Asics ThaiRun

ในยุคที่ “ข้อมูล” คือน้ำมันและ “คอมมูนิตี้” คือป้อมปราการ การขยับตัวของแบรนด์ระดับโลกอย่าง ASICS ในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การประกาศเข้าซื้อหุ้น 100% ของ บริษัท ไทยดอทรัน จำกัด หรือ ThaiRun แพลตฟอร์มงานวิ่งอันดับ 1 ของไทย เป็นสัญญาณที่บอกเราว่า สงครามการตลาดในโลกของคนรักสุขภาพ ได้เปลี่ยนจากแค่การขาย “สินค้า” (Product) ไปสู่การเป็นเจ้าของ “ประสบการณ์” (Experience) อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

วันนี้ Thumbsup จะพาไปแกะรอยดีลนี้ พร้อมวิเคราะห์เชื่อมโยงกับเทรนด์ Run Club ระดับโลก ว่านักการตลาดและคนทำธุรกิจจะได้เรียนรู้อะไรจากก้าวสำคัญนี้บ้าง

Asics ThaiRun

เปิดดีลยักษ์ ASICS เห็นอะไรใน ThaiRun?

จากข้อมูลที่เราได้รับมา ASICS Corporation ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ ThaiRun โดยมีกำหนดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน ปี 2026 แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะไม่ถูกเปิดเผยเนื่องจากข้อตกลงความลับ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าตัวเลข คือ “เหตุผล” ของการเข้าซื้อ

ThaiRun ไม่ได้เป็นแค่เว็บไซต์รับสมัครงานวิ่ง แต่พวกเขาคือ “Infrastructure” หรือโครงสร้างพื้นฐานอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมการวิ่งในไทย สิ่งที่ ASICS จะได้ไปไม่ใช่แค่ฐานข้อมูลนักวิ่ง แต่คือเทคโนโลยีและบริการที่ครอบคลุมทุก Touchpoint ของนักวิ่ง ได้แก่

  • Race Registration Platform: ระบบรับสมัครงานวิ่งที่เป็นด่านหน้าในการเก็บ Data ของนักวิ่งทั่วประเทศ
  • Photo Search Technology: ระบบค้นหาภาพถ่ายด้วยใบหน้า (Face Search) และ AI ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่นักวิ่งขาดไม่ได้ในยุค Social Sharing
  • Event & Media Services: ธุรกิจสื่อและคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง เชื่อมโยงผู้จัดงานและนักวิ่งเข้าด้วยกัน
  • Virtual Run Platform: ระบบจัดงานวิ่งออนไลน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบ New Normal และการวิ่งเก็บระยะ

ASICS ระบุชัดเจนในแผนระยะกลางปี 2026 ว่าต้องการ “ขยายระบบนิเวศการวิ่ง” (Expanding the Running Ecosystem) การได้ ThaiRun เข้ามาจึงเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ ASICS สามารถเข้าถึงนักวิ่งได้ตั้งแต่ตอน “สมัคร” ไปจนถึงตอน “แชร์รูป” หลังเข้าเส้นชัย โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง

Asics

ทำไมต้อง Ecosystem? บทเรียนจากเทรนด์ Run Club โลก

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราต้องมองภาพกว้างกว่าแค่ในไทย ข้อมูลจาก The Drum ระบุว่าในปี 2024 สมาชิก Run Club ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นถึง 59% (ข้อมูลจาก Strava) แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คนเหล่านี้ไม่ได้มารวมตัวกันแค่เพื่อ “ออกกำลังกาย” แต่พวกเขามาเพื่อ “Community” และ “Connection” โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เกินครึ่งเข้าร่วม Run Club เพื่อหาเพื่อนใหม่

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภค แบรนด์รองเท้าจะขายแค่รองเท้าไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้องขาย Engagement

