Site icon Thumbsup

มูจิ ประเทศไทย เปิดตัวคอลเล็กชันใหม่ MUJI Hemp ใช้เส้นใยกัญชงทำสินค้ารับกระแสความยั่งยืน

muji

มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ตอกอีกหมุดแสดงจุดยืนแนวคิดด้านความยั่งยืนสู่สินค้าแฟชั่น ใช้ “เส้นใยกัญชง” (Hemp) วัสดุสิ่งทอแห่งอนาคตถักทอความยั่งยืน จากกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่รักษ์โลกมากกว่า ด้วยต้นใยกัญชงมีวงจรการเพาะปลูกที่สั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไว ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าในการดูแลน้อยกว่า และไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยหรือสารเคมีเร่ง ก็เจริญเติบโตได้ดี พร้อมประเดิมเปิดตัว MUJI HEMP Collection เครื่องแต่งกายคอลเลคชันใหม่ล่าสุดจากเส้นใยป่าน หรือใยกัญชง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ สัมผัสบางเบา สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับอากาศร้อน พร้อมกับดีไซน์ซิกเนเจอร์สไตล์ MUJI ที่ใส่ได้ทุกโอกาส ต้อนรับซัมเมอร์นี้ วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน MUJI ทุกสาขา

อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สินค้าเครื่องแต่งกายและแฟชั่นเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่นับเป็นซิกเนเจอร์โปรดักส์ของร้าน MUJI และครองใจผู้บริโภคมาโดยตลอด ด้วยเอกลักษณ์ของการดีไซน์ที่กลายเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นสไตล์มินิมัล ด้วยความเรียบง่าย แต่ดูทันสมัย สามารถหยิบมาสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ทั้งนี้ MUJI ได้วางจำหน่ายกลุ่มสินค้าเครื่องแต่งกายในมูจิประเทศไทยตั้งแต่เริ่มเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2549 ปัจจุบันสินค้าเครื่องแต่งกายมีสัดส่วนประมาณ 50 % ของกลุ่มสินค้าทั้งหมดที่มีจำหน่ายใน MUJI โดยมียอดขายเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ผนวกกับการที่ MUJI ได้เปิดตัวสินค้าและแคมเปญต่าง ๆ ที่ตอกย้ำด้านความยั่งยืน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เนื่องจากปัจจุบันเป็นหนึ่งในเทรนด์ของการเลือกสินค้าหรือ Core Value ของผู้บริโภคที่คาดหวังจากแบรนด์

“จากเทรนด์ดังกล่าว รวมกับพันธกิจหลักของ MUJI ในการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนที่ยึดถือ และพิสูจน์มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด MUJI ได้นำ “เส้นใยกัญชง” (Hemp) มาใช้เป็นวัสดุหลักในคอลเลคชันนี้ และจะเป็นอีกหนึ่งวัสดุหลักในการผลิตสินค้าเครื่องกาย MUJI โดยถือเป็นวัสดุทางเลือกเพื่อความยั่งยืน เพราะกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำสะท้อนคุณค่าการผลิตอย่างยั่งยืน เนื่องจากเส้นใยป่านเป็นผลผลิตจากพืชกัญชงที่มีวงจรการเพาะปลูกสั้น และเจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้การดูแลมากเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น ๆ เมื่อเริ่มเพาะปลูกจะใช้เวลาเพียงประมาณ 100 วันหรือประมาณ 3 เดือน ให้เจริญเติบโตเต็มวัย มีขนาดของลำต้นสูงได้มากสุดถึง 3 เมตร ก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย นอกจากนี้ ในการดูแลถือว่าใช้ทรัพยากรน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเส้นใยวัสดุที่ทำจากผลผลิตของพืชชนิดอื่น ๆ และใช้น้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่า รวมถึงไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยหรือสารเคมีเร่งก็สามารถเจริญเติบโตได้ดี อีกทั้งมีความคงทนต่อสภาพอากาศและโรคทางการเกษตร และอายุวงจรของพืชมีระยะสั้นเพียง 1 ปี จึงทำให้สามารถเพาะปลูกใหม่ในพื้นที่เดิมได้ โดยไม่ทำลายพื้นที่ป่าหรือสิ่งแวดล้อมโดยรวม และยังเป็นพืชที่ช่วยบำรุงหน้าดิน สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นดินอีกด้วย” นายคาโมการิ กล่าว

นอกจากนี้ คุณสมบัติตามธรรมชาติของเส้นใยกัญชงเหมาะสำหรับการนำมาเป็นวัสดุในการผลิตสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย โดยเฉพาะการสวมใส่ในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น เนื่องจากเป็นเส้นใยที่ถึงแม้ว่าจะมีความคงทนในการใช้งาน แต่มีสัมผัสที่นุ่มเบา ระบายน้ำและถ่ายเทอากาศได้ดี รวมถึงมีคุณสมบัติตามธรรมชาติในการช่วยปกป้องรังสียูวี ดังนั้นเมื่อนำเส้นใยป่านมาผลิตเป็นสิ่งทอเครื่องแต่งกาย จึงช่วยปกป้องสีของเนื้อผ้าที่อาจจะจางลงจากแสงแดด ด้วยเหตุดังกล่าว ในฤดูกาล Spring/Summer นี้ MUJI จึงได้เปิดตัว MUJI HEMP Collection เครื่องแต่งกายคอลเลคชันใหม่ล่าสุดจากเส้นใยป่าน หรือใยกัญชง นับว่าเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์บนเส้นทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ MUJI

MUJI HEMP Collection เครื่องแต่งกายคอลเลคชันใหม่ล่าสุดจากเส้นใยกัญชง ออกแบบภายใต้แนวคิด Cool, Soft to the skin, Natural Fabric for sustainability โดดเด่นด้วยคุณสมบัติพิเศษของใยกัญชง ที่สวมใส่เย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี และเนื้อผ้าแห้งเร็ว เหมาะสำหรับฤดูร้อน รวมถึงสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ผสานกับดีไซน์ซิกเนเจอร์สไตล์ MUJI ที่มีความเรียบแต่สุภาพ นำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่าย สวมใส่ได้ทุกโอกาส เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย และคนเมืองวัยทำงานที่สามารถสวมใส่เป็นชุดทำงานหรือใส่ออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ นอกบ้านได้คล่องตัว คอลเลคชันเครื่องแต่งกายออกแบบมาในโทนสีดีไซน์แบบร่วมสมัย และไทม์เลส (Timeless) ผลิตด้วยวัสดุเส้นใยมีคุณสมบัติที่ทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน จึงทำให้เป็นคอลเลคชันที่สามารถหยิบมาสวมใส่ได้ตลอดบ่อยครั้ง ซึ่งนับว่าช่วยลดปัญหาขยะจากเครื่องแต่งกายได้อีกด้วย โดย MUJI HEMP Collection ประกอบไปด้วยหลากหลายดีไซน์ ทั้งเครื่องแต่งกายผู้หญิง อาทิ เสื้อเชิ้ตทูนิคเสื้อเบลาส์ เดรส กางเกงขายาวและขาสั้น และกระโปรง เครื่องแต่งกายผู้ชาย อาทิ เสื้อแจ็คเก็ต กางเกงขายาวและขาสั้น และเสื้อเชิ๊ตทรงเบสิค หลายสีสัน อีกทั้งยังมีสินค้าสำหรับเด็กอีกด้วย