เชื่อว่าตอนนี้คงไม่มีธุรกิจใดที่ยังใช้การตลาดแบบเดิมๆ หรืออีคอมเมิร์ซแบบมีแปะไว้เฉยๆ อีกแล้ว เพราะในปี 2024 มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยมีสัดส่วนการใช้งานเมื่อเทียบกับค้าปลีกอยู่ที่ 25% หรือคิดเป็น 1 ล้านล้านบาทแล้ว และคาดว่าในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นอีก 7% แตะที่ 1.07 ล้านล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2030 จะแตะ 2 ล้านล้านบาทได้ไม่ยากนัก
คุณชญานิศ สมสุข จาก SCB EIC แชร์ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากอานิสงส์ของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงด้านลบรอบด้าน ธุรกิจค้าปลีกไทยปี 2024 มีมูลค่า 4 ล้านล้านบาท และคาดว่าปี 2025 จะเติบโตประมาณ 5.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนไปที่มูลค่า 4.21ล้านล้านบาท ส่วนตลาดตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยนั้นคาดการณ์ว่ามีมูลค่า 1 ล้านล้านบาทในปี 2024 โดยมีสัดส่วนเป็น 25% ของมูลค่าค้าปลีกทั้งประเทศ
คุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา จาก Priceza ได้เผย 5 เทรนด์อีคอมเมิร์ซ ที่ Priceza ได้สรุปข้อมูลจากปี 2024 สำหรับวิเคราะห์เทรนด์ 2025 พบว่า สัดส่วนการขาย E-Commerce ในประเทศไทยในปี 2024 มูลค่า 1 ล้านล้านบาท คาดการณ์โดยประมาณแบ่งได้เป็น 5 ส่วน ได้แก่
- Marketplace มีส่วนแบ่ง 50%
- Video Commerce มีส่วนแบ่ง 20%
- Social Commerce มีส่วนแบ่ง 18%
- Quick Commerce & Grocery มีส่วนแบ่ง 8%
- e-Tailers & Brand.com มีส่วนแบ่ง 4%
5 เทรนด์อีคอมเมิร์ซที่จะพบในปี 2025
- The Rise of Affiliate Commerce : เป็นอีคอมเมิร์ซพันธุ์ใหม่ที่จะขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซของไทยในปี 2025
- Competition in Thailand E-Commerce is Heating up! : ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเปิดทางให้เกิดการแข่งขันแบบเสรีขั้นสุดจากผู้ขายทั่วโลก
- E-Commerce Listening : การทำธุรกิจออนไลน์แบบ รู้เขา รู้เรา จะช่วยให้ธุรกิจไทยแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซได้ดีกว่าเดิม
- E-Commerce Business Model Evolution : จากตลาดอีคอมเมิร์ซแข่งเดือด ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ และหาช่องทางโตในปีนี้
- Fast Delivery Like a Devil! : การส่งของที่รวดเร็วดุจปีศาจทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องรอนาน คือโอกาสทางการขายใหม่ที่ลูกค้าพร้อมใช้งาน
Trends 1: The Rise of Affiliate Commerce เป็น E-Commerce พันธุ์ใหม่ขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซไทยปี 2025
ประเทศไทย มีอินฟลูเอนเซอร์และ Content Creators กว่า 9 ล้านคน โดยผู้บริโภคคนไทย 83% ยอมรับว่าซื้อสินค้า/บริการ เพราะว่าได้รับการแนะนำมาจากอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้โมเดลการทำ Affiliate เป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างตลาดที่สำคัญ
