เรื่องของการทำ Marketing Plan ถือว่าเป็นกระบวนการแรกที่เจ้าของธุรกิจมือใหม่ต้องวางแผนให้ชัดเจนก่อนเริ่มลงมือทำการตลาดจริง การมีแผนการตลาดที่ดีก็เปรียบเสมือนการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ และเดินหน้าธุรกิจแบบไม่หลงทางนั่นเองสำหรับ Marketing Plan ที่นำมาให้อ่านในวันนี้ นำมาจาก Harvard Business School ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจและการตลาด Top 10 ของโลก และหากอ่านเนื้อหาในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษทำให้รู้ว่า แกนหลักของแผนการตลาดใช้เพียง 4 ขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนก็สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้

กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์

ขั้นตอนแรกของการทำ Marketing Plan เปรียบเสมือนการปักหมุดว่าเราต้องการทำการตลาดไปเพื่ออะไร ซึ่งบริษัทต่างๆ จะมีวัตถุประสงค์และลำดับความสำคัญที่แตกต่างกัน ซึ่งคนที่เขียนแผนจะต้องสร้างความสมดุลของแผนว่ามีความสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของบริษัทหรือไม่ โดยการวางแผนการตลาดนั้นต้องกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ ยกตัวอย่างเช่น

  • คุณต้องการสร้าง Awareness เพื่อให้คนทั่วไปรู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น
  • คุณต้องการสร้าง Conversion หรือยอดขาย เพื่อให้มีกำไรในทางบวกมากขึ้น
  • คุณต้องการ Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์
  • คุณต้องการ Subscriber หรือเพิ่มผู้ติดตามในช่องทางโซเชียลให้มากขึ้น
  • คุณต้องการเข้าถึง Target ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเข้าถึงได้มาก่อน
  • คุณต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะจะทำให้แบรนด์ของคุณชัดเจนขึ้นว่าจะใช้กลยุทธ์แบบไหน ถึงจะเหมาะสม เพราะความต้องการในการทำการตลาดแต่ละแบบ ย่อมมีวิธีหรือกลยุทธ์ที่จำเป็นต้องใช้แตกต่างเช่นกัน

เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ พร้อมวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายนั้น

ด้วยความที่กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน กลยุทธ์การตลาดแบบเดียว จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มได้ สิ่งที่นักการตลาดต้องทำ คือ การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการในการทำการตลาด พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นใคร มีลักษณะ หรือพฤติกรรมอย่างไร เช่น

  • กลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร ในรูปแบบของ Demographic เช่น เพศ อายุ อาชีพ ภูมิลำเนา ระดับการศึกษา หรือรายได้
  • พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น พฤติกรรมการซื้อสินค้า คนกลุ่มนี้ซื้อของที่ไหน ซื้อบ่อยแค่ไหน ซื้อเยอะแค่ไหน หรือซื้อแพงแค่ไหน
  • ปัจจัยที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เช่น ซื้อเพราะการออกแบบที่สวยงาม ซื้อเพราะแบรนด์ หรือซื้อเพราะประโยชน์ใช้สอยที่ดี

นอกจากนี้ การใช้ STP Marketing มาจำแนกและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายสำหรับการตลาดอย่างตรงจุด กลยุทธ์นี้ประกอบด้วย

  1. Segmentation (การแบ่งกลุ่มผู้บริโภค)
  2. Targeting (การเลือกกลุ่มเป้าหมาย)
  3. Positioning (การกำหนดตำแหน่งของแบรนด์)

กำหนด Value Proposition ของตัวเอง

การกำหนด Value Proposition คือ คุณค่าที่แบรนด์ต้องนำเสนอให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น การตอบสนองความต้องการ หรือการมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ ถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างระหว่างแบรนด์กับคู่แข่งในมุมมองของลูกค้า

ดังนั้น หากต้องการกำหนด Value Proposition สิ่งที่แบรนด์ต้องวิเคราะห์ต่อก็คือ

  1. Target Audience กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือใคร
  2. Unique Value อะไรคือคุณค่าที่แตกต่างของแบรนด์
  3. Competitive Set คู่แข่งของแบรนด์คือใคร
  4. Justification for Brand Value เหตุผลที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อใน Unique Value ของแบรนด์คืออะไร

กำหนด KPI สำหรับการวัดผลให้ชัดเจน

การกำหนด KPI ที่จะใช้วัดผล แม้จะแตกต่างกันไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ในขั้นตอนแรก แต่สิ่งที่ต้องใช้วิเคราะห์ตัวเลขออกมาให้เห็นภาพชัดขึ้น ก็คือการใช้ตัวเลขในการวัดผล ตัวอย่างเช่น

หากต้องการรู้ตัวเลข Conversion ก็อาจวัดผลด้วย Conversion Rate โดยใช้สูตร Conversion Rate = (จำนวนการสั่งซื้อสินค้า / จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด) x 100

โดยอาจมี KPI ระบุไว้ว่า Conversion Rate ต้องเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 30% เป็นต้น

หากต้องการ Traffic เข้ามายังเว็บไซต์ ก็ควรกำหนด KPI เป็น ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ หรือ Click-Through Rate (CTR) ซึ่งคำนวณได้จากสูตร CTR = (ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ / ยอดการมองเห็นคอนเทนต์ทั้งหมด) x 100

หากทำตามทั้ง 4 ขั้นตอนแล้ว ก็อาจจะช่วยให้เราวางแผนการตลาดได้ดีและชัดเจนขึ้น ช่วยให้เรารู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองและรักษาธุรกิจให้แข็งแรงต่อไปได้

 

Source : Havard

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: