ในยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็นทั้ง ‘สมอง’ และ ‘เพื่อนร่วมงาน’ ที่ทรงพลัง การปรับตัวขององค์กรจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นหนทางรอดเดียวที่จะแข่งขันในสมรภูมิโลกได้ Microsoft ประเทศไทย กลับมาอีกครั้งพร้อมวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่กว่าเดิมสำหรับปีงบประมาณ 2026 (FY26) กับภารกิจในการผลักดันองค์กรไทยสู่การเป็น “Frontier Firms” หรือองค์กรแนวหน้าที่ไม่เพียงแค่ใช้เทคโนโลยี แต่สามารถ ‘สร้าง’ นวัตกรรมได้ด้วยตัวเอง นี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนภูมิทัศน์เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยไปตลอดกาล

ถอดรหัสความสำเร็จ FY25: เมื่อ ‘สกิล-สเกล-ซีเคียว’ สร้างแรงกระเพื่อม
ก่อนจะมองไปข้างหน้า คงต้องย้อนกลับมาดูรากฐานที่ Microsoft ได้วางไว้ในปีที่ผ่านมา ภายใต้ธีม ‘Skill-Scale-Secure’ ซึ่งสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะโครงการ TH AI Academy ที่ตั้งเป้าหมายสร้างทักษะ AI ให้คนไทย 1 ล้านคน แต่กลับทำได้ทะลุเป้าไปถึง 1.577 ล้านคน ผ่านคอร์สเรียนกว่า 200 หลักสูตร และการย่อยเนื้อหาผ่านอินฟลูเอนเซอร์ไทยให้เข้าใจง่าย
ความสำเร็จนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลข แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการศึกษาที่เข้ามาร่วมวงอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการที่นำเนื้อหา AI ไปบรรจุในแพลตฟอร์มการเรียนรู้แห่งชาติ (NDLP) ทำให้เด็กมัธยมกว่า 9 แสนคนได้เข้าถึงความรู้ หรือฝั่งอุดมศึกษาที่นำหลักสูตร AI ของ Microsoft ไปใส่ไว้ในแพลตฟอร์ม GECC เป็นวิชาเลือกที่สามารถเก็บเป็นหน่วยกิตได้จริง สิ่งนี้คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของผู้ใช้ไอที สู่การเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ด้วย AI
ขณะเดียวกัน ในมิติของ ‘Scale’ และ ‘Secure’ Microsoft ได้ทำงานร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคสังคมอย่างเข้มข้น รวมถึงการจับมือกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อฝึกอบรมบุคลากรด้าน Cybersecurity ไปแล้วกว่า 10,000 คน
สู่ Frontier Firms: นิยามใหม่ขององค์กรไทยในยุค AI
สำหรับปีงบประมาณ FY26 Microsoft กำลังจะยกระดับเกมขึ้นไปอีกขั้นด้วยแนวคิด “Advancing Thailand’s Frontier Firms” คำถามคือ Frontier Firm คืออะไร?
ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้นิยามไว้อย่างน่าสนใจว่า นี่คือองค์กรที่ฝัง AI (Embed AI) เข้าไปในทุกกระบวนการ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ, สร้างความแตกต่าง, เพิ่มประสิทธิภาพ, ลดต้นทุน ไปจนถึงการยกระดับทักษะด้าน AI ให้กับพนักงานขององค์กรต่าง ๆ
ภาพที่เราจะได้เห็นคือการทำงานร่วมกันระหว่าง ‘มนุษย์’ และ ‘AI Agent’ อย่างไร้รอยต่อ AI จะไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยอีกต่อไป แต่จะมีสถานะเป็นทั้ง ‘ลูกน้อง’ ที่เราสามารถสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานเฉพาะทางได้ หรือแม้กระทั่งเป็น ‘เพื่อนร่วมงาน’ ที่รับส่งต่องานกันเองระหว่าง AI Agent ด้วยกัน คุณธนวัฒน์เปรียบเทียบว่า วันนี้เรากำลังจะมีเพื่อนร่วมงานที่มีความรู้ระดับปริญญาเอกอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
แนวคิดนี้ตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศไทยโดยตรง โดยเฉพาะปัญหา ‘สังคมสูงวัย’ (Aging Society) และการขาดแคลนแรงงานในอนาคต การมี AI Agent เข้ามาเสริมทัพ จะช่วยปลดล็อกศักยภาพขององค์กรไทยให้สามารถแข่งขันต่อไปได้
แก่นกลยุทธ์ 4 มิติ Elevate-Enable-Govern-Secure
เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ให้เกิดขึ้นจริง Microsoft ได้วางกลยุทธ์หลักไว้ 4 ด้าน ซึ่งเปรียบเสมือนเสาหลักที่จะค้ำยันการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้
- Elevate (ยกระดับทักษะ): จาก ‘แค่รู้’ สู่ ‘สร้างได้จริง’
แม้จะสร้างทักษะให้คนไทยไปแล้วกว่า 1.5 ล้านคน แต่ Microsoft มองว่านี่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ใน FY26 นี้ จะไม่ใช่แค่การสอนให้ ‘รู้’ ว่า AI คืออะไร แต่จะโฟกัสที่ ‘How’ คือทำอย่างไรให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปสร้างผลกระทบได้จริง
เป้าหมายที่ท้าทายคือการสร้าง AI Engineer ที่มีความสามารถในการเขียนโค้ดและสร้าง AI ได้จริงถึง 100,000 คน โดยจะเน้นหนักไปที่ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ภาคการศึกษา (Education), ภาคสังคม (Civil Society) และภาคแรงงาน (Workforce) เพื่อตอกย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind)
- Enable (เสริมพลัง): เปิดคลังอาวุธ AI ให้ทุกคนเป็น ‘ผู้สร้าง’
Microsoft ประกาศจุดยืนชัดเจนในการเปลี่ยนตัวเองจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สู่การเป็น “Software Factory ให้กับทุกองค์กร” เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นผู้สร้างได้ ไม่ว่าจะมีทักษะการเขียนโค้ดหรือไม่ก็ตาม
- Azure AI Foundry: เปรียบเสมือนคลังแสงโมเดล AI ที่มีให้เลือกใช้มากกว่า 11,000 โมเดล ครอบคลุมตั้งแต่โมเดลของ OpenAI ไปจนถึง Open Source ต่าง ๆ เปิดกว้างให้นักพัฒนาเข้ามาสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ๆ ได้อย่างไม่สิ้นสุด
- Copilot+ PC: มาตรฐานใหม่ของ PC ที่เคลมว่าเร็วและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการฝังหน่วยประมวลผล AI (NPU) มาโดยเฉพาะ ทำให้เกิดฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง ‘Recall’ ที่สามารถจดจำทุกสิ่งที่เราทำบนหน้าจอและย้อนกลับไปค้นหาได้ง่าย ๆ แค่พิมพ์คำค้น
- Govern (ธรรมาภิบาล): ขับเคลื่อน AI อย่างรับผิดชอบ
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง Microsoft ให้ความสำคัญกับกรอบการกำกับดูแลการใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลมาโดยตลอด โดยได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อวางกรอบนโยบายที่เหมาะสม
หนึ่งในโครงการที่น่าจับตาคือ National AI Innovation Center ที่ Microsoft ร่วมมือกับ EY สร้าง Sandbox ให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเข้ามาทดลองใช้ AI ในการแก้ปัญหาจริง โดยมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ตึก EY ในประเทศไทย แม้โครงการจะหยุดชะงักไปบ้างในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่ก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อทันทีที่มีความชัดเจน
- Secure (ความปลอดภัย): รากฐานที่ต้องแน่นที่สุด
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดรากฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Microsoft ได้ลงทุนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในด้านนี้ และดำเนินงานภายใต้หลักการ Secure by Design, Secure by Default และ Secure Operations เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์และบริการที่ออกมาสู่ตลาดมีความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง และปัจจุบันผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็เป็น Secure by Default อยู่แล้ว
ความท้าทายและเสียงจากคนในวงการ
คุณธนวัฒน์ได้ให้มุมมองส่วนตัวที่น่าสนใจในวงสนทนาว่า แม้เทคโนโลยีจะพร้อม แต่ความท้าทายทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) อาจทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ Frontier Firm ‘ช้าลง’ ได้ เพราะองค์กรจำเป็นต้องมีการลงทุน (Invest) ซึ่งเป็นเรื่องยากในภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
เขาจึงมองว่า “ภาครัฐ” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเป็น ‘ผู้เร่งสปีด’ โดยเสนอว่ารัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญกับ AI ในระดับนโยบายสูงสุด (Top Priority) และต้องมาพร้อมกับ ‘เงินลงทุน’ เพื่อสนับสนุนองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะ SME ให้สามารถเข้าถึงและปรับใช้เทคโนโลยีได้ การเข้ามาช่วยสนับสนุนของภาครัฐจะช่วยปลดล็อกปัญหาไก่กับไข่ และทำให้การทรานส์ฟอร์มเกิดขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้น
ในมุมของ Microsoft เอง แม้เศรษฐกิจจะท้าทาย แต่ก็ยังมองเห็นโอกาส เพราะเทคโนโลยีสามารถเข้าไปช่วย ‘ลดต้นทุน’ ได้ และเงินที่ประหยัดได้นั้นก็สามารถนำกลับมาใช้ในการลงทุนเพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจต่อไป ซึ่งสะท้อนภาพธุรกิจของ Microsoft ประเทศไทย ที่รายได้กว่า 90% มาจากบริการคลาวด์ การเติบโตจึงอิงอยู่กับสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศอย่างแยกไม่ออก
Thumbsup มองว่า การประกาศทิศทางของ Microsoft ในปี FY26 ไม่ใช่แค่การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ แต่คือการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ จากเดิมที่เราเป็นเพียง ‘ผู้ใช้’ เทคโนโลยี วันนี้เรามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็น ‘ผู้สร้าง’ นวัตกรรมได้อย่างเต็มตัว แนวคิด Frontier Firms คือพิมพ์เขียวที่น่าสนใจในการปลดล็อกศักยภาพขององค์กรไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่นี้จะสำเร็จได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Microsoft เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชนที่ต้องกล้าที่จะลงทุนและเปลี่ยนแปลง และภาครัฐที่ต้องเข้ามามีบทบาทในฐานะผู้สนับสนุนและผู้เร่งปฏิกิริยา นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสมหาศาลที่ประเทศไทยจะพลิกโฉมตัวเองในเวทีโลกด้วยพลังของ AI อย่างแท้จริง



