ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่าง “ความบันเทิง” และ “โลกดิจิทัล” จางหายไปจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน การเคลื่อนไหวล่าสุดของ Epic Games ผู้พัฒนาเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Fortnite ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเกมเมอร์ แต่เป็นวาระแห่งชาติของชาว BLINK ทั่วโลก เมื่อบัญชี X ทางการของ LLOUD บริษัทต้นสังกัดของ “ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล” หรือ LISA ได้ปล่อยทีเซอร์ยืนยันการร่วมมือครั้งสำคัญกับ Fortnite Festival ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้
นี่ไม่ใช่แค่การเอาตัวละครมาใส่ในเกม แต่มันคือการประกาศศักดาของ Music Marketing ยุคใหม่ ที่เปลี่ยนจาก “คนฟังเพลง” ให้กลายเป็น “ผู้เล่น” ในโลกที่พวกเขาสร้างสรรค์จังหวะดนตรีได้เอง

Fortnite Festival สนามเด็กเล่นใหม่ของคนรักดนตรี
ก่อนจะไปเจาะลึกถึงกลยุทธ์การตลาด เราต้องทำความเข้าใจบริบทของพื้นที่ที่ลิซ่ากำลังจะเข้าไปยึดครองก่อน Fortnite Festival ไม่ใช่โหมด Battle Royale ที่เราคุ้นเคยกับการกระโดดร่มลงไปยิงกัน แต่มันคือเกมแนวดนตรี (Rhythm Game) ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยทีมงาน Harmonix ผู้สร้างตำนานอย่าง Guitar Hero และ Rock Band
การที่ Epic Games แยกโหมดนี้ออกมาอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึง Vision ที่ต้องการเปลี่ยน Fortnite จาก “เกม” ให้เป็น “Platform ความบันเทิงครบวงจร” โดย Fortnite Festival แบ่งประสบการณ์ออกเป็น 3 รูปแบบหลักที่รองรับพฤติกรรมผู้เล่นที่แตกต่างกัน
- Main Stage (เวทีหลัก): นี่คือหัวใจสำคัญที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นนักดนตรี เล่นเพลงฮิตระดับโลก (ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเพลงของลิซ่า) ร่วมกับเพื่อนสูงสุด 4 คน
- Jam Stage (เวทีแจม): พื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นนำท่อนเพลงต่าง ๆ มามิกซ์รวมกัน สร้างเป็นดนตรีรูปแบบใหม่ในสไตล์ของตัวเอง เป็นฟีเจอร์ที่สนับสนุน User Generated Content (UGC) อย่างแท้จริง
- Battle Stage (เวทีประชันฝีมือ): สำหรับสายแข่งขันที่ต้องการวัดสกิลดนตรีกับผู้เล่นอื่นแบบเรียลไทม์
การเข้ามาของลิซ่าในฐานะ Headliner ของ Season 12 จึงไม่ใช่แค่การขายสกินตัวละคร แต่เป็นการเข้ามาเป็น “ไอคอน” ของฤดูกาล ที่จะมาพร้อมกับเพลง ท่าเต้น และบรรยากาศที่ถูกออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
ทำไมต้องเป็น LISA? และทำไมต้องตอนนี้?
คำถามที่นักการตลาดต้องตั้งข้อสังเกตคือ “Why Lisa?” คำตอบนั้นชัดเจนในตัวเลขและ Impact ทางวัฒนธรรม ลิซ่าไม่ได้เป็นแค่ศิลปิน K-Pop แต่เธอคือ Global Icon ที่มีฐานแฟนคลับครอบคลุมทั่วโลก ตั้งแต่เอเชียไปจนถึงตะวันตก การดึงลิซ่ามาร่วมงานคือกลยุทธ์ “Cultural Expansion” ที่น่าสนใจของ Epic Games
ในขณะที่ Fortnite มีฐานผู้เล่นที่แข็งแกร่งในฝั่งตะวันตก การร่วมมือกับศิลปิน K-Pop เบอร์ต้น ๆ คือกุญแจสำคัญในการเจาะตลาด Gen Z และ Gen Alpha ในฝั่งเอเชียและกลุ่มผู้หญิงที่อาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของเกมยิงปืนแบบดั้งเดิม
จากข้อมูลของ GameRant ระบุว่า Fortnite Festival ฤดูกาลก่อนหน้าได้ร่วมมือกับศิลปินระดับโลกอย่าง Lady Gaga, The Weeknd หรือ Billie Eilish มาแล้ว การที่ Season 12 เลือกใช้ลิซ่า เป็นการตอกย้ำว่าอิทธิพลของ K-Pop ในตลาดโลกนั้น “Mass” พอที่จะแบกรับแคมเปญระดับ Global ได้อย่างสบาย ๆ
กลยุทธ์ Music Marketing 5.0 ขายประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ขายเพลง
สิ่งที่แบรนด์และนักการตลาดเรียนรู้ได้จากเคสนี้ คือวิวัฒนาการของการโปรโมตศิลปิน ในอดีตเราอาจจะแค่ปล่อย MV หรือจัดคอนเสิร์ต แต่ในยุคนี้ “Digital Experience” คือหัวใจสำคัญ
การร่วมมือครั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมาพร้อมกับ “Music Pass” ประจำซีซั่น ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างรายได้ (Monetization) ที่ชาญฉลาด ผู้เล่นไม่ได้แค่ซื้อเพลงมาฟัง แต่ต้อง “เล่น” เพื่อปลดล็อกของรางวัล ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งกาย (Skin), เครื่องดนตรีลายพิเศษ หรือท่าเต้น (Emote) ที่เป็นเอกลักษณ์ของลิซ่า
นี่คือการเปลี่ยน Passive Consumption (การฟังเฉย ๆ) ให้เป็น Active Engagement (การมีส่วนร่วม) ซึ่งสร้าง Brand Loyalty ได้ลึกซึ้งกว่ามาก แฟนคลับจะรู้สึกว่าได้ “เป็น” ลิซ่า หรือได้ “ร่วมแสดง” กับเธอจริง ๆ ในโลกเสมือน
Virtual Economy เมื่อ ‘สินค้าดิจิทัล’ มีค่าทางใจเท่าของจริง
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของเศรษฐกิจในเกม (Virtual Economy) การร่วมมือครั้งนี้จะกระตุ้นการใช้จ่าย V-Bucks (สกุลเงินในเกม) อย่างมหาศาล สิ่งที่น่าจับตามองคือการออกแบบสินค้าแฟชั่นดิจิทัล (Digital Fashion)
เราเห็นจากภาพทีเซอร์แล้วว่าคาแรคเตอร์ของลิซ่าถูกดีไซน์มาอย่างพิถีพิถัน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่สะท้อนตัวตนความเป็น Rockstar และ Fashion Icon ของเธอ การขายสินค้าเหล่านี้ในเกม เป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “Digital Identity” หรือตัวตนในโลกออนไลน์ พอ ๆ กับตัวตนในโลกจริง
แบรนด์แฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ ควรจับตามองโมเดลนี้ให้ดี เพราะในอนาคต หน้าร้านที่ใหญ่ที่สุดอาจจะไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า แต่เป็นหน้า Lobby ของเกมอย่าง Fortnite
Thumbsup มองว่า การโคจรมาเจอกันของ Fortnite และ LISA ใน Season 12 นี้ เป็นมากกว่าข่าวการอัปเดตเกม แต่มันคือหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงทิศทางของ “Entertainment Marketing” ในอนาคต แพลตฟอร์มเกมกำลังกลายเป็น “New Social Media” ที่ผู้คนไม่ได้เข้ามาแค่เล่นเกม แต่เข้ามาเพื่อเสพคอนเทนต์ ฟังเพลง และพบปะสังสรรค์
สำหรับแบรนด์ไทยและนักการตลาด บทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้คือ “อย่าจำกัดตัวเองอยู่แค่แพลตฟอร์มเดิมๆ” ลูกค้าของคุณอาจจะไม่ได้อยู่แค่หน้า Feed Facebook หรือ TikTok แต่อาจจะกำลังวิ่งเล่นหรือซ้อมดนตรีอยู่ในโลก Metaverse ก็เป็นได้ การพาแบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Lifestyle ในโลกเสมือน จะเป็นโจทย์ที่ท้าทายและจำเป็นอย่างยิ่งในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป
อ่านเพิ่มเติม



