ในยุคที่การเดินทางเพื่อธุรกิจ (Business Travel) และการจัดอีเวนต์กลับมาคึกคักเหมือนก่อนโควิด-19 การวางแผนงบประมาณจึงกลายเป็นสมรภูมิที่ท้าทายสำหรับนักการตลาดและผู้บริหารองค์กรอย่างเราๆ อีกครั้ง ล่าสุด

American Express Global Business Travel (Amex GBT) ได้ปล่อยรายงานประจำปีที่ทุกคนรอคอยอย่าง Hotel Monitor 2026 ออกมา ซึ่งเป็นเหมือนคัมภีร์ที่ช่วยให้เราเห็นทิศทางราคาโรงแรมทั่วโลกในปีหน้า และแน่นอนว่า Thumbsup ไม่พลาดที่จะนำมาเจาะลึก ย่อยให้เข้าใจง่าย พร้อมวิเคราะห์ในมุมของคนทำงานว่าข้อมูลเหล่านี้บอกอะไรกับเราบ้าง

รายงานฉบับนี้ใช้การสร้างแบบจำลองอนุกรมเวลา (Time Series Modeling) ที่ชื่อว่า Prophet ร่วมกับฐานข้อมูลมหาศาลของ Amex GBT และข้อมูลคาดการณ์เงินเฟ้อและ GDP จาก IMF เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันว่าโลกของการเดินทางและที่พักในปี 2026 จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และเราต้องเตรียมตัวรับมือกับอะไรบ้าง

 

ภาพรวมตลาดโลก และเสถียรภาพที่ซ่อนความผันผวน

ข่าวดีแรกที่พอจะทำให้เราใจชื้นขึ้นมาได้บ้างคือ Amex GBT คาดการณ์ว่าราคาโรงแรมทั่วโลกโดยรวมในปี 2026 จะค่อนข้าง “มีเสถียรภาพ” ปัจจัยหลักมาจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และประเด็นเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้ความต้องการเดินทาง (Demand) ถูกจำกัด ทำให้การขึ้นราคาของโรงแรมทำได้ไม่เต็มที่นัก เป็นการต่อเนื่องจากแนวโน้มที่เริ่มชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา

แต่ช้าก่อน…ในความนิ่งนั้นกลับมีคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ซ่อนอยู่ นั่นคือ ตลาดโรงแรมหรู (Luxury Segment) ที่ดูเหมือนจะสวนกระแสทุกอย่าง รายงานชี้ชัดว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสันทนาการที่มีกำลังซื้อสูง (Affluent Leisure Travelers) ยังคงใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องไม่มีแผ่ว ผลักดันให้ราคาห้องพักในกลุ่มโรงแรมระดับท็อปเทียร์พุ่งสูงขึ้น นี่คือสัญญาณเตือนที่ดังมากสำหรับองค์กรที่นิยมให้ผู้บริหารหรือทีมงานเข้าพักในโรงแรมระดับ Luxury และ Upper Upscale ว่าอาจจะต้องจ่ายแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เจาะลึกรายทวีป ใครขึ้น ใครทรงตัว และใครคือดาวรุ่ง?

เมื่อมองลึกลงไปในแต่ละภูมิภาค เราจะเห็นภาพความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนกลยุทธ์สำหรับตลาดเป้าหมาย

  • เอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific): อินเดียคือดาวเด่น กรุงเทพฯ ทรงตัว
    • ภูมิภาคบ้านเรามีสตอรี่ที่น่าสนใจมาก โดย “อินเดีย” ถูกยกให้เป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษในปี 2026 ด้วยอัตราการเติบโตของราคาห้องพักและอัตราการเข้าพักที่ยังคงพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ร้อนแรงเท่าปีก่อน แต่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งภูมิภาคและของโลก โดยเฉพาะเมืองที่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีอย่าง เบงกาลูรู (Bengaluru) หรือที่ขนานนามว่าเป็น “Silicon Valley of India” คาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงถึง 6.4% และ เดลี (Delhi) ที่เพิ่มขึ้น6.8% ในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่กลับมีแนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย บางเมืองอย่างกว่างโจวถึงกับคาดว่าราคาจะลดลง 0.7% ส่วน กรุงเทพฯ ของเรานั้น คาดว่าจะมีการปรับขึ้นราคาแบบเบา ๆ ที่ 1.5% ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับองค์กรในไทยที่ต้องจัดการงบประมาณการเดินทางในประเทศ
  • อเมริกาเหนือ (North America): แคนาดานำโด่ง สหรัฐฯ ทรงตัว
    • ความไม่แน่นอนเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้การคาดการณ์ในภูมิภาคนี้มีความหลากหลาย โดยรวมแล้วราคาในสหรัฐฯ จะปรับขึ้นแบบพอประมาณ เช่น นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 4.0% และลอสแอนเจลิส เพิ่มขึ้น 2.2% แต่เมืองที่น่าจับตาที่สุดคือ โทรอนโต (Toronto) ใน แคนาดา ที่คาดว่าราคาจะพุ่งสูงถึง 5.8% แม้ว่าจะมีซัพพลายโรงแรมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นก็ตาม
  • ยุโรป (Europe): ความนิ่งที่มีข้อยกเว้น
    • ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ราคาโรงแรมในยุโรปส่วนใหญ่มีแนวโน้มคงที่ แต่ก็มีปัจจัยเฉพาะที่ทำให้บางเมืองเป็นข้อยกเว้น เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านภาษีในสหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการปล่อยเช่าที่พักระยะสั้น (Short-term Lets) ในเมืองใหญ่อย่างบาร์เซโลนาและอัมสเตอร์ดัม ซึ่งอาจส่งผลให้ซัพพลายที่พักลดลงและราคาสูงขึ้น และเช่นเดียวกับเทรนด์โลก ตลาดโรงแรมหรูในยุโรปยังคงไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว โดยลอนดอนคาดว่าจะปรับขึ้น 4.2%
  • ตะวันออกกลางและแอฟริกา (Middle East & Africa): ซัพพลายใหม่ช่วยคุมราคา
    • ภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย กำลังมีการก่อสร้างโรงแรมใหม่ ๆ จำนวนมาก ซึ่งการเพิ่มขึ้นของซัพพลายนี้จะช่วยให้ราคาห้องพักปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่น ริยาด (Riyadh) ที่คาดว่าจะขึ้นเพียง 2.3% แม้จะมีความต้องการเดินทางเข้าประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม ในทางกลับกัน เคปทาวน์ (Cape Town) ในแอฟริกาใต้ อาจเห็นราคาที่สูงขึ้นถึง +4.7% เนื่องจากมีอัตราการเข้าพักสูง แต่ซัพพลายโรงแรมที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยมีจำกัด

มากกว่าแค่เรื่องราคา! เทรนด์ ‘Meetings & Events’ ที่ต้องรู้

สำหรับคนในวงการมาร์เก็ตติ้งและอีเวนต์ รายงานนี้ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมงานที่เปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเลือกสถานที่จัดงาน

Emma Bason ผู้อำนวยการฝ่าย Global Venue Sourcing ของ Amex GBT Meetings & Events ชี้ว่า ปัจจุบันมีความต้องการประสบการณ์ที่ “น่าจดจำและถ่ายรูปสวย” (Memorable and “Instagram-able”) เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หลายครั้งที่ลูกค้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่สวย ๆ ที่เห็นบนโซเชียลมีเดีย

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่อง Wellness, Accessibility, และ Inclusivity ก็ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ มีการร้องขอตัวเลือกอาหารเฉพาะทางมากขึ้น เช่น อาหาร Plant-based, อาหารปลอดกลูเตน รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งแบรนด์โรงแรมและสถานที่จัดงานต่างก็พยายามตอบสนองความต้องการเหล่านี้อย่างเต็มที่

แล้วคนทำงานอย่างเราต้องปรับตัวอย่างไร?

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ Amex GBT Consulting ได้ให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับองค์กร เพื่อนำทางผ่านความท้าทายนี้ไปได้

  1. มองหาความมั่นคง (Search for Stability): ในช่วงเวลาที่ผันผวน การมีพาร์ทเนอร์โรงแรมที่ไว้ใจได้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การสื่อสารที่ดีคือหัวใจ อย่าคุยกับซัพพลายเออร์แค่ตอนทำ RFP หรือเจรจาต่อรอง แต่ควรพูดคุยอัปเดตกันตลอดทั้งปี
  2. ยอมรับว่าของหรูจะแพงขึ้น (Luxury’s going to cost more): เมื่อดีมานด์จากนักท่องเที่ยวพักผ่อนยังคงแข็งแกร่ง ก็ต้องยอมรับว่าราคาโรงแรมระดับบนจะสูงขึ้น ความสัมพันธ์ที่ดีกับพาร์ทเนอร์อาจช่วยได้บ้าง แต่หลายโรงแรมก็เลือกที่จะคว้าโอกาสจากกลุ่มลูกค้าที่ยอมจ่ายหนักไว้ก่อน
  3. บริหารจัดการเพดานราคาอย่างใกล้ชิด (Keep close to rate caps): การจัดการ Rate Cap จะยังคงเป็นเรื่องสำคัญในปี 2026 เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและสร้าง Savings ให้กับองค์กร
  4. ใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ (Embrace your data): ข้อมูลคืออาวุธสำคัญในการเจรจาต่อรอง ใช้ข้อมูลของคุณเพื่อแสดงให้ซัพพลายเออร์เห็นถึงมูลค่าทั้งหมดที่โปรแกรมการเดินทางของคุณมอบให้พวกเขา
  5. ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน (Understand your impact): Sustainability ต้องเป็นแกนหลักของโปรแกรมโรงแรมในปี 2026 เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 กำลังใกล้เข้ามาทุกที

Thumbsup มองว่า รายงาน Hotel Monitor 2026 ของ Amex GBT ฉายภาพให้เห็นตลาดที่พักทั่วโลกที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่สภาวะ “สองขั้ว” อย่างชัดเจน ขั้วหนึ่งคือตลาดโดยรวมที่ราคาค่อนข้างมีเสถียรภาพ เปิดโอกาสให้องค์กรสามารถวางแผนงบประมาณได้ไม่ยากนัก ในขณะที่อีกขั้วคือตลาดลักชัวรีที่ราคายังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวกลุ่มบน นี่จึงไม่ใช่แค่โจทย์เรื่องการหาที่พักราคาดีที่สุด แต่เป็นความท้าทายเชิงกลยุทธ์ที่บังคับให้เราต้องตอบคำถามที่ลึกซึ้งกว่าเดิมว่า “อะไรคือคุณค่าที่แท้จริงของการเดินทางแต่ละครั้ง?” การเลือกโรงแรม 5 ดาว อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนทางธุรกิจ (ROI) ที่ดีกว่าโรงแรม 4 ดาวเสมอไป ในทางกลับกัน การลงทุนในประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับอีเวนต์สำคัญในโรงแรมที่ราคาเหมาะสม อาจสร้างอิมแพคได้มากกว่า นี่คือยุคของ “Smart Sourcing” ที่นักการตลาดและผู้บริหารต้องมองให้ขาด เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าและสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับองค์กรอย่างแท้จริง

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: