Site icon Thumbsup

ภาพรวมเทรนด์และสถิติ E-Commerce ประจำปี 2022

การชอปปิงออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ กลายเป็นส่วนหนึ่งในการซื้อสินค้าของคนเกือบทุกเพศทุกวัยไปเสียแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากความจำเป็นที่ต้องปรับตัวไปแบบทันทีทันใด โดยผู้บริโภคชาวอเมริกันมีการใช้จ่ายออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2020 ไปกว่า 21.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21%

ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายอีคอมเมิร์ซทั่วโลก รวมกว่า 4.921 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2021 และยังมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

ทีมงาน thumbsup จึงนำข้อมูลจาก WebsiteBuilderExpert และ RaiNMaker เกี่ยวกับภาพรวมอีคอมเมิร์ซทั่วโลกมาฝากกันค่ะ

ภาพรวมสถิติอีคอมเมิร์ซ

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าเหตุผลที่อีคอมเมิร์ซเติบโตเป็นอย่างดีมาจากปัจจัยเกี่ยวกับโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปี 2020 และการปิดตัวของหน้าร้านค้าปลีก ทำให้แบรนด์ต้องย้ายมาใช้ช่องทางออนไลน์ทดแทน รวมทั้งรูปแบบการใช้จ่ายแบบออนไลน์ จะกลายเป็นเทรนด์ในอนาคต

เทรนด์การใช้จ่ายจากสถานการณ์โรคระบาด

ก่อนหน้าโควิดระบาด มีผู้บริโภคเพียง 9% เท่านั้น ที่ซื้อของใช้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการใช้จ่ายออนไลน์ในช่วงโควิด จะอยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก (เดลิเวอรี่)

แต่ในขณะนี้ มีผู้บริโภคกว่า 63% ซื้อของใช้ผ่านช่องทางออนไลน์ และในอนาคตมีโอกาสที่ผู้บริโภคถึง 86% มีแนวโน้มที่จะใช้การชอปปิงออนไลน์ต่อไปอีกในอนาคต

ของใช้ในบ้านที่ได้รับความนิยมช่วงโควิด

ทางด้านหมวดสินค้ายอดนิยมในช่องทางออนไลน์ จากที่เคยเน้นหนักไปที่กลุ่มแฟชั่น กลับเป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และอุปกรณ์การทำงานที่บ้านมากขึ้น เพราะพฤติกรรมในการใช้ชีวิตเป็นรูปแบบการตอบสนองการใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น รวมทั้งงบประมาณในการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ก็สูงขึ้นเช่นกัน

สุขภาพ

เครื่องครัว

เทรนด์ Curbside Pickup กำลังมา

นอกจากนี้ การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน จากนั้นให้ไปรับสินค้าที่หน้าร้านค้า ที่แบรนด์เตรียมช่องทางอำนวยความสะดวกไว้ให้ผู้ซื้อเข้าไปรับและตรวจสอบคุณภาพสินค้าได้เองก่อนนำสินค้ากลับไป โดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไปเอาในร้าน

เทรนด์นี้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เริ่มมีโควิดระบาด และ 87% ของผู้บริโภคต้องการให้ร้านค้าและแบรนด์ยังคงทางเลือก Curbside Pickup ไว้ต่อไป

ซึ่งผู้บริโภคที่มีความต้องการชอปปิงผ่านระบบนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่ในช่วงวัย Millennials, Gen Z และ Gen X ตามลำดับ

แนวโน้มการใช้จ่ายออนไลน์ของผู้บริโภคหลังโควิด

10 ประเทศที่มีตลาด E-commerce ใหญ่ที่สุด

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคกว่า 57% มีการชอปปิงผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ E-commerce ที่ไร้ขอบเขต โดยทวีปที่มีการใช้จ่ายให้ต่างประเทศมากที่สุด คือ

รวมถึงเอเชียยังเป็นทวีปที่มีการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallets) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับทวีปอื่น ๆ โดยคิดเป็น 58.4%

ผู้บริโภคเลือกชอปปิงผ่านโทรศัพท์มากขึ้น

ช่วงหลังมานี้ผู้บริโภคเลือกใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องมือในการชอปปิงออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูสินค้า สั่งซื้อ หรือชำระเงิน ซึ่งคิดเป็น 24% มากกว่าการใช้งานบนเดสก์ท็อป เรียกง่าย ๆ ว่าเดสก์ท็อปเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการนำร่องการขาย แต่ถ้าพูดถึงยอดการเข้าถึงแล้ว ผู้บริโภคส่วนมากเข้าผ่านโทรศัพท์มากกว่า

โดยเฉพาะช่วงโควิดทำให้ผู้บริโภคมีการใช้งานโทรศัพท์เป็นเครื่องมือในการชอปปิงออนไลน์มากขึ้น คิดเป็น 45% ด้วยกัน

ดังนั้นจึงเป็นคำแนะนำที่ดีกับร้านค้าและแบรนด์ว่าควรออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้มีความเป็นมิตรกับการใช้งานบนโทรศัพท์มากขึ้น เพื่อรองรับและให้ประสบการณ์การเข้าชมเว็บไซต์ที่ดีให้กับผู้บริโภค จนทำให้เกิดการซื้อ หรือประทับใจจนต้องอยากกลับมาซื้อซ้ำนั่นเอง

การใช้เทคโนโลยีกับ E-Commerce

การทำการตลาดแบบ Personalization

การทำการตลาดแบบเจาะเฉพาะบุคคล (Personalization) เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ในการทำตลาดในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นการนำข้อมูลอินไซต์ที่มีมาวิเคราะห์พร้อมส่งตรงถึงแต่ละบุคคลให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุด

การใช้ Voice Assistants

ในปี 2023 มีแนวโน้มว่าตัวช่วยเรื่องเสียงจะถูกใช้ถึง 8 พันล้าน ย้อนกลับเมื่อปี 2019 จากผลการรายงานของ Microsoft พบว่า 40% ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา อินเดีย และออสเตรเลียใช้เทคโนโลยีเสียงในการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เรียกว่าเป็นส่วนแบ่งตลาดหลักเลยก็ว่าได้

ยิ่งช่วงโควิดเกิดขึ้น ยิ่งทำให้เทคโนโลยีเสียงพัฒนาเร็วขึ้น 52% ของผู้ใช้ตัวช่วยเสียงบอกว่ามีการใช้งานเทคโนโลยีเสียงวันละหลายครั้ง หรือเกือบทุกวัน มากขึ้นจากก่อนโควิดถึง 46% ด้วยกัน

การใช้ Chatbots

นับเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานกันมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนมากการทำ E-commerce ที่ผ่านช่องทางออนไลน์เช่นนี้ หลายร้านและแบรนด์ก็มีการใช้แชตบอตเพื่อเข้ามาช่วยสื่อสารกับผู้บริโภค โดยเฉพาะกับเหล่า Gen Z ที่มีความคุ้นชินกับด้านเทคโนโลยีเช่นนี้

นอกจาก แชตบอตจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคแล้ว ก็ยังช่วยให้การทำงานของฝั่งร้านค้าและแบรนด์ง่ายขึ้นอีกด้วย เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในส่วนของ Customer Service ได้มากถึง 30% ด้วยกัน

การค้นหาผ่าน Google พบว่าคำค้นหา ‘แชตบอต’ โตขึ้นกว่า 19 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เกินครึ่งของผู้บริโภคบอกว่ามีแนวโน้มที่จะชอปปิงกับแบรนด์ที่ให้บริการผ่านแชตได้

ส่วนมากแชตบอตช่วยเรื่องการตลาดตั้งแต่การให้บริการ Customer Service 95%, การขายและการทำการตลาด 55% และขั้นตอนการสั่งออเดอร์ 48%

ผู้บริโภคให้ความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

โลกในปัจจุบันที่ผู้คนตระหนักถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังต่อร้านค้าและแบรนด์ให้ใส่ใจรักษ์โลกตามไปด้วยเช่นกัน โดยความคาดหวังของผู้บริโภคต่อแบรนด์ในด้านการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมีดังนี้

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซยังเพิ่มขึ้นแบบไม่มีจุดสิ้นสุด ดังนั้น แบรนด์หรือนักการตลาดจึงต้องปรับตัวให้เป็นดิจิทัลแบบมากกว่าเดิม การมีหน้าร้านอาจไม่ใช่แค่สิ่งหลักที่คุณต้องคำนึงถึง แต่ควรมีแบบผสมผสานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ นั่นถึงจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และ Journey ของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง

 

ที่มา : WebsiteBuilderExpert