ในขณะที่องค์กรทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับ AI Transformation และเร่งเครื่อง Reskill คนให้ทันโลก แต่ในมุมมืดของจักรวาลเทคโนโลยี อีกหนึ่งคลื่นยักษ์กำลังก่อตัวขึ้นเงียบๆ และพร้อมจะซัดถล่มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เราวางใจ นั่นคือ “Quantum Computing”

จากการระดมสมองของภาครัฐและเอกชนในเวทีเสวนาเรื่องแรงงาน ล่าสุดมาบรรจบกับข้อมูล Deep Tech ระดับโลกที่เปิดเผยโดย SCBX และ QTFT สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ 2 ทาง คือการเร่งสร้าง “Workforce 5.0” เพื่อให้ “คน” ทำงานร่วมกับ AI ได้ และการเตรียมรับมือ “Quantum Threat” เพื่อปกป้อง “ข้อมูล” ก่อนปี 2033 จะมาถึง

Quantum Computing — โอกาสแสนล้าน หรือ หายนะของความปลอดภัย?

ในขณะที่เรากำลังปั้นคน ข้อมูลจากรายงานพิเศษ “SCBX Quantum Outlook” ที่จัดทำร่วมกับ QTFT ก็กำลังส่งสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดง (Red Alert) ควบคู่ไปกับโอกาสมหาศาล 

ภัยเงียบ: Harvest Now, Decrypt Later (HNDL)

ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ จาก SCBX R&D ชี้ให้เห็นภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดในเวลานี้ คือกลยุทธ์ของอาชญากรไซเบอร์ที่เรียกว่า “Harvest Now, Decrypt Later” (HNDL)

  • สิ่งที่เกิดขึ้น: ผู้ไม่หวังดีกำลัง “ดักจับและจัดเก็บ” ข้อมูลที่เข้ารหัส (Encrypted Data) ของเราในวันนี้ แม้ว่าวันนี้เขาจะยังเจาะรหัสไม่ได้
  • ความน่ากลัว: พวกเขารอวันที่ Quantum Computer มีพลังประมวลผลมากพอ แล้วค่อยมา “ถอดรหัส” ข้อมูลความลับเหล่านี้ในอนาคต
  • ไทม์ไลน์อันตราย: ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าภัยคุกคามจาก Quantum อาจเริ่มเห็นผลชัดเจนในปี 2031 และเราอาจเจอกับ Q-Day (วันที่ Quantum เจาะระบบรหัสผ่านปัจจุบันได้หมด) ในช่วงปี 2030-2035

จุดจบของ RSA และ AES ภายในปี 2033

Roadmap ของ IBM และผู้เชี่ยวชาญระบุชัดเจนว่า มาตรฐานความปลอดภัยที่เราใช้กันทั่วโลกอย่าง RSA-2048 และ AES-128 จะถูกทำลาย (Compromised) ภายในปี 2033 ซึ่งเร็วกว่าแผนการเปลี่ยนผ่านของ NIST ถึง 2 ปี

นี่คือระเบิดเวลาที่ทุกธนาคารและองค์กรที่เก็บข้อมูลลูกค้าต้องตระหนัก เพราะระบบ Encryption ที่เราภูมิใจนักหนาว่าปลอดภัย กำลังจะกลายเป็นกระดาษเปล่าในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า

ขุมทรัพย์ 2 ล้านล้านดอลลาร์ (Global Opportunity)

อย่างไรก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้าน Quantum Computing ไม่ได้มาเพื่อทำลายระบบความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่มาพร้อมมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล

  • มูลค่ารวม: คาดการณ์ว่า Quantum จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปี 2035
  • อุตสาหกรรมที่จะรวยขึ้น: กลุ่ม Financial Services (บริการทางการเงิน) ยืนหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด โดยคาดว่าจะกวาดมูลค่าไปกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ จากความสามารถในการทำ Optimization และ Simulation ที่แม่นยำขึ้น รองลงมาคือกลุ่มพลังงาน โลจิสติกส์ และยา

ไทยอยู่ตรงไหนในแผนที่โลก?

ปัจจุบันทั่วโลกมีการประกาศลงทุนใน Quantum Technology ไปแล้วกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ นำโดยจีน ($15.3B) ยุโรป ($8.4B) และสหรัฐฯ ($6B) สำหรับประเทศไทย เราเริ่มมีจุดเล็กๆ ปรากฏขึ้นด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องเร่งสปีด

ทางรอดคือ “Governance” และ “Crypto-Agility”

เมื่อเทคโนโลยีวิ่งเร็วกว่าความปลอดภัย ทางรอดที่ SCBX และ QTFT แนะนำคือ

  1. Hybrid Cryptography: ใช้ระบบผสมผสานระหว่างอัลกอริทึมปัจจุบันกับ Post-Quantum Cryptography (PQC) เพื่อสร้างเกราะป้องกันสองชั้น
  2. Crypto-Agility: องค์กรต้องสร้างระบบที่ “คล่องตัว” สามารถเปลี่ยนกุญแจหรืออัลกอริทึมเข้ารหัสได้ทันทีเมื่อมาตรฐานเปลี่ยน โดยไม่กระทบธุรกิจ
  3. Governance as Root: ความปลอดภัยไซเบอร์ต้องยกระดับจาก “ความรับผิดชอบของทีมไอที” เป็น “แผนยุทธศาสตร์องค์กร” ที่มีการกำกับดูแลชัดเจนตาม NIST Cybersecurity Framework 2.0

อนาคตของปี 2030+ คือสมการที่ประกอบด้วย “คนที่มีทักษะขั้นสูง” (Workforce 5.0) และ “โครงสร้างพื้นฐานที่ต้านทาน Quantum ได้”

สำหรับภาคธุรกิจ วันนี้คุณอาจจะกำลังปวดหัวกับการหาคนทำ AI แต่ในขณะเดียวกัน หลังบ้านของคุณต้องเริ่มวางแผนรับมือวันที่รหัสผ่าน RSA 2048 ใช้การไม่ได้แล้ว การเตรียมคนให้เป็น “Innovator” และการเตรียมระบบให้พร้อมรับมือ HNDL คือทางรอดเดียวที่จะทำให้ธุรกิจไทยไม่เพียงแค่อยู่รอด แต่สามารถตักตวงโอกาสจากขุมทรัพย์ 2 ล้านล้านดอลลาร์นี้ได้ทันเวลา