้าได้ข้อสรุปอย่างไรจะมาอัพเดตให้ทราบแน่นอนครับ

thumbsup : ถ้าเกิด Builk ประสบความสำเร็จมากๆ สร้างเม็ดเงินได้เยอะ แล้วมีบริษัทสนใจที่จะซื้อบริษัท คุณโบ๊ทวางแผนไว้อย่างไร?
คุณโบ๊ท : อาจเป็นการร่วมกันแบบ Partner โดยผมยังอยากบริหารต่อไปเพราะรักที่จะทำอยู่ในสายธุรกิจนี้มาก

thumbsup: มองภาพธุรกิจ Startup แบบ?B2B? กับกลุ่ม VC ไว้อย่างไร?มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่?VC?จะสนับสนุนเงินทุน?
คุณโบ๊ท : ก็ยอมรับว่า B2B ไม่ได้เติบโตรวดเร็วแบบ B2C ซึ่งผมเห็นว่าส่วนใหญ่ Tech Startup ที่มาสาย B2B มักมาจาก Software House มาก่อน รับพัฒนาให้กับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งแล้วเห็นว่ามันพอไปได้ ก็เลยเอามาต่อยอด ซึ่งไม่ค่อยมีความเสี่ยงในระยะเริ่มต้น แต่ก็อาจไม่ได้โตมากมายอะไร ปัญหาของ Tech Startup หรือ Software House ปกติก็คือ ถ้ามี Business Model ที่ไม่แข็งแรงพอ เราจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะบริษัทก็ยังต้องมีค่าใช้จ่าย ต้องเลี้ยงทีมงาน เรื่องขึ้นเงินเดือน เรื่องโบนัสในแต่ละปี ถ้าจัดการไม่ดีนอกจากค่าใช้จ่ายที่ควบคุมไม่ได้แล้ว ต้องเจอปัญหาเรื่องคนอีกที่อยากออกไปอยู่กับบริษัทใหญ่ๆ? ดังนั้นบริษัทควรต้องเติบโตอย่างน้อย 30% ดังนั้น Business Model ต้องมองให้ไกล เป้าหมายแรกสำหรับผมนะครับต้องมีรายได้ 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี ถ้ามีทีม 6 คนก็ต้องมีรายได้ 6 ล้านบาทต่อปีถึงจะอยู่ได้ในช่วงแรก ส่วนใหญ่ B2B มักล้มหายตายจากไปก็เยอะมากครับ แต่มันก็ยังมีโอกาสให้เริ่มได้ ถ้าคุณมีความถนัดและเข้าใจในสายธุรกิจนั้นจริงๆ อีกทั้งไม่มีคู่แข่งมากนัก ไม่เหมือน B2C ที่นายทุนบางคนเค้าบอกผมว่าเค้าเจอคนมาเสนอแอพพลิเคชั่นแนว SoLoMo วันเว้นวัน และสำหรับคนที่มาสายไอทีเป็นนักพัฒนาอาจลองคิดแบบนี้ดูครับ ถ้าอยากลองทำสาย B2B บ้าง ลองพูดคุยกับคนที่ถนัดและเข้าใจในภาคธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง (อย่างผมก็เป็นสายก่อสร้าง) คุณอาจได้เจอมุมมองใหม่ๆ หาจุดที่เป็นปัญหาในภาคธุรกิจนั้นๆ และเข้าไปแก้ไข คุณก็อาจได้เริ่มธุรกิจด้วยกัน แต่ในสายตาของนายทุน ยอมรับว่าเค้าไม่ได้มองว่า B2C น่าสนใจมากนัก ดังนัั้นคุณต้องโตด้วยลำแข้งของตัวเองก่อน พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเกิดและมีรายได้เข้ามาได้จริงก่อน

thumbsup : มองเรื่องของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC กับกลุ่ม Startup ไว้อย่างไร
คุณโบ๊ท: มีผลกระทบแน่นอนครับ ถ้าว่ากันด้วยเรื่องการแข่งขันกับประเทศในแถบอาเซียน เราถือว่าเริ่มต้นช้าเหมือนกัน ขาดในเรื่องของระบบและสังคมที่จะสนับสนุน Tech Startup ในไทย, เรื่องทักษะด้านภาษาอังกฤษเรายังไม่แข็งแรง, เรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจว่าอีก 3 ปีข้างหน้า AEC เข้ามาจะมีผลกระทบอย่างไรเพื่อให้พวกเราชาวไทยควรรีบปรับตัวให้ทัน คนไทยเราเก่งเรื่องเทคนิคครับไม่แพ้ใคร เก่งงานโอเปอเรชั่นและเป็นผู้บริหารระดับกลางได้ แต่พอเป็น? Startup มันต้องทำเองทุกอย่าง การจะก้าวไประดับเอเชียค่อนข้างยาก มีคนที่ไปถึงระดับนั้นได้ยังไม่เยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

thumbsup: ข้อแนะนำสำหรับน้องๆ ที่ต้องการเป็น Startup
คุณโบ๊ท:สำหรับน้องๆ Startup ผมแนะนำว่า

  • ต้องลงไปขลุกกับสายธุรกิจนั้นๆ จริงๆ ออกมาลงพื้นที่ครับ อย่านั่งอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์และโปรแกรมมิ่งอย่างเดียว ตอนผมทำผมก็ต้องลงไปขลุกกับผู้รับเหมาจริงๆ ต้องซึบซับมาให้ได้ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือต้องไว คุณพัฒนาเสร็จแนะนำว่าควรลงไปลองตลาดว่าเป็นอย่างไร มีปัญหาตรงไหน กลับมาปรับปรุงแก้ไขให้ดี
  • เรื่องการมองตลาด ผมว่าเด็กไทยหลายคนเก่งมีทักษะด้านเทคนิคมากนะครับ แต่อยากให้พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ และมองตลาดระดับภูมิภาคเอเชีย อย่ามองแค่ในบ้านเรา ยอมรับว่ากลับมาจาก Echelon เด็กๆ ในประเทศเหล่านั้นเริ่มไปไกลกว่าบ้านเราครับ? อย่างตอนไปแข่งรอบแรกที่เวียดนาม เด็กๆ ที่เป็น Tech Startup หรือแม้กระทั่งยังเรียนอยู่ มีความกระตือรือร้นมากเข้าร่วมฟังกว่า 200 คนเรียกว่าเข้ามาดูล้นห้องเลย และกล้าแสดงออกกล้าถาม สุดท้ายก็ขอเป็นกำลังใจให้กับ Startup ชาวไทยทุกคนครับ สู้ต่อไปและประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง

~*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~?*~

เราเรียนรู้อะไรจากการสนทนาครั้งนี้?

  • วิเคราะห์ความโดดเด่นของ Builk
    • รู้จักจุดแข็งของตนเอง – มีความรู้ความเข้าใจในสายธุรกิจของตนเองอย่างถ่องแท้โฟกัสมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามทิศทางนั้น
    • การมองตลาดในระดับภูมิภาคเอเชีย – ทำให้สามารถเติบโต และขยายฐานลูกค้าออกไปได้กว้าง
    • การวิเคราะห์ธุรกิจได้อย่างชัดเจน – เมื่อรู้ว่าต้องการเจาะกลุ่ม SME และขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ การปรับ Business Model ให้แข็งแรงและนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายคือสิ่งสำคัญ
    • ฟังความเห็นผู้บริโภค – นำคอมมูนิตี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์และลงไปคลุกคลีจริง
    • เปิดรับโอกาสใหม่ๆ – สังเกตได้จากการร่วมงานต่างๆ ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจกับต่างชาติมากมาย

Involving with direct experience and competency in Telecommunication industry on both sides of operators and foreign suppliers for more than decade long. The former Engineer turned to Product Development and Marketing in charge of Value Added Services on 3G network. She has been frequently invited as special speaker by various institutions and organizations, as well as has written many academic articles for the topics of Telecom Industry, Mobile Marketing and Startup Scene.