ในยุคที่คนเรายังไม่หยุดความคิดสร้างสรรค์ นั่นจึงทำให้รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตยังคงมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั่ง ไม่ว่าจะอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า มนุษย์เราก็ยังมีความคิดใหม่ๆ ที่จะสรรค์สร้างนวัตกรรม การใช้ชีวิตและเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิมๆ สู่สิ่งใหม่
สก็อต เบลสกี้ Chief Product Officer และรองประธานบริหารอะโดบี ครีเอทีฟคลาวด์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ( The near future of technology ) ที่จะครอบคลุมมุมมองในแง่ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นและส่งผลต่อชีวิตประจำวันของผู้คนและแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ จำนวน 10 ข้อ
-
Favorites ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเข้ามาแทนที่
คนเรามักตั้งค่า รายการโปรด หรือ “Favorites” เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาหรือเรียกใช้งานซ้ำ แม้จะมีการสำรวจสิ่งใหม่ๆ เพื่อหาความชอบให้หลากหลายขึ้น แต่เราก็มักจะยินดีที่ระบบ AI รวมทั้งอัลกอริธึ่มของแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ คัดเลือกสิ่งที่น่าสนใจมาให้เรา เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทดแทนสิ่งเดิมๆ
อย่างเช่น การเจอคลิปสนุกๆ ใหม่ๆ บน TikTok การขึ้น Reccommend สิ่งที่ต้องการค้นหาบน Google หรือการแสดงเพลย์ลิสต์อัพเดทใหม่ๆ บน Youtube ก็ตาม
-
คนรุ่นใหม่จะมีหลายบทบาท ทำให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยน
คนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานจะเลือกประกอบอาชีพหลากหลายด้าน หรือที่เรียกว่า “Polygamous Careers” ความต้องการที่จะสร้างรายได้และเติมเต็มชีวิตผ่านการทำงานหลายๆ ด้านจะช่วยดึงดูดพนักงานให้อยู่กับองค์กรนานขึ้น
นอกจากนี้ ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในสถานที่ทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย ดังนั้น บริษัทสามารถสรรหาบุคลากรชั้นนำที่ยากจะเข้าถึง ในอาชีพการงานของแต่ละคน ทำให้ในพอร์ตโฟลิโอของแต่ละคนอาจมีความสามารถใหม่ๆ ที่หลายด้านขึ้น
พนักงานเองก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจากการทำงานที่เราชอบ หรือ “Tune-In Jobs” (รู้สึกเต็มอิ่มและมีส่วนร่วมอย่างมากกับงานที่ทำอยู่) ซึ่งต่างจาก “Tune-Out Jobs” (ซึ่งเราจะสนใจแต่เฉพาะเวลาเข้า-ออกงาน) และโลกของเราก็จะพัฒนาไปข้างหน้าโดยอาศัยบุคลากรที่มีส่วนร่วมกับงานอย่างจริงจัง
-
การเติบโตของ Immersive จะทำให้ผลงาน 3 มิติ กลายเป็นกระแสหลัก
“เมต้าเวิร์ส” (Metaverse) ทำให้การเล่นเกม การติดต่อกับเพื่อนๆ และทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานภายในโลกเสมือนจริงเป็นแบบเรียลไทม์ เทรนด์นี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และทุกคนจะเข้าไปมีส่วนร่วมเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์นี้จะน่าเบื่อและไม่ได้รับความนิยม ถ้าหากไม่มีการใส่คอนเทนต์แบบอินเทอร์แอคทีฟ 3 มิติที่ดึงดูดและมีการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล รวมไปถึงสื่อประเภท Immersive
แต่ปัญหาคือ คอนเทนต์ 3 มิติเป็นสิ่งที่สร้างยาก เมื่อก่อนนี้การสร้างวัตถุ 3 มิติ จะต้องใช้โปรแกรมสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อน และมีการคำนวณทางคณิตศาสตร์มากมาย จากนั้นก็จะต้องใช้โปรแกรมอื่นๆ อีกหลายโปรแกรมสำหรับการวาดภาพประกอบและเรนเดอร์ ปัจจุบันเราได้เรียนรู้ว่านักออกแบบส่วนใหญ่ต้องการที่จะเริ่มต้นจากวัตถุ 3 มิติในสต็อก แทนที่จะต้องสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้น และวัตถุ 3 มิติในสต็อกที่ว่านี้จะต้องสามารถกำหนดค่าพารามิเตอร์ ควบคุมจัดการได้ง่ายเพื่อรองรับการทำงานครีเอทีฟ โดยปราศจากความยุ่งยากซับซ้อน
จากนั้นก็ปรับแต่งเพิ่มเติมในโปรแกรมเดสก์ท็อปเพื่อทำให้ดูสมจริงมากขึ้น เราทุกคนจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบ 3 มิติได้ทันทีที่ประสบการณ์แบบ Immersive กลายเป็นที่แพร่หลายในวงกว้าง
-
“Stakeholder Economy” จะขับเคลื่อนแบรนด์เกิดใหม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่บนอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบัน แบรนด์ต่างๆ ถูกกำหนดด้วยการสร้างคอนเทนต์ของผู้คน ซึ่งต่างจากการใช้บริการของเอเจนซี่ด้านครีเอทีฟและการซื้อโฆษณา และทุกวันนี้ แบรนด์ต่างๆ จะนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีและสดใหม่ได้จำเป็นต้องอาศัยคอนเทนต์ล่าสุดที่เกิดขึ้น
