สำหรับคนทั่วไป อาจใช้แอป Waze ของ Google เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่การจราจรติดขัดและถนนเส้นที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดตรวจจับความเร็ว แต่ตำรวจอเมริกันบางคนเห็นว่ามันเป็นแอปที่ทำให้ตำรวจทำงานได้ยากขึ้น และเรียกร้องให้ Google ลงมือแก้ไขอะไรสักอย่างในเรื่องนี้ (Google ซื้อ Waze ไปเมื่อปี 2013)

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า ฟีเจอร์ค้นหาพิกัดของตำรวจที่อยู่ในแอป ซึ่งจะช่วยบอกตำแหน่งของเครื่องตรวจจับความเร็ว ดังนั้น ใครก็ตามที่วางแผนฆาตกรรมตำรวจก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น (ฟังดูเว่อร์ๆ ไปหน่อย แต่อย่าลืมว่าในอเมริกาบางรัฐอนุญาตให้คนพกปืนได้ แถมยังมีข่าวกราดยิงบ่อยมาก)

waze-police-android

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ขึ้น แอปนี้ทำงานคล้ายๆ เพจ “มีด่านบอกด้วย” ที่ฮิตๆ ในบ้านเรานี่แหละ เพียงแต่มาในรูปแบบ GPS บอกพิกัดบนแผนที่ดิจิทัล และสำหรับประเทศอย่างอเมริกา ที่มักมีเหตุฆาตกรรมโหดๆ แบบคาดไม่ถึง แอปนี้จึงเป็นได้ทั้งเครื่องอำนวจความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ และเครื่องมือที่ช่วยให้คนร้ายลงมือตามแผนได้ง่ายขึ้น

การเรียกร้องของตำรวจในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานบังคับกฏหมาย และพยายามกดดันให้ Google ยกเลิกฟีเจอร์นี้ เพื่อไม่ให้ใครสะกดรอยตามหรือแอบ “สตอล์ค” เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสมาร์ทโฟนได้

ทางด้านทีมงาน Waze ออกมากล่าวว่า พวกเขาเองก็เป็นห่วงสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่และข้อมูลที่แชร์ออกไปในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม Google ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในระยะเวลาสั้นๆ นี้แน่นอน

ทั้งนี้ แอปพลิเคชั่น Waze จะแสดงให้เห็นเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดรถอยู่ริมถนนหรืออยู่ในที่ที่เห็นได้ชัด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่อเมริกันชนเห็นกันอยู่ทุกวันเป็นเรื่องปกติ และการบอกต่อคนอื่นๆ ว่าตำรวจยืนอยู่ริมถนนก็คงไม่ใช่เรื่องต้องห้าม

ฝ่ายคัดค้านตำรวจก็ยกเอาประเด็นฆาตกรรมตำรวจเมื่อปลายปีที่แล้วออกมาตอบโต้ โดยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีเหตุตำรวจ 2 คนถูกยิงในนิวยอร์ค คนร้ายโยนมือถือของตัวเองทิ้งไปก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 2 ไมล์ เห็นได้ชัดว่าการแบนแอป Waze คงไม่สามารถหยุดเหตุฆาตกรรมที่มีการวางแผนไว้ได้

ที่มา : Engadget

"thumbsup" (อ่าน ธั๊ม’ส-อัพ) คือชุมชนของ "นักเรียนการตลาดตลอดชีวิต" เรามีข่าวสาร, บทความ, บทสัมภาษณ์ ตลอดจน event ที่นักการตลาดหลายคนชื่นชอบ เช่น Spark Conference, Digital Matters