Tetris ถูกยกย่องให้เป็นเกมไขปริศนาที่ดีที่สุดตลอดกาล และมีเพียง “Minecraft” เท่านั้นที่ทำสถิติแซงยอดขายได้มากกว่า ความน่าสนใจของ Tetris คือการผงาดจากบ้านเกิดอย่างรัสเซียสู่เวทีโลกได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “Henk Rogers” ผู้ที่ประทับใจกับ Tetris ตั้งแต่แรกเห็นจนชักชวนให้ Nintendo รวม Tetris เข้ากับ Game Boy ในที่สุด
อายุของ Tetris ครบรอบ 35 ปีพอดีในวันที่ 4 มิถุนายน 62 ชาวโลกส่วนใหญ่รู้จักเกม Tetris กันถ้วนหน้าในช่วงเวลานี้ เห็นได้ชัดเพราะเกมวางบล็อกสุดฮิตนี้มียอดขายเกิน 170 ล้านชุดทั่วโลก หนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญจนนำไปสู่ความสำเร็จของ Tetris คือ Henk Rogers เซลส์แมนผู้ทำให้ Tetris ขยายไปสู่อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียได้สำเร็จเพราะสายตาแหลมคม รวมถึงคำพูดโน้มน้าวที่มีศิลปะจนเปลี่ยนโลกได้อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง จนทำให้ Tetris กลายเป็นการส่งออกวัฒนธรรมป็อปของรัสเซียไปทั่วโลกอย่างเป็นทางการครั้งแรก
Henk Rogers ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว IGN เป็นภาษาญี่ปุ่น โดยเล่าย้อนถึงการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจร่วมไปกับ Tetris ว่าแนวคิดทั้งหมดเกิดขึ้นบนความบริสุทธิ์ของ Tetris ทำให้เขาเห็นโอกาสที่จะเข้าถึงคนทั่วโลกได้แบบทุกเพศทุกวัย
เห็นครั้งแรก ก็รักเลย
Rogers เล่าถึงความรู้สึกในนาทีที่ได้เห็น Tetris เป็นครั้งแรกโดยอิงจากคุณพ่อที่เล่นเกมโกะ (Go) เกมกระดานสัญชาติจีนที่ผู้เล่นต้องย้ายหมากขาวดำเพื่อกินดินแดนให้มากกว่าคู่ต่อสู้ เคมีของ Go ทำให้ Rogers เข้าใจว่าเกมที่ดีไม่จำเป็นต้องมีตัวละครลึกลับซับซ้อนก็ได้ ซึ่งเมื่อได้เห็น Tetris ความเป็น “เรขาคณิตบริสุทธิ์” ก็ทำให้ Rogers รู้ทันทีว่านี่คือเกมที่มีโอกาสตีตลาดโลกได้สูงมาก
“พ่อของผมเล่น Go และ Go ก็เป็นเพียงหมากหินสีดำและสีขาว แต่มันก็เป็นเกมที่ลึกล้ำที่สุด นั่นทำให้ผมรู้ว่าเกมที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องมีตัวละคร และ Tetris คือคำตอบทั้งหมด มันเป็นเหมือนเรขาคณิตบริสุทธิ์ – ไม่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมในเกมนี้ มันเป็นแค่คณิตศาสตร์ เกมนี้แม้จะเป็นเกมเรียบง่ายไม่มีสีสันต่างๆที่มักมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของสูตรความสำเร็จสำหรับเกม แต่เมื่อถึงระดับหนึ่ง ความบริสุทธิ์ของรูปทรงเรขาคณิตและคณิตศาสตร์ก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนไว้ได้”
อีกจุดน่าสนใจคือ Rogers บอกเล่าบทสนทนาที่เขาใช้โน้มน้าว Nintendo นั่นคืออดีตประธาน Minoru Arakawa แห่ง Nintendo ภูมิภาคสหรัฐอเมริกา ให้เห็นด้วยและจัด Tetris ลงใน Game Boy มาตั้งแต่โรงงาน จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Tetris หลายเป็นเหมในดวงใจของใครหลายคน
“ผมพูดว่า ‘Mr Arakawa คุณต้องรวม Tetris ลงใน Game Boy ทุกเครื่อง’ และเขาก็ตอบว่า ‘ทำไมฉันต้องเลือก Tetris ด้วย ในเมื่อเรามี Mario อยู่แล้ว’
ผมก็เลยพูดว่า ‘ถ้าคุณต้องการให้กลุ่มเด็กชายตัวเล็ก ๆ ซื้อ Game Boy ก็แพ็ค Mario ไป แต่ถ้าต้องการให้ *ทุกคน* ซื้อ Game Boy ก็จงเลือก Tetris เพราะทุกคนเล่น Tetris ได้หมด ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ทั้งหญิงทั้งชาย แบบนี้ Nintendo ยังสามารถขาย Mario ได้ในภายหลัง และก็จะทำเงินได้มากกว่า!'”
การบอกให้ Nintendo ลืม Mario เพื่อมาเลือกเกมที่ตัวเองหลงใหลแทน ทำให้ดูเหมือนว่า Rogers มีความกล้าบ้าบิ่นแบบไม่มีใครเทียม จุดนี้ Rogers เคยประกาศชัดเจนว่า “Tetris สร้าง Game Boy และ Game Boy ก็เป็นผู้สร้าง Tetris” ข้อความนี้แทบไม่มีจุดอ่อนให้โต้แย้งได้เพราะรูปการณ์เป็นเช่นนั้นจริงๆ
สร้างมา 5 ปีกว่าจะถูกบรรจุใน Game Boy
Tetris ไม่เพียงต้องขอบคุณ Game Boy ที่ทำให้ชื่อ Tetris กลายเป็นตำนาน แต่ยังมีวิศวกรคอมพิวเตอร์ชาวรัสเซีย Alexey Pajitnov กับเพื่อน Dmitry Pavlovsky และ Vadim Gerasimov ที่สามารถสร้างสรรค์เกมคอมพิวเตอร์เก๋ไก๋ในปี 1984 ซึ่งกินเวลากว่า 5 ปีจึงจะถูกบรรจุใน Game Boy ช่วงปี 1986 จุดนี้ Pajitnov เผยว่าได้แรงบันดาลใจจากตัวต่อปริศนา 5 ชิ้นที่ชอบเล่นในวัยเด็ก และใช้เวลา 6 สัปดาห์เท่านั้นในการพัฒนา ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการปรับเกมอีกนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อแก้ปัญหาจากการแสดงบนจอหลายรูปแบบ
จุดเด่นของ Tetris คือผู้เล่นจะไม่สูญเสียอะไรเลยหากเล่นในช่วง 10 นาทีแรก ตรงกันข้ามกับ Super Mario Land ที่มีระดับคะแยยชนะและจุดเริ่มต้น-สิ้นสุดเกมที่ชัดเจน แม้ว่าจะเป็นเกมสั้น ๆ แต่ผู้เล่นก็ต้องใช้เวลาในการทดลองหรือดูความเคลื่อนไหวเกมจนจบ ซึ่งเวลานั้น เครื่องเล่นไม่มีความสามารถในการบันทึกเกม ทำให้ผู้เล่นต้องเริ่มต้นจากศูนย์ทุกครั้งที่ตาย
แต่สำหรับ Tetris ผู้เล่นจะต้องแข่งขันกับตัวเองพยายามที่จะเคลียร์กำแพงบล็อกหรือทำคะแนนให้สูงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ส่งให้คอเกมหลายคนเกิดอาการติดและอยากหยิบเกมมาเล่นแก้มือต่อแบบไม่รู้จบ
ปัจจุบัน Rogers ถูกรายงานว่ากำลังง่วนกับโปรเจ็กต์ใหม่ เพราะหลังจากส่ง Tetris ออกไปโบยบินบนเวทีโลก Henk Rogers กำลังต้องการสร้างสถานีบนดวงจันทร์ (moonbase)
ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายวิธีที่ Rogers ต้องการเปลี่ยนโลก จุดนี้นักธุรกิจชาวดัตช์วัย 63 ปีไม่ได้เน้นว่าโลกจะได้เห็นผลงานของเขาในวันใด แต่มีโอกาสสูงที่โครงการนี้จะเป็นที่พูดถึงทั่วโลก.
ที่มา: : Engadget