Site icon Thumbsup

“ลิขสิทธิ์” เรื่องที่คนรุ่นใหม่ต้องใส่ใจ

กลายเป็นเรื่องราวร้อนแรงติดๆ กันเลยทีเดียวสำหรับสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับการถูกจับกุมและยึดน้ำหอมปลอมของ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ที่มีลักษณะเด่นคือหน้าตาที่สวยงามและคำพูดที่ร้อนแรง ทำให้ชาวเน็ตสนใจเข้ามาเลือกซื้อสินค้า และมีฐานแฟนคลับมากมาย ซึ่งพิมรี่พายเอง ถือว่าโต้กลับกระแสอย่างรวดเร็ว

เมื่อเธอมีไลฟ์สดในคืนนั้นทันที และยอมรับถึงการกระทำในอดีตที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ กับวลีที่โดนใจชาวเน็ตคือ “คนผิดก็คือกู ในสมัยก่อน แล้วกูก็เลิกขายแล้ว ให้ความร่วมมือกับตำรวจจริงๆ” ทำให้คนที่ติดตามเธอให้อภัยและเข้าใจในการกระทำที่เคยผิดพลาด

ทางด้านของไทม์ไลน์เรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะเพจดังที่ได้โพสต์ว่า ปคบ.บุกค้น ตรวจยึดสินค้าของ “พิมรี่พาย” เป็นความจริง เพราะเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามหน้าที่ และเจ้าตัวก็ยอมรับ โดยก่อนหน้านี้เมื่อ 6 เดือนก่อน ได้ขายของปลอมจริง ซึ่งตอนขายก็แจ้งลูกค้านะ ว่าของปลอม! ตนเป็นคนที่ขายทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมา ขายหลายอย่าง ซึ่งตอนนั้นก็โดนดราม่าไป #ขายของปลอมก็คือปลอม เป็นบทเรียนให้หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ขายของปลอมอีกเลย

สำหรับสินค้าที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจพบ (ในข่าว) คือสินค้าสต๊อกเก่า (ของปลอม) ที่มีไว้ครอบครอง แต่ไม่ได้ขายและทำลาย ซึ่งก็ถือว่าผิดตามกฎหมาย โดยทางพิมรี่พายเอง ก็ยอมรับผิดที่ไม่ได้ทำลายของสต๊อกเก่านั้นทิ้ง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินตามกฏหมายไป ซึ่งปัจจุบันได้เลิกขายของปลอมแล้ว ขายของแท้ สามารถเช็คได้

จากนั้นก็ต่อเนื่องกันมาติดๆ กับแฮชแท็ก #แก้วชอบของแบรนด์เนม ค่ะ ที่วันนี้ (20 ส.ค.2562) ทาง BNK48 Official ได้ประกาศให้ แก้ว-ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ หยุดพักงาน 1 เดือน ทำให้แก้วจะไม่ได้ขึ้นแสดงงานเทศกาลกีฬาบางกอก 48 ในวันที่ 7 กันยายน และจะไม่ได้ขึ้นแสดง Theatre ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ สำหรับประกาศที่ออกมาจากทาง BNK48 Official นั้น มียอดแชร์ไปแล้วกว่า 8,300 ครั้ง ยอดคอมเม้นท์กว่า 6,300 ครั้งในเวลาเพียง 15 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ทางทีมงาน thumbsup ได้เปรียบเทียบแฮชแท็กใน twitter และเทรนด์ใน wisesight ก็ยังพบว่านอกจากเรื่องข่าวคราววงการบันเทิงที่ร้อนแรงนั้น ยังแฝงไปด้วยความเข้าใจและเรียกร้องให้คนรุ่นใหม่ใส่ใจในเรื่องของสินค้าลิขสิทธิ์ ทั้งอยากให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นของแท้มากกว่าของก็อปกันมากขึ้น

โดยโทษสำหรับคนที่ก็อปสินค้าปลอมนั้น จะมีโทษปรับ 4 เท่าจากมูลค่าของกลางที่ถูกจับมาจำหน่าย หรือหากซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังอย่าง LAZADA ก็สามารถที่จะแจ้งเบาะแสการละเมิดสิทธิ์ได้เลย

อย่างไรก็ตาม ในมุมของผู้ซื้อที่เลือกซื้อของก็อปหรือสินค้าปลอมนั้น ไม่ได้มีบทลงโทษที่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ค้านั้น มีบทลงโทษคือกรณีปลอมเครื่องหมายการค้าจะมีโทษจำคุก 4 ปี โทษปรับ 400,000 บาท และอีกกรณี คือการเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของแบรนด์นั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท แต่ไม่สามารถยอมความทั้ง 2 กรณี

ส่วนกรณีนี้หากทีมตำรวจจะสืบต่อว่าสินค้าที่ น้องแก้ว นำมาใช้งานนั้น ซื้อมาจากแหล่งใด และนำเข้ามาด้วยวิธีการใด สูญเงินไปมูลค่าเท่าไหร่ งานนี้ร้านที่น้องแก้วไปซื้อคงต้องจ่ายอ่วมเลยทีเดียว

Credit : Mthai , BNK48, ไทยรัฐออนไลน์, smartsme