หากคุณลองนึกภาพ “ที่ทำงาน” ที่เป็นวิลล่าสุดหรูริมชายหาดมัลดีฟส์, การเดินทางที่หมายคือซูเปอร์ยอร์ชล่องน่านน้ำยุโรป หรือการใช้ชีวิตช่วงฤดูหนาวในแอสเพน และทั้งหมดนี้คือ “เวลางาน” ของคุณ… นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นชีวิตจริงของคน Gen Z จำนวนไม่น้อยที่กำลังสร้างเทรนด์ใหม่ เขย่าโลกการทำงานแบบ White-Collar จนสั่นสะเทือน
Cassidy O’Hagan หญิงสาววัย 28 ปี คือหนึ่งในตัวแทนของเทรนด์นี้ เธอเคยมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนในสายงานขายเครื่องมือแพทย์ หลังเรียนจบหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ (Pre-med) และเคยตั้งเป้าว่าจะเรียนต่อโรงเรียนแพทย์ แต่ในปี 2021 หลังจากได้ลองทำงานในออฟฟิศและโรงพยาบาล เธอก็ค้นพบว่าเส้นทางนั้น “สู้” งานปัจจุบันของเธอไม่ได้เลย
งานปัจจุบันของเธอคือ “พี่เลี้ยงเด็ก” ให้กับครอบครัวอภิมหาเศรษฐี (Ultra-High-Net-Worth หรือ UHNW)
O’Hagan มีทุกอย่างที่พนักงานบริษัทพึงมี: กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (401K), สวัสดิการสุขภาพ, วันหยุดพักร้อน (PTO) และเงินเดือนระดับ “หกหลัก” (เธอบอกใบ้ว่าอยู่ระหว่าง $150,000 – $250,000 ต่อปี หรือราว 5.5 – 9.2 ล้านบาท) แต่นั่นยังไม่รวม “สวัสดิการแอบแฝง” อย่างมื้ออาหารที่ปรุงโดยเชฟส่วนตัว, “ตู้เสื้อผ้าสำหรับพี่เลี้ยง” ที่นายจ้างจัดเตรียมไว้ให้, การเข้าถึงคนขับรถส่วนตัว และการเดินทางรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
“งานขายเครื่องมือแพทย์ของฉันไม่มีทางให้แบบนี้ได้เลย” เธอกล่าว
O’Hagan ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ แต่เธอคือส่วนหนึ่งของคลื่น Gen Z ลูกใหญ่ที่กำลัง “หนี” ออกจากชีวิตการทำงานในออฟฟิศ หันเหสู่เส้นทางอาชีพที่เรียกว่า “Private Staffing”

‘Private Staffing’ คืออะไร?
“Private Staffing” คือโครงสร้างพื้นฐานบุคลากรที่ซับซ้อน ที่คอยขับเคลื่อนชีวิตอันหรูหราของเหล่าคนรวยให้เป็นไปอย่างราบรื่น ลองนึกถึงตำแหน่งเหล่านี้ พี่เลี้ยงเด็ก (Nanny), ผู้ช่วยบริหาร (Executive Assistant), ผู้ช่วยส่วนตัว (Personal Assistant), ผู้จัดการบ้าน (House Manager), พ่อบ้าน (Butler), ทีมรักษาความปลอดภัย, คนขับรถ (Chauffeur) และเชฟส่วนตัว (Personal Chef)
สำหรับคนรุ่นใหม่จำนวนมาก อาชีพเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่ “เซ็กซี่” กว่า, มีชีวิตชีวากว่า, สร้างรายได้ดีกว่า และมีความต้องการในตลาดสูงกว่า การพยายามปีนป่าย “บันไดอาชีพ” ในองค์กรที่นับวันยิ่งดูสั่นคลอนและไม่แน่นอน
Brian Daniel ผู้ก่อตั้ง The Celebrity Personal Assistant Network เอเจนซี่จัดหางานด้านนี้มาตั้งแต่ปี 2007 กล่าวว่า ในยุคที่เขาเริ่มต้น เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่กี่รายในตลาด แต่ปัจจุบัน เขาประเมินว่ามีเอเจนซี่แบบเดียวกันนี้ราว 1,000 แห่งทั่วโลก (500 แห่งอยู่ในสหรัฐฯ)
“ความต้องการ (พนักงาน) มันไม่เคยพอ” Daniel กล่าว “ความมั่งคั่งในยุคนี้มันหยั่งลึกและกว้างขวงอย่างน่าตกตะลึง”
The Great Corporate Resignation ทำไม Gen Z ถึงเมินงานออฟฟิศ?
ในยุคที่ทุนนิยมแบบ “ผู้ชนะกินรวบ” (Winner-Take-All) กำลังเบ่งบาน, บริษัทเทคโนโลยียอมทุ่มเงิน 9 หลักเพื่อแย่งชิงนักวิจัย AI, Elon Musk กำลังจะเป็นเศรษฐีล้านล้าน (Trillionaire) คนแรกของโลก… ในขณะเดียวกัน โลกของพนักงาน White-Collar กลับกำลังพังทลายลง ทั้งเส้นทางอาชีพที่ตีบตัน และคลื่นการเลย์ออฟครั้งใหญ่ (Mass Layoffs) ที่ซัดกระหน่ำไม่หยุด
Gen Z ที่มองเห็นภาพนี้ จึงตัดสินใจว่า “ถ้าคุณเอาชนะพวกเขาไม่ได้ ก็ไปรับใช้พวกเขาซะ”
ปรากฏการณ์นี้มีปัจจัย “ผลัก” (Push Factors) ออกจากระบบเดิมที่ชัดเจน
- ความฝันแบบ Corporate ที่ล่มสลาย: O’Hagan เล่าว่า ตอนที่เธอย้ายไปนิวยอร์กเพื่อทำงานขายเครื่องมือแพทย์ในปี 2021 เธอได้เงินเดือนเริ่มต้น $65,000 ซึ่งไม่พอใช้ในเมืองที่ค่าครองชีพสูงลิ่ว เธอต้องทำงานหลายชั่วโมงในสภาพแวดล้อมที่ “ผู้ชายเป็นใหญ่” และในไม่ช้า เธอก็รู้สึก “หมดไฟ” และ “ไร้ตัวตน”
- ทัศนคติที่เปลี่ยนไปของ Gen Z: ผลสำรวจของ Deloitte ปี 2025 พบว่า มี Gen Z เพียง 6% เท่านั้น ที่ระบุว่าเป้าหมายหลักในอาชีพคือการไปถึงตำแหน่งผู้นำในที่ทำงาน บางคนถึงกับเลี่ยงการรับตำแหน่งผู้จัดการ (เรียกว่า “Conscious Unbossing”) เพื่อรักษา Work-Life Balance
- ความคาดหวังทางการเงินที่สวนทาง: ในขณะที่ไม่อยากเป็นผู้บริหาร แต่ Gen Z กลับคาดหวังรายได้ที่สูงกว่าคนรุ่นก่อนมาก ผลสำรวจจาก Empower พบว่า Gen Z นิยาม “ความสำเร็จทางการเงิน” ว่าคือการมีเงินเดือนเกือบ $600,000 ต่อปี (ประมาณ 22 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าที่รุ่น Boomers นิยามไว้ถึง 6 เท่า
เมื่อ “งานออฟฟิศ” ให้ทั้งความมั่นคงที่น้อยลง, เงินเดือนเริ่มต้นที่ไม่สมเหตุสมผล และวัฒนธรรมองค์กรที่น่าเบื่อหน่าย มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนรุ่นใหม่จะมองหาทางเลือกอื่น
The ‘Billionaire’s Package’ เสน่ห์ของโลกที่เหนือกว่า
ในขณะที่งาน Corporate มีปัจจัย “ผลัก” เทรนด์ “Private Staffing” ก็มีปัจจัย “ดึง” (Pull Factors) ที่รุนแรงยิ่งกว่า ซึ่งเราอาจเรียกว่าเป็น “BGE” (Biggest ‘Guest House’ Ever) หรือสวัสดิการที่โลกองค์กรไม่มีวันให้ได้
- การเติบโตของ “นายจ้าง”: ความต้องการพนักงานกลุ่มนี้เติบโตตามจำนวนมหาเศรษฐี ในปี 2000 นิตยสาร Forbes ลิสต์จำนวนมหาเศรษฐี (Billionaires) ไว้ที่ 322 คน ปัจจุบัน ตัวเลขนั้นพุ่งไปกว่า 3,000 คน ยังไม่นับ “เศรษฐีเงินล้านในชีวิตประจำวัน” (Everyday Millionaire) ที่ UBS ระบุว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 เท่าใน 25 ปี
