จับตาทิศทางสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS เขยื้อนอีกรอบ เริ่มเปิดตัว OTT Platform สำหรับดูรายการย้อนหลังที่เคยออกทางทีวีและคอนเทนต์ที่ผลิตเองแล้วผ่านเว็บ VIPA.me ประเดิมด้วยละคร ‘ลูกเหล็กเด็กชอบยก’ ที่มีนักร้องวงไอดอลอย่าง BNK48 มาร่วมแสดงด้วย

ก่อนหน้านี้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (ThaiPBS) ประกาศผังรายการใหม่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 หลายรายการที่เปิดตัวมีการดึงนักแสดงดังมาเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีเนื้อหาและสาระอยู่ภายใต้กรอบทีวีสาธารณะ

โดยละครที่มีกลยุทธ์ดึงดูดผู้ชมคนรุ่นใหม่ คงหนีไม่พ้นละคร ‘ลูกเหล็กเด็กชอบยก’ เรื่องราวของสาวน้อยวัย 18 ปี ที่อยากเป็นนักยกน้ำหนัก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความรู้สึกผิดเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อ 8 ปีก่อน

ละครเรื่องดังกล่าวมีการดึงเอานักแสดงดัง อย่าง ปอนด์-พลวิชญ์ (ปัจจุบันสังกัดอยู่กับ นาดาวบางกอก), นัท-ณัชพล รัตนมงคล รวมถึงนักร้องวงไอดอล BNK48 ได้แก่ อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ, มินมิน-รชยา ทัพพ์คุณานนต์ และ ขมิ้น-มาณิภา รู้ปัญญา

ซึ่งการประชาสัมพันธ์ละครเรื่องดังกล่าว ก็มีการเชิญชวนให้ชมย้อนหลังผ่านแพลตฟอร์ม VIPA อีกด้วย

สอดคล้องกับข้อมูลก่อนหน้านี้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของไทยพีบีเอส ให้ข้อมูลกับ thumbsup ไว้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ว่า VIPA จะเป็นบริการ Audio/Video Streaming หรือ OTT (Over-The-Top) Platform ช่องทางใหม่จากไทยพีบีเอส โดยแบ่งประเภทบริการไว้หลากหลาย เช่น

  • VIPA Live รายการสด ในเหตุการณ์และการแข่งขันกีฬาสำคัญๆ
  • VIPA Archive คลังรายการคุณภาพจากไทยพีบีเอส
  • VIPA Original เนื้อหาพิเศษผลิตขึ้นเพื่อ VIPA เป็นการเฉพาะ
  • VIPA UGC พื้นที่สร้างสรรค์ผลงานจากครีเอเตอร์ออนไลน์

โดยไทยพีบีเอสระบุว่าตัว VIPA จะเปิดให้บริการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งตอนนี้ (ไตรมาสที่ 3) ก็เริ่มเปิดให้บริการผ่านเว็บไซต์ พร้อมกับละครเรื่อง ‘ลูกเหล็กเด็กชอบยก’ เป็นที่เรียบร้อย

รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธาณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)

รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธาณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)

ซึ่ง รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธาณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ได้เปิดเผยในช่วงกลางเดือนมิถุนายนเช่นว่า ต้องปรับกลยุทธ์องค์กร พร้อมยึดมั่นภารกิจเพื่อสาธารณะภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ให้สามารถทำประโยชน์และคุ้มค่าต่อสังคมมากที่สุด

รศ.ดร.วิลาสินี ยอมรับว่า พฤติกรรมการรับสื่อของเด็ก 3-6 ปี ยังดูทีวีเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการอ่านหนังสือและดู YouTube ส่วนเด็กอายุ 7-11 ปี พบว่าใช้สื่อ YouTube มากที่สุด รองลงมาคือโทรทัศน์ ทำให้ต้องสร้างพื้นที่ที่มี Content ที่มีคุณภาพเกิดขึ้น และตอบสนองการวางใจของครอบครัวได้มากขึ้น

“อีกหนึ่งความท้าทายของไทยพีบีเอส ในขณะที่ผู้ชมรับสื่อผ่านหน้าจอโทรทัศน์มีจำนวนลดลง และหันมาชมผ่านทางออนไลน์มากขึ้น เราจึงเตรียมที่จะเผยแพร่ Content ผ่านช่องทาง OTT ซึ่งไทยพีบีเอสเรียกว่าช่อง VIPA รองรับผู้ชมทางออนไลน์ที่สนใจเนื้อหาคุณภาพในแบบไทยพีบีเอส”

– รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว

ผอ.ไทยพีบีเอส ยังยืนยันว่าองค์กรเน้นการสร้างเนื้อหาเชิงสาระเพื่อเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยวางเป้าหมายว่าเป็น Passionate Learners คือ คนที่กระตือรือร้นแสวงหาการเรียนรู้ และยังเป็นการเปิดพื้นที่ในการสร้างสรรค์ผลงานจาก Online Creator รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมบนสื่อออนไลน์อีกด้วย

น่าสนใจว่า การเดินตามรอยกระแสสื่อทั่วโลกที่มีแพลตฟอร์มของตนเอง ซึ่งสื่อสาธารณะระดับโลกอย่าง BBC ก็มีแพลตฟอร์ม Video Streaming มานานแล้ว น่าสนใจว่าการเกิดขึ้นของ VIPA หลังจากนี้จะได้รับการตอบรับไปในทิศทางใดต่อไป

เพราะตอนนี้เรามีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งทั้งของไทย (เช่น LINE TV, AIS PLAY, TrueID ฯลฯ) และต่างประเทศ (Netflix, Viu, iFlix, WeTV, Amazon Prime Video ฯลฯ) ให้ดูมากมากมายเหลือเกิน

Just ordinary guy who interested about current affairs, new media and technology. Now I'm Creative Content Creator and Co-founder of 'Yarmfaojor' (ยามเฝ้าจอ) Thailand TV Monitor by new generation.