เคยไหม? เดินเข้าไปในงาน Networking Event ที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่กลับรู้สึกประหม่า มือชื้นเหงื่อ ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนากับใครยังไง ได้แต่ยืนมองคนอื่นที่ดูเหมือนจะคุยกับใครก็ลื่นไหลไปหมด แลกนามบัตรกันสนุกสนาน ทิ้งให้เรายืนงงอยู่มุมห้องกับแก้วเครื่องดื่ม
ในโลกธุรกิจและการทำงาน การสื่อสาร คือกุญแจดอกสำคัญที่ปลดล็อกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าในอาชีพ ความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือแม้แต่การซื้อใจเจ้านาย แต่เชื่อไหมว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้ พูดไม่เก่ง เพราะขี้อาย แต่เป็นเพราะ ไม่รู้วิธี ต่างหาก
วันนี้ Thumbsup หยิบเอาคัมภีร์การสื่อสารระดับตำนานอย่าง How to Talk to Anyone โดย Leil Lowndes ที่ถอดรหัสพฤติกรรมของยอดนักสื่อสารออกมาเป็น 92 เทคนิคเฉพาะตัว มาย่อยให้เหลือแก่นสำคัญที่คุณสามารถเอาไปใช้ Hack ความประทับใจได้ตั้งแต่วินาทีแรก
First Impression คือสิ่งที่ติดตาตลอดไป
ในยุคที่ทุกอย่างหมุนเร็ว เรามีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการสร้างความประทับใจแรก หรือ First Impression ซึ่ง Lowndes เปรียบสิ่งนี้ว่าเป็นเหมือนโฮโลแกรมที่ฉายติดตาคู่สนทนาไปตลอดกาล ถ้าพังตั้งแต่เริ่ม ก็ยากที่จะกู้คืน ซึ่งเทคนิค The Flooding Smile หรือเลิกยิ้มแบบ Customer Service คือสิ่งสำคัญ เพราะหลายคนพลาดตรงที่พอเจอหน้าปุ๊บ ก็ฉีกยิ้มกว้างทันที ซึ่งมันดู ปลอม และเหมือนหุ่นยนต์ ให้ลองเปลี่ยนใหม่
เมื่อเจอหน้าใคร ให้มองหน้าเขาสัก 1 วินาที สบตา โฟกัสไปที่ใบหน้าของเขาจริง ๆ แล้วค่อย ๆ ปล่อยให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นช้า ๆ จนเต็มใบหน้า การ หน่วงเวลา เพียงนิดเดียวนี้ จะทำให้คู่สนทนารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ พิเศษ และเกิดขึ้นเพราะการเจอเขาจริง ๆ ไม่ใช่แค่ยิ้มตามมารยาท
อีกเทคนิคคือ Sticky Eyes หรือสายตาแม่เหล็ก เพราะดวงตาคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด เวลาคุยกับใคร ให้จินตนาการว่าดวงตาของคุณเป็นแม่เหล็กที่ดูดติดกับดวงตาของเขา แม้ตอนที่เขาหยุดพูดแล้ว คุณก็ยังไม่ต้องรีบละสายตาในทันที ถ้าจำเป็นต้องหันไปมองทางอื่น ให้ทำอย่างเชื่องช้า เหมือนยางยืดที่ค่อย ๆ ยืดออก เทคนิคนี้ (โดยเฉพาะผู้ชายใช้กับผู้หญิง หรือใช้ในการเจรจาธุรกิจ) จะสร้างบุคลิกที่ดูฉลาด ลึกซึ้ง และน่าค้นหา
ศิลปะการเริ่มบทสนทนา
การเดินเข้าไปทักใครก่อนเป็นเรื่องยาก แต่ถ้ามีกลยุทธ์ มันจะกลายเป็นเรื่องสนุก ลองใช้ Mood Match หรือสแกนอารมณ์ก่อนเปิดปาก เพราะก่อนจะเอ่ยคำทักทาย ให้สวมวิญญาณนักสืบ สังเกตภาษากายและสีหน้าของเป้าหมายก่อน
- ถ้าเขาดูเร่งรีบ หน้าตาเคร่งเครียด อย่าเข้าไปทักด้วยเสียงร่าเริงเกินเบอร์ว่า อากาศดีจังนะครับ!
- ให้ปรับจูนคลื่นพลังงานให้ตรงกัน ถ้าเขาดูยุ่ง ให้ทักด้วยความเข้าใจว่า ดูเหมือนเช้านี้จะยุ่งน่าดูเลยนะครับ เป็นยังไงบ้าง?
การ Match อารมณ์ให้ตรงกันตั้งแต่ประโยคแรก คือการบอกทางอ้อมว่า ฉันเข้าใจคุณ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้าง Rapport
นอกจากนี้อย่าลืม Always Wear a Whatzit หรือพกอุปกรณ์เรียกแขก เช่น ในงานปาร์ตี้หรืออีเวนต์ อย่าแต่งตัวเพลน ๆ จนกลืนไปกับกำแพง ให้ลองใส่หรือพกอะไรที่ดูสะดุดตา (แบบมีกาลเทศะ) เช่น เข็มกลัดวินเทจ, นาฬิกาที่มีดีไซน์แปลกตา หรือเนกไทลายกราฟิก
สิ่งของเหล่านี้เรียกว่า Whatzit มันทำหน้าที่เป็นตะขอเกี่ยวบทสนทนา ให้คนอื่นเดินเข้ามาถามคุณว่า สิ่งนี้คืออะไร? หรือ สวยจัง ซื้อที่ไหน? ช่วยลดภาระในการหาเรื่องคุยไปได้เยอะมาก
อีกเทคนิคคือ The Whoozat หรือทางลัดทำความรู้จัก ถ้าเจอคนน่าสนใจแต่อยู่ไกลเกินจะเดินไปทักดุ่ม ๆ ให้มองหา คนกลาง หรือเจ้าภาพ แล้วขอให้เขาแนะนำเรา เช่น ผมอยากรู้จักคุณเดวิดจังเลยครับ รบกวนแนะนำให้หน่อยได้ไหม? บอกเขาด้วยนะครับว่าผมคือคนที่ดูแลแคมเปญการตลาดที่เขาพูดถึงเมื่อกี้ เป็นต้น เพราะวิธีนี้ดีกว่าการเดินไปแนะนำตัวเอง มันมีการปูพื้นไว้ก่อนแล้ว ทำให้คุณดูเป็น VIP ขึ้นมาทันที
เปลี่ยน Small Talk ให้เป็น Smart Talk
เมื่อเริ่มคุยกันแล้ว สิ่งที่คนส่วนใหญ่ตกม้าตายคือ ความน่าเบื่อ หรือการถามคำถามสิ้นคิด เช่น Nutshell Resume หรือเลิกตอบว่า เป็นพนักงานบริษัท เมื่อโดนถามว่า คุณทำงานอะไร? อย่าตอบแค่ชื่อตำแหน่งหรือชื่อบริษัท เพราะมันปิดจบเร็วเกินไป ให้เตรียมคำตอบแบบ Elevator Pitch ที่ปรับแต่งตามคู่สนทนา
- ถ้าคุยกับนักการตลาดด้วยกัน: ผมช่วยแบรนด์เล่าเรื่องให้คนอินครับ สนุกกับการหา Insight ลูกค้า
- ถ้าคุยกับเจ้าของธุรกิจ: ผมวางกลยุทธ์ Data เพื่อเพิ่มยอดขายให้ลูกค้าครับ ปกติช่วยปั้น Conversion ได้ประมาณ 30-40% หรือตอบให้เห็น Value ไม่ใช่แค่ Function
ขณะเดียวกันการทำ Scramble Therapy หรือเติมวัตถุดิบใส่สมองก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณจะคุยกับคนหลากหลายวงการได้ยังไงถ้าชีวิตมีแค่งานกับบ้าน? Lowndes แนะนำให้ลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ เดือนละครั้ง ไปชิมไวน์, เรียนโค้ดดิ้ง หรือเข้าคอร์สทำอาหาร
นี่ไม่ใช่เพื่อให้เก่ง แต่เพื่อให้มี Conversation Currency ในการแลกเปลี่ยนบทสนทนา เวลาไปเจอ Sommelier ในงานเลี้ยง คุณจะได้คุยเรื่องทรงแก้วไวน์กับเขาได้แบบเนียน ๆ แค่นี้ก็ซื้อใจได้แล้ว
จิตวิทยาการเป็น “พวกเดียวกัน”
มนุษย์ชอบคนที่เหมือนตัวเอง เราจะรู้สึกสบายใจกับคนที่มีค่านิยมหรือจังหวะจะโคนคล้าย ๆ เรา เช่น Echoing หรือการก๊อปปี้คำศัพท์ ลองตั้งใจฟังว่าคู่สนทนาใช้คำศัพท์ชุดไหน แล้ว สะท้อน คำนั้นกลับไป
- ถ้าเขาเรียกโปรเจกต์งานว่า เรื่องท้าทาย ตอนคุณพูดตอบ ก็ต้องใช้คำว่า ท้าทาย อย่าไปเปลี่ยนเป็นคำว่า ยาก หรือ ลำบาก
- ถ้าเขาบอกว่างานนี้ มหัศจรรย์ ก็ต้องเออออว่ามัน มหัศจรรย์ เพราะการใช้คำศัพท์เดียวกัน จะทำให้เขารู้สึกในระดับจิตใต้สำนึกว่า คนนี้คุยภาษาเดียวกัน หรือ เป็นคนเผ่าเดียวกัน
อีกเรื่องคือ Grapevine Glory หรือนกพิราบสื่อสารข่าวดี การชมต่อหน้าอาจดูเหมือนประจบ แต่การชมลับหลังแล้วให้คนอื่นไปบอกต่อ คือสุดยอดเทคนิค
ถ้าคุณชื่นชมเพื่อนร่วมงาน ให้ลองไปพูดกับเพื่อนสนิทของเขาดู เฮ้ย จอห์นพรีเซนต์งานวันนี้เฉียบมากเลยนะ เขาเล่าเรื่องยากให้เข้าใจง่ายสุด ๆ เชื่อเถอะว่า เดี๋ยวเพื่อนคนนั้นจะเอาไปเล่าให้จอห์นฟังเอง และน้ำหนักของคำชมจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า เพราะมันดูจริงใจที่สุด
Digital Body Language
ในยุคที่การคุยงานผ่าน Zoom หรือโทรศัพท์เป็นเรื่องปกติ เราจะส่งผ่านเสน่ห์ได้ยังไงเมื่อไม่เห็นหน้า? ง่าย ๆ คือ Sound like you’re close by หรือพูดชื่อเขาบ่อย ๆ
บนโทรศัพท์ ระยะห่างทางกายภาพมันเยอะ ดังนั้นเราต้องลดระยะห่างทางความรู้สึก การเรียกชื่อคู่สนทนาบ่อยกว่าปกติ (แต่อย่าถี่จนหลอน) เป็นการจำลอง Eye Contact ทางเสียง ทำให้เขารู้สึกว่าเราโฟกัสที่เขาคนเดียว ทำให้การทำ Hear your smile หรือเปลี่ยนท่าทางเป็นน้ำเสียงจึงสำคัญ
เวลาคุยโทรศัพท์ ให้จินตนาการว่าตัวเองเป็นดีเจวิทยุ คุณต้องใส่ Energy เข้าไปมากกว่าปกติ 30% ยิ้มให้กว้างตอนพูด พยักหน้า ทำมือทำไม้เหมือนเขาอยู่ตรงหน้า เพราะพลังงานเหล่านี้จะถูกส่งผ่านไปในน้ำเสียง ทำให้ปลายสายรู้สึกถึงความกระตือรือร้นและความจริงใจ
Thumbsup มองว่าการเป็นนักสื่อสารที่ยอดเยี่ยมไม่ได้แปลว่าต้องพูดเก่งน้ำไหลไฟดับ แต่คือการเป็น ผู้ฟัง ที่สังเกตและใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนตรงหน้า
เทคนิคทั้งหลายจากหนังสือ How to Talk to Anyone ไม่ใช่การเสแสร้ง แต่มันคือการปรับจูน เพื่อให้คู่สนทนารู้สึก พิเศษ และ สบายใจ ที่สุดเมื่ออยู่ใกล้เรา และเมื่อคุณทำได้ คุณจะไม่ใช่แค่นักธุรกิจที่เก่งงาน แต่เป็นคนที่ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วย
โลกธุรกิจหมุนด้วยความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์เริ่มต้นที่ บทสนทนาที่ดี ลองหยิบสัก 1-2 เทคนิคไปใช้ในวันพรุ่งนี้ดูสิ ผลลัพธ์อาจจะทำให้คุณประหลาดใจก็ได้!
อ่านเพิ่มเติม


