ข้อดีของการถือบัตรนักเรียนนักศึกษามีมากมาย อย่างน้อยก็ได้ซื้อสินค้าและบริการในราคาที่ถูกกว่าผู้บริโภคทั่วไป เช่นเดียวกับ Apple ที่ออกมาจัดแคมเปญลดค่าบริการสุดแรงของแอปพลิเคชัน Apple Music ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา จากเดิมคิดผู้ใหญ่ในอัตราเดือนละ 9.99 เหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 4.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือเท่ากับลดให้ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ข่าวดีที่มากไปกว่านั้นก็คือ โปรโมชันนี้ไม่ได้จัดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ในประเทศเช่น อังกฤษ เยอรมนี เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน โดยราคาที่ลดแล้วของแต่ละประเทศจะเท่ากับ 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาเดิม (เนื่องจากแต่ละประเทศตั้งราคาไม่เท่ากัน)
สำหรับราคานักศึกษานี้จะสามารถใช้ได้นานสูงสุด 4 ปีนับตั้งแต่วันสมัคร ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องสมัครต่อเนื่องกันไปทุกปีก็ได้ ยกตัวอย่างนักศึกษาที่ดร็อปไประหว่างภาคเรียน เมื่อกลับมาลงเรียนใหม่ ก็ค่อยกลับมาใช้สิทธิต่อ
นอกจากนี้ ทาง Apple ยังได้จับมือกับ UNiDAY ผู้ให้บริการเทคโนโลยีในการตรวจสอบสถานะความเป็นนักศึกษาเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่มาสมัครสมาชิก Apple Music นั้นเป็นนักศึกษาตัวจริงด้วย
ในด้านการใช้งาน ปัจจุบัน Apple Music มีผู้สมัครใช้บริการแล้วกว่า 13 ล้านคน ทั้ง ๆ ที่เปิดตัวมาได้เพียง 9 เดือน ซึ่งการเติบโตนี้ถือว่ารวดเร็วกว่า Sposify ผู้ให้บริการเพลงคู่แข่งไปแล้ว โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เติบโตเร็วอาจเป็นเพราะแผนในการคิดค่าบริการ เช่น การใช้งานส่วนบุคคลที่คิด 9.99 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้าสมัคร Family Plan ก็จะคิดแค่ 14.99 เหรียญสหรัฐเท่านั้น โดยแพกเกจ Family Plan นี้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ถึง 6 คนพร้อมกัน ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับบริการจากค่ายคู่แข่ง (Sposify ราคาเดียวกัน แต่รองรับได้แค่สองคน)
แต่ก็ใช่ว่า Apple Music จะมีแต่เสียงชื่นชม เพราะกระแสวิจารณ์ในด้านลบก็มีไม่น้อย ทั้งรูปแบบการใช้งานที่ยุ่งยากชวนงง หรือปัญหาที่อยู่ดี ๆ เพลงก็หายไปจากฮาร์ดไดร์ฟ ซึ่ง Apple ตัดบทด้วยการบอกว่า Apple Music กำลังอยู่ระหว่างการปรับโฉมใหม่ และเชื่อว่าในการเปิดตัว Apple Music เวอร์ชันใหม่นั้น ปัญหาความยุ่งยากต่าง ๆ ก็น่าจะหายไปด้วย