- สงครามแย่งชิงคน (Talent War): Brian Daniel ชี้ว่า “มหาเศรษฐีไม่ได้ซื้อบ้านแค่หลังเดียว” พวกเขาต้องการ “กองทัพขนาดเล็ก” เพื่อดูแลทุกความต้องการ และภาวะหลังโควิด-19 ทำให้เกิดการจ้างงานระลอกใหญ่ และเกิด “Bidding Wars” (สงครามประมูลค่าตัว) ในอุตสาหกรรมนี้ “ตอนนี้เราขาดแคลน ‘พนักงานระดับอีลิท’ อย่างหนัก” Daniel กล่าว “คุณต้องการที่พักเหรอ? นี่เกสต์เฮาส์, คุณต้องการรถบริษัท? นี่เอารถไป, กองทุน 401k, การันตีชั่วโมงทำงาน… คือพวกเขาโยนอ่างล้างจานใส่คุณ (สำนวนแปลว่า ให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ)”
- ผลตอบแทนที่เปลี่ยนชีวิต: ลองดูตำแหน่งงานที่เปิดรับบนเว็บ Tiger Recruitment
- แม่บ้าน (Housekeeper): สูงถึง $120,000 (4.4 ล้านบาท)
- พี่เลี้ยงเด็ก (Nanny): สูงถึง $150,000 (5.5 ล้านบาท)
- หัวหน้าผู้ช่วยส่วนตัว (Head of PAs): $250,000 – $280,000 (9.2 – 10.3 ล้านบาท)
- ผู้อำนวยการฝ่ายที่พักอาศัย (Director of Residences) (ดูแลบ้านใน NY, Hamptons, Aspen): $200,000 – $250,000
Julia Dudley วัย 26 ปี ที่จบทั้งป.ตรี และ ป.โท ด้านนิเทศศาสตร์ แถมไปเรียนทำอาหารต่อ คืออีกตัวอย่าง เธอทิ้งงานเอเจนซี่และงานร้านอาหาร มาทำธุรกิจรับจัดเตรียมอาหาร (Meal Prep) และเป็นเชฟส่วนตัว
“ฉันคิดว่า โอเค ฉันกำหนดเวลาเองได้, ทำเงินได้มากกว่า, เป็นนายตัวเอง” เธอกล่าว “นี่มันน่าสนใจกว่าการไปยืนหน้าเตาในร้านอาหารเยอะ” เธอเผยว่าการทำอาหาร 2-3 มื้อต่อวันใน Hamptons ช่วงซัมเมอร์ไม่กี่เดือน สามารถทำเงินได้ถึง “หกหลัก” (หลายล้านบาท)
สมองไหลสู่ “งานบริการ” เมื่อ PhD ก็มาสมัคร
สิ่งที่น่าสนใจและน่ากังวลสำหรับโลก Corporate คือ คนที่แห่เข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ ไม่ใช่แค่คนที่ไม่มีทางเลือก แต่คือกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูง
“คนหน้าใหม่ ๆ ในวงการนี้ ไม่เพียงแต่อายุน้อยลง แต่พวกเขายังจบการศึกษาระดับวิทยาลัย” Daniel กล่าว “ผมได้รับอีเมลจากคนที่มีวุฒิ PhD, คนที่เป็นทนาย, คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ, คนที่เคยทำงานอสังหาฯ”
นี่คือปรากฏการณ์ “สมองไหล” ที่ชัดเจน เมื่อกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูง (High-Potential Talent) ซึ่งควรจะเป็นกำลังหลักในภาคธุรกิจ, กฎหมาย หรือการแพทย์ กลับเลือกที่จะ “เปลี่ยนสาย” (Pivot) มาสู่งานบริการส่วนบุคคล
เหตุผล? เพราะ O’Hagan พบว่างานพี่เลี้ยงตอบโจทย์ “ตัวตน” ของเธอที่เป็นคน “ช่างดูแล (Nurturing), มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีจิตบริการ (Service based)” มากกว่างานในสายการแพทย์ที่เธอเคยทำ
“อึหมา, NDA และชีวิตที่หายไป” คือข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องจ่าย
แน่นอนว่าเหรียญมีสองด้าน งานที่จ่ายหนักขนาดนี้ย่อมมาพร้อมกับ “ข้อแลกเปลี่ยน” ที่หนักหน่วงเช่นกัน
- ความเครียดขั้นสุด: “ในอุตสาหกรรมนี้ คุณต้องมีพลังงานล้นเหลือ เพราะทุกอย่างมันเร็วแบบคอขาดบาดตาย (Breakneck Speeds)” Daniel กล่าว “ความเครียดอาจจะมากกว่าการทำงานใน Wall Street ด้วยซ้ำ”
- ชีวิตที่ปนเป: O’Hagan ยอมรับว่าความท้าทายคือเส้นแบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัวและอาชีพที่พร่าเลือน “คุณไม่ได้แค่ทำงานให้ครอบครัวหนึ่ง แต่คุณ ‘ใช้ชีวิตอยู่ข้าง ๆ’ พวกเขา” เธอใช้เวลาในวันหยุดสำคัญ ๆ ทั้งคริสต์มาส, ขอบคุณพระเจ้า หรือแม้แต่วันเกิดของเธอเอง กับครอบครัวที่เธอทำงานให้
- จงพร้อมทำ “ทุกอย่าง”: คุณต้องเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อช่วย “Principal” (ศัพท์ในวงการที่ใช้เรียกนายจ้าง) “ถ้าแม่บ้านกลับไปแล้ว และหมามาอึในห้องนั่งเล่นตอนคุณอยู่กับ VIP… ใครสักคนก็ต้องเก็บมัน” Daniel กล่าว “แต่ 30 นาทีต่อมา คุณอาจจะได้ไปนั่งในสตูดิโอหนังกับเจ้านายคุณ ช่วยเขาปิดดีลมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ก็ได้”
- NDA คือพระเจ้า: การรักษาความลับ (Discretion) คือทุกสิ่ง ครอบครัว UHNW ส่วนใหญ่ให้พนักงานเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล (NDA) ที่ครอบคลุมมาก และพวกเขาต้องการคนที่ “โปรไฟล์โซเชียลมีเดียสะอาด”
“มันเป็นโลกที่เชือดเฉือนกันสุด ๆ” O’Hagan กล่าว การจะเข้ามาได้ต้องผ่านเอเจนซี่ที่คัดกรองอย่างเข้มข้น
Thumbsup มองว่า เทรนด์ Private Staffing ไม่ใช่แค่เรื่อง “Gen Z เลือกงาน” แต่มันคือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของโลกการทำงานยุคใหม่ใน 2 มิติ
- ความล้มเหลวของ Employee Value Proposition (EVP) แบบเดิม: ในยุคที่ความมั่นคงในองค์กร (Job Security) ตกต่ำ, เงินเดือนถูกบีบด้วยภาวะเงินเฟ้อ และ “ความหมายของงาน” (Meaningful Work) ถูกใช้เป็นข้ออ้างแทนผลตอบแทน… บริษัทต่าง ๆ กำลังสูญเสียเสน่ห์ “Corporate Dream” ที่เคยใช้ดึงดูดคนเก่งๆ กำลังพ่ายแพ้ต่อ “Lifestyle Package” ที่จับต้องได้มากกว่าจากเหล่ามหาเศรษฐี และสำหรับฝ่าย HR และนักการตลาด นี่คือโจทย์ใหญ่ ถ้าคุณไม่สามารถให้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวได้ คุณจะเสนอ “อะไร” ที่มีค่าพอมาทดแทน?
- ผลลัพธ์ที่แท้จริงของเศรษฐกิจแบบ “Winner-Take-All”: เมื่อความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่ที่คนเพียง 0.1% มันได้สร้าง “เศรษฐกิจย่อย” (Micro-Economy) ขึ้นมารองรับคนกลุ่มนี้ เศรษฐกิจย่อยนี้มีขนาดใหญ่และให้ผลตอบแทนสูงพอที่จะ “ดูด” เอาบุคลากรที่มีความสามารถสูง (PhDs, Lawyers) ออกจากระบบเศรษฐกิจหลักได้
นี่คือการที่ Gen Z ทำการ “ปรับตัว” ต่อสภาวะตลาด พวกเขากำลังเลือกเส้นทางที่ให้ผลตอบแทน (ROI) ที่ชัดเจน รวดเร็ว และสูงที่สุด ในตลาดงานที่ผันผวนและไม่แน่นอน
โลกการทำงานได้เปลี่ยนไปแล้ว และนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการ “แย่งชิงคนเก่ง” ระหว่างโลก Corporate ที่กำลังสั่นคลอน กับโลก UHNW ที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
อ้างอิง: Business Insider
อ่านเพิ่มเติม


