Site icon Thumbsup

เทคนิคการเพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์ด้วยการปรับแต่งปุ่ม Call-To-Action โฆษณาบน Facebook

สำหรับใครที่ทำการตลาดบน Facebook อยู่ ด้วยการลงโฆษณาบน Facebook (Facebook Ads) โดยเฉพาะคนที่ต้องการเพิ่ม Traffic ไปยังเว็บไซต์ของบริษัทนะคะ วันนี้มีทิปเล็กๆ น้อยๆ มาฝากกัน การลงโฆษณาบน Facebook ด้วยจุดประสงค์ของการเพิ่ม Traffic เข้าไปยังเว็บไซต์บริษัท ส่วนสำคัญด่านแรกๆ (หลังจากที่รู้เป้าหมายในการลงโฆษณาชัดเจน, รู้กลุ่มเป้าหมายเพื่อตั้ง Target)  นั่นคือ คอนเทนต์ (Ads Copy) ที่เขียนนั้นน่าดึงดูดให้คนสนใจคลิกเข้าไปเว็บไซต์ของเรามากน้อยแค่ไหน คอนเทนต์ในที่นี้ก็คือ ทั้งเนื้อหาคำที่เขียน และรูปภาพ, เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรง แต่อีกจุดหนึ่งที่สำคัญและ Facebook ช่วยให้โฆษณานั้นๆ น่าสนใจมากขึ้นสำหรับการเพิ่ม Traffic เข้าไปยังเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่นนั่นก็คือ ปุ่ม Call-To-Action นั่นเอง ปุ่ม Call-To-Action ในที่นี้คือการระบุลงไปให้ชัดเจนมากขึ้นว่า สิ่งที่เราหรือ Action ที่ต้องการสื่อสารกับผู้ที่เห็นโฆษณานั้นคืออะไร โดยตอนนี้ปุ่ม Call-To-Action มีด้วยกัน 5 แบบอันได้แก่

โดยโฆษณาประเภทนี้จะแสดงผลบนหน้า NewsFeed ของ Facebook

ซึ่งก่อนหน้านี้เปิดให้คนที่ใช้เครื่องมืออย่าง Power Editor ของ Facebook ในการปรับแต่งส่วนของปุ่ม Call-To-Action โดยคลิกไปที่ “Create New Unpublished Post” ดังภาพ

อย่างไรก็ตามนักการตลาดหลายคนอาจไม่ได้ใช้เครื่องมือนี้ในการลงโฆษณา เพราะความซับซ้อนของฟังก์ชัน แต่ก็อย่าพึ่งเสียดายไปค่ะ เพราะตอนนี้ถ้าใครสังเกตให้ดีในเครื่องมืออย่าง Ads Create Tool หรือ Adverts Manager ปกติ ก็มีฟังก์ชันนี้แล้ว หลังจากที่เลือกเป้าหมายเป็น “Clicks to Website” หรือ “Website Conversions” (สำหรับ Website Conversions อย่าลืมใส่ Conversion Pixels ด้วยนะคะ เพื่อวัดผลการ​ Convert ได้)

ก็สามารถเลือกไปที่หัวข้อ Call To Action ดังภาพ ซึ่งจะเป็นเมนูทางด้านซ้ายมือของหน้าจอนั่นเอง

เขียนมาเสียยาวทั้งหมดก็เป็นฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ ส่วนนึงที่ช่วยให้ผู้รับสารของเราเข้าใจมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนคลิกเกิดเป็น Traffic เข้ามายังเว็บไซต์ของเราเองต่อไปค่ะ แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญของการลงโฆษณาบนโลกออนไลน์ (ไม่ใช่แค่ Facebook) อยากให้นึกไว้เสมอถึง 4 หัวข้อนี้นั่นคือ

  1. เป้าหมายการลงโฆษณาต้องชัดเจน เพราะจะมีผลและทิศทางต่อการเลือกเครื่องมือ (Tool) และการ Implement แม้ Tool ดี Implement ดี แต่ตั้งเป้าหมายผิด ก็เท่ากับไร้ประโยชน์เลยค่ะ
  2. รู้วิธีและเข้าใจการวัดผลที่สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อที่ 1
  3. เข้าใจ Demographic, Interest กลุ่มเป้าหมายของเราที่ต้องการสื่อสาร
  4. A/B Testing และ Optmization : ทำการทดสอบโฆษณาและวัดผลตอบรับที่มีต่อ Ads Copy และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพื่อทำการปรับแต่งให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากที่สุด (Optimization) ในช่วงที่รันแคมเปญตลอด ไม่ใช่ทำการทดสอบกับโฆษณาประเภทเดียว และรอวัดผลตอนจบเลย นั่นเท่ากับไม่ดึงประโยชน์และศักยภาพของสื่อออนไลน์มาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพนะคะ

ที่มาของภาพ: SocialMediaSchoolny , Facebook