Site icon Thumbsup

หมัดต่อหมัด…เทียบคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S III กับ iPhone 5!!!

คิดว่าหลายท่านคงพอทราบๆ ข่าวกันไปบ้างแล้ว สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา กับการเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจากค่าย Apple ที่ได้ชื่อว่า “iPhone 5” ซึ่งแน่นอนครับว่า มีทั้งเสียงฮือฮา และวาจาของหลายท่านที่แอบออกอาการเซ็ง เมื่อรับทราบถึงสเปคของโทรศัพท์รุ่นล่าสุดจาก Apple เพื่อเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ เราขอเอาสเปคของโทรศัพท์อีกหนึ่งรุ่น มาเทียบเพื่อเป็นข้อมูลให้กับท่านๆ ที่กำลังจะตัดสินใจเลือกโทรศัพท์ใหม่กันนะครับ…

ชั่วโมงนี้หากไม่พูดถึงสมาร์ทโฟนจากทาง Apple แล้ว เชื่อเหลือเกินครับว่าคนส่วนใหญ่ (จากการคาดเดาของผู้เขียนเอง) คงต้องนึกถึงแบรนด์อย่าง Samsung อย่างแน่นอน และหากเป็นในปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าคู่เปรียบมวยกับ iPhone 5 ในเวลานี้คงไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจาก “Samsung Galaxy S III” หรือที่หลายท่านเรียกกันติดปากว่า S 3 (เอสสาม) ว่าแต่หากเทียบกันในคุณสมบัติหลักๆ อะไรบ้างที่ฝั่งไหนดีกว่า ไปดูจากตารางกันครับ

ในส่วนของ “หน้าจอ” แม้จะเปลี่ยนขนาดหน้าจอเป็น 4″ แล้วสำหรับ iPhone 5 แต่ด้วยหน้าจอที่ยังมีความละเอียดหน้าในแนวกว้างไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้คาดว่าแป้นคีย์บอร์ดคงยังไม่เปลี่ยนแปลงนัก (นอกจากจะสูงขึ้นได้) เมื่อเทียบกับจอขนาด 4.8 นิ้วของทาง Samsung Galaxy S III ที่ใหญ่กว่า และมีความละเอียดที่ดีกว่า ก็ถือว่า Apple ยังคงไม่ได้เปรียบต่อไป

เปรียบเทียบ: ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับสาวก iPhone คงดีใจที่อย่างน้อยจอก็ใหญ่ขึ้น และตอบโจทย์ในเรื่องของ Wide Screen สำหรับดูวิดีโอ แต่สำหรับคนที่หวังว่าจะได้แป้นคีย์บอร์ดที่กดง่ายขึ้น หรือชอบจอกว้างกว่านี้ คงต้องรอกันต่อไป

“น้ำหนัก” สำหรับข้อนี้ Apple ดูจะมีภาษีที่ดีกว่าทาง Samsung เล็กน้อย เพราะตัวเครื่องมีน้ำหนักเบากว่า จากการลดความอ้วน (บาง) เหลือแค่ 7.6 มิลลิเมตร เบากว่าถึงประมาณ 20 กรัม ซึ่งส่วนหนึ่ง Galaxy S III ก็คงหนักกว่าเพราะขนาดหน้าจอ และตัวเครื่องที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ทำให้ในข้อนี้ iPhone 5 ดูดีกว่า Samsung Galaxy S III เล็กๆ ครับ

เปรียบเทียบ: น้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ iPhone 5 เข้าวินไปได้ (แม้จะแค่ 20 กรัมก็ตาม)?

สำหรับความเร็วในการประมวลผล โดยเทียบจาก “CPU” นั้น ออกจะลำบากสักหน่อย หากจะต้องบอกกันตอนนี้ คงต้องรอให้เครื่องออกวางจำหน่าย และมีคนนำมาทดสอบ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วย “Operating System” ที่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบอาจจะดูลำบากไปเสียหน่อย

เปรียบเทียบ: “อันนี้คงต้องลองกันเอาเองอีกทีครับ”

