Site icon Thumbsup

สื่ออังกฤษยก ‘Audio is the new video’ คอนเทนต์เสียงมาแรงแน่นอน

Audiogalaxy

สื่อใหญ่ในอังกฤษส่งสัญญาณพร้อมเพรียง ว่าคอนเทนต์เสียงกำลังจะมีอิทธิพลมากขึ้นในยุคดิจิทัลตามรอยวิดีโอที่ทำได้สำเร็จมาแล้ว ทิศทางนี้ทำให้สื่อมีโอกาสสูงที่จะปั้มรายได้จากคอนเทนต์เสียงมากขึ้นต่อเนื่อง บนกลุ่มผู้ฟังที่ขยายตัวอย่างฉุดไม่อยู่

ในขณะที่หลายคนมองว่าคนยุคดิจิทัลหันไปชมวิดีโอออนไลน์กันหมด แต่สื่ออังกฤษกลับลงทุนตั้งสถานีวิทยุออนไลน์กันอย่างคึกคัก ทั้ง News Corp ที่ปิดดีลเทเงินซื้อกิจการ Wireless Group เรียบร้อยเมื่อกันยายนที่ผ่านมาด้วยราคา 273 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับที่ Monocle วางเดิมพันในวงการคอนเทนต์เสียงไปก่อนด้วยการเปิดตัวสถานีวิทยุดิจิทัล 24 ชั่วโมงตั้งแต่ปี 2011 จนล่าสุดคือ Bloomberg ที่เปิดบริการสถานีวิทยุออนไลน์ในลอนดอนเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา

Ed Keohane ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์เสียงหรือ audio แห่ง Bauer Media ระบุว่าคอนเทนต์เสียงจะเป็น “new video” ซึ่งจะมีอิทธิพลเติบโตต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าถึงผู้คนได้ง่ายผ่านการฟังแบบ 100%

การสำรวจพฤติกรรมผู้ฟังในอังกฤษชิ้นล่าสุดพบว่าเกินครึ่งหนึ่งของตลาดวิทยุดิจิทัลในแดนผู้ดีนั้นเกาะติดกับแบรนด์ของ Bauer โดยข้อมูลจากงานวิจัย Radio Joint Audience Research พบว่าสถานีวิทยุดิจิทัลในเครือ Bauer ทั้งสถานีวิทยุแห่งชาติ Absolute, สถานีเพลงฮิปฮอป Kiss และสถานีเพลงร็อก Kerrang! ล้วนได้รับความนิยม

กรณีของเอเจนซี่โฆษณา รายงานระบุว่าการลงชื่อเพื่อฟังวิทยุออนไลน์นั้นทำให้เอเจนซี่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเสนอโฆษณาที่ตรงกลุ่มได้ดี เบื้องต้น Bauer ไม่เปิดเผยรายได้ที่มาจากธุรกิจ digital audio เหล่านี้ โดย Keohane กล่าวเพียงว่าเม็ดเงินที่ได้นั้นน่าพอใจและมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้คุ้มค่าการลงทุนในระดับกลาง

ข้อมูลจาก RAJAR ยังพบว่าสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดผู้ฟังบริการคอนเทนต์เสียงออนไลน์ในอังกฤษนั้นมีจำนวนมากกว่า 21.7 ล้านคน ซึ่งรวมคอนเทนต์จากบริการเพลงออนไลน์อย่าง Spotify สถานีวิทยุดิจิทัล รวมถึง podcast ทั้งหมดนี้คิดเป็น 40% ของประชากรออนไลน์รวม

อัตรานี้เชื่อว่าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลักในทุก 6 เดือน แถมยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น ตัวเลขขณะนี้คือระยะเวลาการฟังเฉลี่ย 9.7 ชั่วโมง ซึ่งในกลุ่มผู้ฟังอายุ 15-24 ปี มีระยะเวลาฟังวิทยุออนไลน์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 13.7 ชั่วโมง

ที่มา: Digiday