ถ้าแบรนด์หรือบริษัทที่คุณชื่นชอบสามารถให้คุณเป็นเจ้าของได้ ประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นเจ้าของร่วมกันในบริษัทขนาดเล็กอาจกลายเป็นภัยต่อบริษัทขนาดใหญ่ ถ้า stakeholders ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนในธุรกิจดังกล่าวมีแรงจูงใจที่จะช่วยสร้าง ปรับปรุง ทำตลาด และสนับสนุนแบรนด์นั้นๆ ก็ย่อมจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และในท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจที่อาศัยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนแบบ “many-to-many” น่าจะประสบความสำเร็จในการทำตลาดได้ดีกว่าธุรกิจแบบ “one-to-many”
-
เลือกรับโฆษณามากขึ้น ด้วยประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล
AI จะทำการปรับแต่งการเข้าถึงโฆษณาแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ทำให้การดูโฆษณาเป็นที่นิยมมากขึ้น อย่างไรก็ดี “ประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล” จะช่วยทำให้เกิดการโฆษณารูปแบบใหม่ และโดยมากแล้วเราก็ชอบประสบการณ์แบบนี้มากกว่า
-
การบริการที่ “เพิ่มอำนาจให้แก่ประชาชน” ต่อกรกับผู้มีอำนาจ
การเติบโตของผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ หรือโมเดลธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน จะมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งบริการทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้แก่ประชาชน แทนที่จะต้องรอรับบริการในระบบที่อยู่เกินอำนาจการควบคุมของประชาชน ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนอกจากจะช่วยเหลือประชาชนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและบริษัทขนาดใหญ่เข้ามามีบทบาทและดำเนินการอย่างรับผิดชอบ
-
องค์กรจะแปรเปลี่ยนเป็น Immersive Experience รองรับ multi-player
สิ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึงกันก็คือ เรื่องของค่าใช้จ่ายและข้อเสียของระบบผู้เล่นหลายคน (Multi-player) ไม่ว่าจะเป็น แอปที่มีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่อรองรับการทำงานร่วมกันมากขึ้น หรือโปรโตคอลที่อาศัยฉันทามติ (consensus) บนบล็อกเชน คนรุ่นใหม่มีทัศนคติที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับคุณประโยชน์และข้อเสียที่ตามมา กล่าวคือ คนกลุ่มนี้ต้องการที่จะทำงานร่วมกันมากกว่า แม้ว่าจะมีปัญหาและความล่าช้าเกิดขึ้น เมื่อเทียบกับการทำงานโดยลำพังเพียงคนเดียว แต่ทำได้เร็วกว่า
-
คนรุ่นใหม่ชื่นชอบรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานแบบมีอิสระมากขึ้น (Nomad)
คนหนุ่มสาวเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ตามบ้านเช่าหรือเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก ทำงานจากระยะไกล และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมในชุมชนที่อาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้น ประสบการณ์ดังกล่าว จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา และกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การยอมรับความหลากหลายอย่างเปิดกว้าง และการค้นหาตัวเองจะส่งผลดีต่อชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน มีผลิตภัณฑ์ หรือเครือข่ายประเภทใดบ้างที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงประสบการณ์ดังกล่าวได้ง่ายขึ้นและเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง? แน่นอนว่าองค์กรที่ปรับเปลี่ยนไปสู่ทิศทางนี้จะประสบความสำเร็จในอนาคต
-
โมเดลแฟรนไชส์แบบย้อนกลับและ “Eduployment” จะขับเคลื่อนการเติบโต
แนวคิดเรื่อง “Eduployment” จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะปลดล็อคอาชีพหลายล้านตำแหน่งในช่วงเวลาหลายปีนับจากนี้ Eduployment เป็นการบูรณาการเชิงลึกของการทำธุรกิจ การศึกษา และการหางานหรือเปิดบริษัทใหม่ ซึ่งบริษัทแฟรนไชส์ยุคใหม่ก็จะเน้นการสอนประสบการณ์หรือพัฒนาขีดความสามารถของคนให้มีโอกาสและทางเลือกหลากหลายขึ้น
-
ยุคของอัตลักษณ์ที่หลากหลาย เราค้นหา ยอมรับ และแสดงออกซึ่งตัวตนที่หลากหลาย
ยุคสมัยล่าสุดของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ยอมรับหรืออย่างน้อยก็รองรับการใช้นามแฝง แต่ในยุคหน้า โซเชียลเน็ตเวิร์ก จะถูกปรับปรุงให้สอดคล้องกับความจริงที่ว่าผู้ใช้ทุกคนมีอัตลักษณ์ที่หลากหลาย แน่นอนว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เราไม่ต้องการที่จะถูกจำกัดหรือจำแนกด้วยอัตลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ถูกกำหนดโดยคนอื่นๆ รอบตัวเรา
แม้ว่าเรามีจินตนาการและความต้องการที่จะเป็นใครสักคนในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งต่างจากสิ่งที่คนอื่นๆ บอกว่าเราเป็น แต่ก็มีอุปสรรคและแรงเสียดทาน ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และสถานการณ์แวดล้อม (ภูมิลำเนา รูปร่างหน้าตา คนที่คุณพบเจอ) ที่ถูกกำหนดอย่างตายตัวมากเกินไป และจะต้องใช้ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และความท้าทายอย่างมากเพื่อจะสามารถหลุดจากกรอบที่ว่านี้