Site icon Thumbsup

"Embedded SIM" ก้าวสำคัญของการสื่อสารในอนาคต

แม้ข่าวนี้จะออกมาสักพักแล้ว แต่ผู้เขียนมองว่าเป็นทิศทางที่น่าสนใจไม่น้อยเลยจะขอนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง ?Rob Conway CEO และ หนึ่งในบอร์ดของ GSMA (GSM Association) ได้ออกมาแถลงถึงการจับมือร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการพัฒนา “embedded SIM (Subscriber Identity Module)” เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆสามารถสื่อสารกันบนโครงข่าย Mobile Broadband ได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายรูป,เครื่องเล่น MP3, Ebook Reader และ มิเตอร์รูปแบบต่างๆ

นอกจากความสามารถของ “embedded SIM” ที่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว ยังสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นเพื่อรองรับบริการใหม่ๆ อย่าง Electronic Payment ที่ใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communcation) ซึ่งกำลังถูกพูดถึงกันมากในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น iPhone ที่ลือกันว่ารุ่นใหม่จะรองรับฟังก์ชั่นดังกล่าว, Google กับโทรศัพท์ Android รุ่นใหม่, รวมถึงระบบการชำระเงิน, ระบบการเดินทางต่างๆ

โดยกลุ่มผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้แก่ AT&T, China Mobile, Deutsche Telekom, France Telecom Orange, KT, NTT DOCOMO, SK Telecom, Telecom Italia, Telefonica, Verizon Wireless และ Vodafone ซึ่งจะประสานงานร่วมกับผู้ผลิต SIM รายใหญ่ในการวิเคราะห์ความต้องการของตลาด คิดและพัฒนา Technical Solution ในแง่ของขบวนการจัดการ และเปิด/ปิด SIM โดยคาดการณ์กันว่าอุปกรณ์ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่นี้คงจะได้เห็นหน้าค่าตากันในปี 2012

ถ้าใครได้ติดตามแวดวงสื่อสารโทรคมนาคม แนวคิดการให้บริการในรูปแบบของ M2M (Machine-to-Machine) เพื่อส่งถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆนั้น จะทราบว่าจริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในกลุ่มลูกค้าองค์กรเสียมากกว่า เช่น มิเตอร์น้ำ/ไฟฟ้า การตรวจสอบรถขนส่งจากระยะไกล เป็นต้น ในขณะที่แนวคิด Connecting Device สำหรับ Consumer Product กำลังเริ่มเป็นที่แพร่หลาย จากเดิมเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และ WiFi แต่สำหรับข่าวนี้เมื่อมีองค์กรใหญ่มาร่วมกันสร้างมาตรฐานจะยิ่งช่วยผลักดันให้ตลาดเติบโตสูงขึ้นบนพื้นฐานของเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่แทน ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, Gadget สุด Love ที่ผนวกเอา “embedded SIM” เข้าไปด้วยหลายอุปกรณ์ แต่นั่นหมายถึงประเทศที่มีความพร้อมด้านโครงข่ายที่ก้าวไปไกลอย่าง?4G LTE (Long Term Evolution) ย่อมจะมีโอกาสได้ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าด้วยเช่นกัน

แหล่งที่มา GSM World