ส่วนของความจุของ “หน่วยความจำภายใน” iPhone 5 อาจจะได้เปรียบ หากมองเฉพาะหน่วยความจำที่มากับตัวเครื่อง ส่วน Samsung Galaxy S III ที่วางจำหน่ายในบ้านเรา จะมีเพียง 16 GB แต่หากพูดถึงในเรื่องความได้เปรียบของการรองรับหน่วยความจำภายนอก และความสะดวกเวลาโอนย้ายข้อมูลด้วย “การ์ดหน่วยความจำภายนอก” สาวก Samsung คงยิ้มออกได้บ้างแน่นอนครับ

เปรียบเทียบ: มีดีกันไปคนละแบบ

สำหรับในบางคุณลักษณะก็อาจจะยังคงวัดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น “พอร์ตเชื่อมต่อ” รุ่นใหม่ ที่ Apple ใช้ชื่อว่า “Lightning” แต่ก็คาดกันว่าน่าจะเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ส่วน microUSB บน Samsung Galaxy S III ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก คงต้องมาทดสอบกันต่อไป

เช่นเดียวกับ “แบตเตอรี่” ที่ตัวเลขทั้ง Standby/ talk time และ “กล้องถ่ายรูป” ที่อยู่ในข้อมูลเชิงเปรียบเทียบข้างต้น คงต้องให้ผู้ใช้งานพิสูจน์กันว่า ถึงเวลาใช้งานจริงๆ ใครจะดีกว่ากันต่อไป (แต่ที่เห็นเพิ่มมาก็คงเป็นฟีเจอร์เสริมอย่างพาโนรามาที่ถือเป็นลูกเล่นเสริม)

เปรียบเทียบ: “ลองกันเอาเองอีกเหมือนกัน”

สำหรับ “การเชื่อมต่อ” ที่แม้จะดูแตกต่างกันสำหรับคำว่า “LTE” แต่เอาเข้าจริง พอมาเมืองไทยก็ยังคงไม่มีอะไรแตกต่าง หากแต่ยังใช้ได้แค่ความเร็วระดับ 3G แบบปกติ ส่วน Wi-Fi ที่ iPhone 5 ประกาศการรองรับมาตรฐานทั้ง a/b/g และ n ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ตรงนี้ Samsung เองก็เคยประกาศการใช้ Wi-Fi แบบ Dual Band มาก่อนหน้านี้ ทำให้ความได้เปรียบเสียเปรียบ แทบจะไม่มีเลย

เปรียบเทียบ: แม้จะดูมีภาษีดีกว่าในตารางเปรียบเทียบ แต่กับการใช้งานจริง คงไม่ต่างกันนัก

สำหรับเรื่องสุดท้าย ก็คือ “ราคา” ยังคงเป็นปริศนากันต่อไป เพราะเชื่อเหลือเกินว่า “ประเทศไทย” จะถูกจัดให้ไปอยู่ในประเทศลำดับหลัง ที่อาจจะได้วางจำหน่ายกันจริงๆ ในเดือนธันวาคม 2555 นี้ แต่การคาดเดาที่พอจะเป็นไปได้คือ การสวมราคาเดิมของรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ Samsung Galaxy S III ก็จะมีราคาที่ถูกกว่า 1,000 บาททันที

เปรียบเทียบ: เป็นเพียงการคาดเดาที่ราคาของ iPhone 5 จะออกมาเป็น 22,900 เท่าเดิม แต่หากราคานี้ผิดไปจากความเป็นจริงแล้ว คงต้องมาลุ้นกันต่อว่า จะ “ถูก” หรือ “แพง” กว่าเดิมกันแน่

สุดท้าย จะเป็น Samsung Galaxy S III ก็ดี หรือจะเป็น iPhone 5 ก็ดี ผู้เขียนก็อยากให้มองกันหลายๆ มุม ก่อนจะตัดสินใจซื้อนะครับ เพราะเงินสองหมื่นกว่าบาท คงไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ หรือใครที่ยังสามารถใช้เครื่องเดิมไปก่อนได้ ก็คงประหยัดกันไปอีกพักนึงเลยนะครับ…

ขอบคุณภาพจาก Apple?ด้วยนะครับ

Edit: 10:07 13 Sep 2012 – แก้ไขสเปคให้ถูกต้องแล้วครับ ต้องขออภัยเพื่อนๆ thumbsup’er ด้วยครับ