เทรนด์ Affiliate Commerce ถูกขับเคื่อนด้วยโมเดล 3C ปี 2024 ตลาดได้พิสูจน์แล้วว่า Content ที่ดีมีผลกับยอดขายโดยตรง Content ที่ดีช่วยขายของได้ วัดผลได้ในช่องทาง Online หรือที่เรียกว่า Affiliate Commerce และ Content ดีๆเหล่านี้มาจาก Creators เก่งๆ ปี 2025 จะเป็นปีที่ Brands ต่างๆพยายามแย่งตัว Creators เก่งๆมาเป็นพันธมิตรด้วย
การทำ Affiliate Commerce ในปี 2025 จะไม่ได้เกิดเฉพาะผ่านช่องทาง E-Marketplace ในแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่างชาติเพียงอย่างเดียว คือ Shopee/Lazada/Tiktok Affiliate
Trends 2: Competition in Thailand E-Commerce is Heating Up! ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเปิดทางให้เกิดการแข่งขันแบบเสรีขั้นสุดจากผู้ขายทั่วโลก
ปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้คนไทยช้อปออนไลน์คือคูปองและส่วนลด รวมทั้งการจัดส่งสินค้าฟรี ผู้บริโภคไทยปี 2025 ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและคุ้มราคาเป็นหลัก ทำให้การแข่งขันมีการฟาดฟันกันผู้ขายจากทั่วโลก ผู้ค้าออนไลน์หลีกเลี่ยงการแข่งขันไม่ได้อีกต่อไป คาดว่าร้านค้าในใน Shopee, Lazada, Titkok ประเทศไทย มีจำนวน Sellers มากถึง 3 ล้านราย จากสินค้ามากกว่า 300 ล้านรายการ ส่วนใหญ่เป็นผู้ขายมาจากประเทศจีน ที่เข้ามาทุ่มตลาดอย่างต่อเนื่อง เดิมบริษัทไทยยังมีช่องทางในการทำธุรกิจโดยไปจับมือเป็นผู้แทนจำหน่าย แต่ยุคนี้เจ้าของแบรนด์จีนรุกเข้ามาเปิด Brand Official Stores แข่งขันกันโดยตรง
ประเทศไทยเอื้อให้ผู้ค้าออนไลน์จากต่างประเทศให้ส่งสินค้าเข้ามาขาย โดยเงื่อนไขราคาสินค้าที่ไม่เกิน 1,500 บาท สามารถส่งตรงจากประเทศต้นทางเข้ามาหาผู้บริโภคคนไทยถึงบ้านได้เลย โดยไม่ต้องจ่ายภาษีศุลกากร จากการที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา ทำให้สินค้าจีนและอีกหลายประเทศเข้ามาขายโดยได้เปรียบในด้านต้นทุนที่ถูกกว่าด้านภาษีและไม่ต้องขออนุญาตมาตรฐานสินค้า มอก. และ อย.
Trends 3: E-Commerce Listening ช่วยเปิดทางทำธุรกิจออนไลน์แบบ “รู้เขา รู้เรา” เสริมแกร่งธุรกิจไทยแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซที่การแข่งขันสูง
คุณธนาวัฒน์ได้ตกตัวอย่างการนำเครื่องมือ E-Commerce Listening ที่สามารถจับข้อมูลราคา และยอดขายในแพลตฟอร์ม Shopee, Lazada และ Tiktok ที่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ขายทางการจากจีน สามารถทำราคาสินค้าได้ถูกกว่าถึง 30% เมื่อเทียบกับบริษัทตัวแทนจำหน่ายของไทย การทำ E-Commerce Listening จะช่วยทำให้ผู้ค้าออนไลน์มองเห็นถึง Insights ที่แต่เดิมอาจต้องพยายามใช้วิธีการคาดเดา แต่ด้วยการใช้เครื่องมือเข้าไปจับข้อมูล ทำให้เข้าใจลูกค้าลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้, วิเคราะห์คู่แข่งได้ จะทำให้รู้เขา รู้เรา วางกลยุทธ์การขายและการตลาดได้แม่นยำขึ้น และยังช่วยในการมิงหาโอกาสการขายสินค้าใหม่ๆ ไอเดียดีๆในตลาด มองหาเทรนด์สินค้าใหม่ๆได้
Trends 4: E-Commerce Business Model Evolution จากตลาดอีคอมเมิร์ซที่แข่งเดือด ทำให้ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆหาช่องว่างโตในปีนี้
โมเดลธุรกิจใหม่ที่กำลังจะมา นั่นคือ Consignment หรือโมเดลธุรกิจแบบ “ฝากขาย” ปี 2024 Temu เปิดตัวที่ตลาดประเทศไทย สร้างแรงกระเพื่อมอย่างต่อเนื่อง เพราะวิธีการของ Temu จะไปต่อตรงกับโรงงานสั่งซื้อสินค้าในปริมาณมากๆและเอามาทำราคาและการตลาดขายเอง ทำให้ราคาสินค้าถูกใจผู้บริโภค ทำให้ Shopee และ Lazada ปรับโมเดลธุรกิจมาแข่งที่เรียกว่า “Choice” กระตุ้นให้ผู้ขายรายไหนที่ไม่อยากทำการตลาดเอง ให้เอาของมาฝากไว้ที่คลังและ Shopee/Lazada จะเป็นคนทำการตลาดและตั้งราคาขายดันยอดให้เพื่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Temu
ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ไทยหลายรายปรับโมเดลสู่การเน้นการขายผ่านบ้านหลักของตัวเองมากขึ้นในปี 2025 หรือเรียกว่า Own Mobile Application หรือ Brand.com Channel เดิมทีหลายเจ้าเน้นขายผ่านการเปิดร้านใน Marketplace แต่ด้วยการขึ้นค่าธรรมเนียมและค่าร่วมแคมเปญการขายอย่างต่อเนื่องจากทั้ง Shopee, Lazada และ Tiktok ทำให้ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่หลายเจ้าทุ่มทิศทางหาโมเดลให้ผู้บริโภคซื้อตรงผ่านแอพฯมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ Marketplace และยังได้ข้อมูลลูกค้าผู้บริโภคครบถ้วน เพื่อทำการตลาดแบบ CRM ต่อไปได้ในระยะยาว
Trends 5: Fast delivery like a devil! ปีแห่งการส่งของไวเป็นปีศาจ ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่อดทนรอสินค้าได้นาน ผู้ขายรายไหนส่งเร็วในวันได้ พร้อมย้ายเจ้า
จากการที่ธุรกิจค้าปลีกปรับตัวใหญ่ กลยุทธ์หลักคือการทำ On-Demand Delivery จากสาขาตัวเอง โดยเอาจุดแข็งที่มีหน้าร้านสาขาทั่วประเทศ อย่างเช่น 7-Eleven Delivery, Lotus’s Online, Makro Pro, Tops, BigC ทุกเจ้าปรับตัวในการเชื่อมโยงสินค้าในสาขาใกล้ตัวให้ส่งหาผผู้บริโภคได้แบบในวันได้แบบสั่งได้ หรือในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าคอมพิวเตอร์ไอที ทั้ง BANANA, Advice, JIB ก็เสริมความต่าง ทั้งที่จริงๆก็ขายใน Marketplace แต่ถ้าซื้อตรงผ่านช่องทางเว็บไวต์ออนไลน์จะสามารถส่งได้ด้วยแบบสั่งได้ภายใน 1-3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ทำให้ผู้บริโภคถูกสปอย จนเกิดความเคยชินไม่ชอบอดทนรอสินค้าได้นาน ผลักดันให้การแข่งขันอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2025 ผู้เล่นจะแข่งกันส่งเร็วแบบไวเป็นปีศาจ ขนาด Shopee เองยังต้องลงมาสู้โดยเปิดบริการ Shopee Express Delivery โดยการใช้ Rider Shopee Food มาส่งสินค้าแบบ On-Demand ด้วย แม้ว่าจะยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เชื่อว่าทั้ง Shopee, Lazada, Tiktok จะกดดันผู้ขายของตัวเองให้สู้ศึกการแข่งขันความเร็วมากขึ้นไปอีก ร้านค้าไหนแพ๊คไวส่งเร็จจะได้แต้มบุญเพิ่ม ช่วยให้ขายของได้ดีขึ้น