ASICS เข้าใจจุดนี้ดี การมี ThaiRun อยู่ในมือ ทำให้แบรนด์สามารถทำสิ่งที่เรียกว่า “Support, rather than own” หรือการสนับสนุนอีเวนต์และคอมมูนิตี้ได้อย่างแนบเนียน แทนที่จะต้องไปสร้างงานวิ่งแข่งกับผู้จัดรายอื่น ASICS สามารถใช้ ThaiRun เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนอีเวนต์นับร้อยนับพันในไทย เข้าไปอยู่ในทุกช่วงเวลา (Micro-moments) ของนักวิ่ง ตั้งแต่การตัดสินใจลงแข่ง การซ้อม ไปจนถึงวันแข่งจริง

Asics

แบรนด์เรียนรู้อะไรได้บ้างจากดีลนี้?

จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งฝั่ง ASICS, ThaiRun และเทรนด์โลก Thumbsup สรุปบทเรียนสำคัญสำหรับนักการตลาดได้ 3 ข้อ ดังนี้

1. Purpose Beyond Product: คุณค่าที่มากกว่าตัวสินค้า

ASICS ยึดถือปรัชญา “Sound Mind, Sound Body” (จิตใจที่แจ่มใส ในร่างกายที่สมบูรณ์) การเข้าซื้อ ThaiRun ช่วยตอกย้ำจุดยืนนี้ เพราะแพลตฟอร์มนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้นักวิ่งบรรลุเป้าหมาย (Self-realization) ต้องถามว่าแบรนด์ของคุณส่งมอบคุณค่าอะไรที่นอกเหนือจาก Product หรือไม่? อย่างที่บทความจาก The Drum ยกตัวอย่าง กาแฟไม่ใช่แค่คาเฟอีนแต่มันคือ “ข้ออ้างในการพักผ่อน” แบรนด์ต้องหา “Emotional Trigger” ของลูกค้าให้เจอ และเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโมเมนต์นั้น

2. IRL Matters: โลกจริงสำคัญกว่าโลกทิพย์

ในยุค Digital-first แบรนด์มักทุ่มงบไปกับออนไลน์ แต่ความสำเร็จของ Run Club และ ThaiRun พิสูจน์ว่า “In Real Life” (IRL) ยังทรงพลัง ThaiRun มีบริการถ่ายภาพ (Photo Services) ที่เชื่อมโยงโลกออฟไลน์ (การวิ่งจริง) ขึ้นสู่โลกออนไลน์ (การแชร์รูป) แสดงให้เห็นว่าความสม่ำเสมอ (Consistency) คือหัวใจ Run Club ที่ประสบความสำเร็จคือกลุ่มที่จัดวิ่งทุกสัปดาห์ ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก แบรนด์ต้องสร้าง Touchpoint ที่จับต้องได้และสม่ำเสมอ เพื่อสร้าง Trust และ Loyalty ในระยะยาว

3. Data & Personalization: ขุมทรัพย์ที่แท้จริง

ThaiRun มีข้อมูลพฤติกรรมนักวิ่งที่ละเอียดมาก (สมัครงานไหน, วิ่งระยะเท่าไหร่, สถิติเป็นอย่างไร) สิ่งนี้จะช่วยให้ ASICS สามารถทำการตลาดแบบ Personalized ได้แม่นยำขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง เพราะการเป็นเจ้าของ Data Platform ของตัวเอง (First-party Data) จะกลายเป็นความได้เปรียบที่ประเมินค่าไม่ได้ในอนาคต

Asics

X-Ray งบการเงิน ThaiRun ทำไม ASICS ถึงซื้อตอน “ขาดทุน”?

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของดีลนี้เมื่อกางงบการเงินออกมาดู คือจังหวะเวลา (Timing) ของการเข้าซื้อ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของ บริษัท ไทยดอทรัน จำกัด ในช่วงปี 2563-2567 ที่สะท้อนนัยสำคัญทางธุรกิจหลายอย่าง

  • รายได้สะดุด แต่ศักยภาพยังอยู่: ในปี 2566 (2023) ThaiRun ทำรายได้รวมพุ่งสูงถึง 66.3 ล้านบาท แต่ในปีล่าสุด 2567 (2024) รายได้รวมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 46.9 ล้านบาท หรือลดลงราว 29%
  • จากกำไรสู่ขาดทุน (ชั่วคราว?): หากดูบรรทัดสุดท้าย (Bottom Line) ThaiRun เคยทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่องในปี 2565 และ 2566 (3.09 ล้านบาท และ 2.20 ล้านบาท ตามลำดับ) แต่ในปี 2567 กลับพลิกมา ขาดทุนสุทธิราว 3.82 ล้านบาท
  • ขนาดสินทรัพย์: ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 40.4 ล้านบาท

ตัวเลขเหล่านี้บอกอะไรเรา? การที่ ASICS เข้าซื้อกิจการในช่วงที่รายได้ลดลงและมีผลขาดทุน สะท้อนให้เห็นว่า ASICS ไม่ได้ซื้อ ThaiRun เพื่อเอากำไรจากตัวธุรกิจเดิมในทันที (Financial Investment) แต่เป็นการซื้อเพื่อ หวังผลเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investment)

ASICS มองเห็นมูลค่าที่ “งบการเงิน” ไม่สามารถบอกได้ นั่นคือ

  1. Tech & Intellectual Property: ระบบค้นหารูป AI และแพลตฟอร์มรับสมัครที่พัฒนามาอย่างดี ซึ่งการสร้างใหม่เองอาจแพงและเสียเวลากว่า
  2. User Data: ฐานข้อมูลนักวิ่งที่แอคทีฟ ซึ่งประเมินมูลค่าได้ยากแต่มีค่ามหาศาลสำหรับแบรนด์กีฬา
  3. Speed to Market: การได้แพลตฟอร์มที่พร้อมใช้งานทันทีเพื่อรุกตลาด SEA

ดังนั้น ตัวเลข “ตัวแดง” ในปีล่าสุด อาจเป็นเพียงจุดสะดุดระยะสั้น หรือเป็นช่วงของการลงทุนวิจัยพัฒนา แต่สำหรับ Global Company อย่าง ASICS เม็ดเงินขาดทุนหลักล้านบาทนี้ถือว่า “คุ้มค่ามาก” เมื่อแลกกับกุญแจที่ไขประตูสู่นักวิ่งทั่วอาเซียน

ก้าวต่อไปของ Startup ไทย

การที่ ThaiRun ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2017 และเติบโตด้วยเทคโนโลยีของคนไทย สามารถ Exit ขายให้กับบริษัท Global อย่าง ASICS ได้ เป็นกรณีศึกษาที่ให้กำลังใจ Startup สาย Tech ในไทยอย่างมาก

สิ่งที่ ThaiRun ทำได้ดีคือการ “โฟกัส” ใน Niche Market ของตัวเองจนสุดทาง สร้างเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ Pain Point ของคนในวงการนั้นจริง ๆ (เช่น การค้นหารูปด้วยใบหน้า) จนกลายเป็น “เบอร์ 1” ที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้

Thumbsup มองว่า การเข้าซื้อ ThaiRun ไม่ใช่แค่การขยายธุรกิจ แต่เป็นการประกาศว่า ASICS เข้าใจวิถีชีวิตของนักวิ่งอย่างลึกซึ้ง พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่ขายรองเท้าคู่ใหม่ แต่ต้องการเป็นเพื่อนร่วมทางตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงเส้นชัย และด้วยเครื่องมือของ ThaiRun ตอนนี้ ASICS ก็พร้อมแล้วที่จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” ของความสุขในการวิ่งให้กับคนไทยและภูมิภาคนี้

เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า หลังจากการควบรวมกิจการเสร็จสิ้นในปี 2026 เราจะเห็นนวัตกรรมหรือบริการใหม่ ๆ อะไรออกมาเซอร์ไพรส์วงการวิ่งอีกบ้าง แต่ที่แน่ ๆ สนามนี้ “เดือด” ขึ้นแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: