Microsoft Excel

ชาว Thumbsup เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหม? เวลาที่ต้องเปิดโปรแกรมตารางสี่เหลี่ยมสีเขียวอย่าง Microsoft Excel ขึ้นมาเพื่อจัดการตัวเลข มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะว่าเบื่อหน่ายก็ใช่ เพราะมันคือสัญลักษณ์ของงานรูทีนที่แสนจำเจ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าขาดมันไป ชีวิตการทำงานของเราคงพังทลายลงในพริบตา

วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวของ Microsoft Excel ซอฟต์แวร์ที่ดูเหมือนจะล้าหลัง แพง และน่าเบื่อในสายตาใครหลายคน แต่มันกลับเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดตลอดกาล เป็น Tech Stack ที่ฝังรากลึกอยู่ในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่นักบัญชีไปจนถึงกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อะไรทำให้ตารางช่องสี่เหลี่ยมนี้อยู่ยงคงกระพันมาได้ถึง 40 ปี ท่ามกลางคู่แข่งอย่าง Google Sheets และคลื่นลูกใหม่อย่าง AI

Microsoft Excel

จากเครื่องมือที่น่าเบื่อ สู่เวที Influencer และ E-sports

ถ้าคุณคิดว่า Excel เป็นแค่เรื่องของพนักงานออฟฟิศยุคเก่า คุณอาจกำลังตกข่าว เพราะในปัจจุบัน Excel ได้กลายเป็น Pop Culture ในรูปแบบที่คาดไม่ถึง

ลองดูตัวอย่างของ Leila Gharani อดีตที่ปรึกษาด้านซอฟต์แวร์ที่เคยพยายามปกปิดทักษะ Excel ของตัวเองเพราะอยากดูโปรด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ไฮเอนด์อย่าง Oracle แต่ท้ายที่สุด เธอค้นพบว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน ทุกคนต่างถามหาแต่ Excel ปัจจุบันเธอกลายเป็น Spreadsheet Influencer ระดับโลก มีผู้ติดตามบน YouTube ช่อง XelPlus เกือบ 3 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาลจากค่าโฆษณา คอร์สเรียนออนไลน์ และขายของที่ระลึกอย่างเสื้อฮู้ดสกรีนลาย Ma Sheet Ma Rulezz

ไม่ได้มีแค่ Leila เท่านั้น โลกโซเชียลเต็มไปด้วยดาวเด่นสายตารางอย่าง Miss Excel บน TikTok หรือช่อง Your Excel Dictionary บน Instagram ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน สิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือ Excel พัฒนาไปไกลถึงขั้นเป็นกีฬา E-sports มีการแข่งขัน Excel World Championship ที่ลาสเวกัส ถ่ายทอดสดผ่าน ESPN พร้อมเข็มขัดแชมป์โลก โดยผู้เข้าแข่งขันต้องใช้ฟังก์ชันซับซ้อนอย่าง LAMBDA เพื่อแก้โจทย์โมเดลลิ่งแข่งกับเวลา

ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Excel ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ แต่มันคือ Community ที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยผู้คนที่หลงใหลในตรรกะของตาราง

การขโมยไอเดียที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ Tech

ความสำเร็จของ Excel ไม่ได้เกิดจากนวัตกรรมที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่มันคือเรื่องราวของการ Copy and Develop ตามสไตล์ Bill Gates

ย้อนกลับไปยุค 70s บิดาแห่งสเปรดชีตคือ Dan Bricklin ผู้สร้าง VisiCalc โปรแกรมตารางคำนวณตัวแรกบน Apple II ซึ่งเปลี่ยนคอมพิวเตอร์จากของเล่นให้กลายเป็นเครื่องมือธุรกิจ แต่ความผิดพลาดเดียวของ Bricklin คือการไม่จดสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ ทำให้คู่แข่งอย่าง Lotus 1-2-3 เข้ามาตีตลาด PC ของ IBM จนราบคาบ

Microsoft ในเวลานั้นภายใต้รหัสโครงการ Odyssey พยายามสร้าง Excel เพื่อแข่งกับ Lotus แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการตัดสินใจของ Bill Gates ที่เบนเข็ม Excel ไปลงในระบบ Macintosh ของ Apple แทนที่จะเป็น DOS ซึ่งทำให้ทีมพัฒนาอย่าง Doug Klunder ถึงกับหัวเสียจนลาออกไปพักหนึ่ง

การเปิดตัว Excel ในปี 1985 ที่งาน Tavern on the Green ในนิวยอร์ก คือภาพจำประวัติศาสตร์ที่ Bill Gates และ Steve Jobs ขึ้นเวทีร่วมกัน Jobs มอง Excel เป็นแค่ตัวคั่นเวลา แต่ Gates มองไกลกว่านั้น เขาวางหมากให้ Excel เป็น Killer App ที่จะดึงคนเข้าสู่ระบบ Windows ในอนาคต และเขาก็ทำสำเร็จ

กลยุทธ์ “The Bundle” อาวุธลับที่ทำให้ Microsoft ครองโลก

หากถามว่าทำไม Excel ถึงชนะ Lotus และครองตลาดเบ็ดเสร็จ คำตอบไม่ได้อยู่ที่ฟีเจอร์เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ Business Model

Jeff Raikes ผู้บริหาร Microsoft ในยุคนั้นปิ๊งไอเดียการขายแบบ Bundling หรือการมัดรวมขาย แทนที่จะขายแยกโปรแกรมละ 495 ดอลลาร์ พวกเขาจับ Excel มัดรวมกับ Word และ PowerPoint ขายในราคาที่คุ้มกว่า ภายใต้ชื่อ Microsoft Office

กลยุทธ์นี้ทรงพลังจนกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม มันทำให้ Office แทรกซึมเข้าไปในแผนก IT ของทุกบริษัททั่วโลก สร้าง Network Effect ที่ทำให้คู่แข่งเจาะไม่เข้า และแม้ Microsoft จะโดนฟ้องร้องเรื่องการผูกขาดทางการค้า แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะโลกทั้งใบได้ถูกล็อกให้ใช้ Excel ไปเรียบร้อยแล้ว

ยุค Cloud และ AI กับผู้ท้าชิงที่ยังโค่นแชมป์ไม่ลง

Excel เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ 2 ระลอก

ระลอกแรก: Cloud Computing

การมาถึงของ Google Sheets ในปี 2006 ทำให้ Microsoft ต้องสั่นคลอน ด้วยฟีเจอร์การทำงานร่วมกันแบบ Real-time ที่ฟรีและเข้าถึงง่าย หลายคนฟันธงว่า Excel ตายแน่ แต่ 20 ปีผ่านไป Excel ก็ยังอยู่ เพราะสำหรับ Power User หรือองค์กรที่จัดการข้อมูลซับซ้อนและ Sensitive ฟีเจอร์ของ Google Sheets ยังแทนที่ความสามารถในการประมวลผลอันหนักหน่วงของ Excel ไม่ได้

ระลอกสอง: Generative AI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็บอกว่า AI จะมาแทนที่การทำงานซ้ำซาก Chatbot สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลได้ในพริบตาโดยไม่ต้องเขียนสูตร VLOOKUP แม้แต่ OpenAI หรือ Microsoft เองก็พยายามใส่ Copilot เข้ามาใน Excel

แต่จากการสำรวจและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า AI ยังคงเป็นได้แค่ ผู้ช่วย ไม่ใช่ ผู้มาแทนที่ เพราะ AI มักตกม้าตายเรื่องการคำนวณที่แม่นยำและการแสดงที่มาของข้อมูล มนุษย์ยังต้องการความรู้สึกของการ ควบคุม และการทำความเข้าใจข้อมูลผ่านการลงมือทำตารางด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI มอบให้ไม่ได้

Thumbsup มองว่า เรื่องราวของ Excel สอนให้เราเห็นสัจธรรมของโลกเทคโนโลยีและธุรกิจได้อย่างลึกซึ้ง

  1. First Mover ไม่สำคัญเท่า Last Survivor: VisiCalc มาก่อน Lotus มาทีหลังแต่ดีกว่า แต่ Excel มาพร้อมกลยุทธ์การขายที่เหนือชั้นกว่า ทำให้เป็นผู้ชนะที่แท้จริง
  2. Product Stickiness: Excel ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยน ซอฟต์แวร์ ให้กลายเป็น ทักษะ เมื่อคนทั่วโลกเรียนรู้ที่จะใช้มัน มันจึงยากที่จะเปลี่ยนไปใช้เครื่องมืออื่น
  3. Flexibility is Key: ความมหัศจรรย์ของ Excel คือความยืดหยุ่น มันเป็นได้ตั้งแต่ตารางรายรับรายจ่ายของแม่บ้าน ไปจนถึงฐานข้อมูลคำนวณวิถีกระสุนของกองทัพ ความยืดหยุ่นนี้ทำให้ไม่มีแอปเฉพาะทางตัวไหนมาแทนที่มันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ในท้ายที่สุด แม้ Excel อาจจะเป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมที่น่าเบื่อหน่ายในสายตาบางคน แต่มันคือพื้นที่ที่ งานจริง ๆ ถูกทำให้สำเร็จ ท่ามกลางเครื่องมือสื่อสารอย่าง Slack หรือ Email ที่เต็มไปด้วยการพูดคุย Excel คือที่ที่เราได้ใช้สมาธิ สร้างสรรค์ และควบคุมผลลัพธ์ด้วยปลายนิ้วของเราเอง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม อีก 40 ปีข้างหน้า เราก็น่าจะยังคงเห็นตารางสีเขียวนี้อยู่บนหน้าจอต่อไป

อ้างอิง: Bloomberg

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: