Your Next Five Moves

ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็วยิ่งกว่าพายุ การวางแผนแค่ วันนี้ หรือ พรุ่งนี้ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป เคยสงสัยไหมว่าทำไม Magnus Carlsen แกรนด์มาสเตอร์หมากรุกระดับโลกถึงครองบัลลังก์แชมป์โลกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย? หรือทำไม Elon Musk ถึงกล้าเดิมพันกับโปรเจกต์ที่ดูเป็นไปไม่ได้อย่าง SpaceX?

คำตอบไม่ได้อยู่ที่ความอัจฉริยะเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความสามารถในการ มองข้ามช็อต

วันนี้ Thumbsup หยิบเอาแก่นความคิดจากหนังสือขายดี Your Next Five Moves: Master the Art of Business Strategy ของ Patrick Bet-David มาย่อยให้เห็นภาพกันชัด ๆ ว่า การจะเปลี่ยนจากผู้เล่นธรรมดา ให้กลายเป็น Grandmaster ในโลกธุรกิจนั้น ต้องเดินหมากอย่างไรบ้าง

Your Next Five Moves

หมากรุก vs ธุรกิจ กับศิลปะแห่งการมองอนาคต

ลองจินตนาการถึง Magnus Carlsen เขาไม่ได้แค่เดินหมากเพื่อแก้ปัญหาตรงหน้า แต่เขามองเห็นล่วงหน้าไปถึง 15 ตาเดิน! เขาจำลองสถานการณ์ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า คาดเดาปฏิกิริยาคู่แข่ง และวางแผนรับมือไว้หมดแล้ว เมื่อถึงเวลาแข่งจริง เขาจึงนิ่งสงบ ท่ามกลางสมรภูมิที่ดุเดือด

ธุรกิจก็เช่นกัน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตกม้าตายเพราะมองเกมสั้นเกินไป คิดแค่ 1-3 ก้าวข้างหน้า พอเจอปัญหาที่ไม่คาดฝันก็ไปต่อไม่ถูก แต่สำหรับ Visionary หรือผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ พวกเขาไม่ต้องมองไกลถึง 13-14 ก้าวแบบ Elon Musk ก็ได้ ขอแค่คุณมี 5 ก้าวถัดไป ที่ชัดเจนและเฉียบคม คุณก็สามารถคุมเกมเหนือคู่แข่งได้แล้ว

และนี่คือ 5 หมากสำคัญที่คุณต้องเดินให้เป็น

Move 1: รู้จักตัวเองให้ถ่องแท้

ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องการตลาดหรือการเงิน แต่คือการตอบคำถามว่า คุณคือใคร? และ คุณต้องการอะไร?

หลายคนกระโจนเข้าสู่สนามธุรกิจโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังสู้เพื่ออะไร Patrick Bet-David ย้ำเสมอว่า นิยามความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

  • ถ้าคุณอยากเปิดร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ ที่เลี้ยงตัวเองได้ คุณอาจไม่ต้องเครียดเหมือนทำสงครามโลก
  • แต่ถ้าคุณอยาก Disrupt อุตสาหกรรม คุณต้องเตรียมใจ เตรียมทีม และเตรียมกลยุทธ์ในระดับที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิดเรื่อง Living Your Future Truth หรือการใช้ชีวิตเสมือนว่าอนาคตที่คุณฝันเป็นจริงแล้ว ผู้นำที่เก่งจะไม่พูดว่า เดี๋ยวรอรวยก่อนค่อยทำ… แต่พวกเขาจะสวมวิญญาณของผู้ชนะตั้งแต่วันที่ยังไม่มีอะไร เมื่อคุณชัดเจนในตัวตนและเป้าหมาย พลังงานนั้นจะดึงดูดคนที่ใช่และโอกาสที่เหมาะสมเข้ามาหาคุณเอง

Move 2: เลือกสมรภูมิที่ “ใช่”

เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นใคร คำถามถัดมาคือ จะไปสู้ที่ไหน?

ในโลกธุรกิจ การขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย การเลือกสนามแข่งที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อย่ากระโดดลงไปในน่านน้ำที่มีฉลามเจ้าถิ่นครองอยู่ถ้าคุณยังไม่มีเขี้ยวเล็บที่คมพอ

ให้นึกถึงหลักการ Blue Ocean การพยายามเอาชนะคู่แข่งในจุดแข็งของพวกเขาคือทางด่วนสู่ความพ่ายแพ้ สิ่งที่คุณต้องทำคือ

  1. ประเมินจุดแข็งและข้อจำกัดของตัวเอง
  2. มองหาช่องว่างทางการตลาดที่คู่แข่งมองข้าม
  3. ถามตัวเองว่า เรามีทรัพยากรพอที่จะสู้ในเกมนี้ไหม?

ถ้าคู่แข่งเก่งเรื่องราคา คุณอาจต้องสู้ด้วยคุณภาพหรือบริการ ถ้าคู่แข่งเก่งเรื่องแมส คุณต้องเจาะ Niche Market การเลือกสนามที่ความสามารถของคุณ ฉายแสง ได้มากที่สุด คือกลยุทธ์ที่ฉลาดที่สุด อย่าบ่นว่าเกมมันโกง แต่จงหาเกมที่คุณเป็นคนคุมกฎ

Move 3: เปลี่ยน “ปัญหา” ให้เป็น “กลยุทธ์”

ไม่ว่าคุณจะวางแผนดีแค่ไหน วิกฤต จะมาเยือนเสมอ ลูกค้าคนสำคัญขู่ยกเลิกสัญญา? พนักงานมือหนึ่งขอลาออก? คู่แข่งตัดราคา?

นี่คือจุดวัดใจระหว่าง “มือสมัครเล่น” กับ “มืออาชีพ”

คนทั่วไปจะตื่นตระหนก ใช้อารมณ์ และมองหาคนผิด แต่ผู้นำระดับ Grandmaster จะ Process ปัญหาอย่างเป็นระบบ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์มาบดบังเหตุผล และที่สำคัญที่สุดคือ การรับผิดชอบ

แทนที่จะโทษฟ้าฝนหรือรัฐบาล ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า เรามีส่วนในเรื่องนี้ยังไง? และ เราจะแก้เกมนี้อย่างไร? Patrick แนะนำสูตรลับที่เรียกว่า ITR Formula เพื่อใช้ตัดสินใจ

  • I (Investment): ต้องลงทุนเท่าไหร่? (เงิน/แรง)
  • T (Time): ใช้เวลาเท่าไหร่?
  • R (Return): ผลตอบแทนคุ้มค่าไหม?

เช่น ถ้าต้องเลือกระหว่าง ลงทุน 150,000 บาท จบงานใน 4 เดือน กับ ลงทุน 300,000 บาท จบงานใน 2 เดือน สูตรนี้จะช่วยให้คุณคำนวณความคุ้มค่าออกมาเป็นตัวเลข ไม่ใช่แค่ความรู้สึก การมองวิกฤตเป็นเกมที่ต้องแก้ คือ Mindset ของผู้ชนะ เพราะในภาษาจีน คำว่า วิกฤต หรือ 危机 (Wei-Ji) ประกอบด้วยคำว่า อันตราย และ โอกาส อยู่ด้วยกันเสมอ

Move 4: สร้างทีมที่ “รบแทนคุณได้”

คุณไม่มีทางสร้างอาณาจักรได้ด้วยตัวคนเดียว ต่อให้เก่งแค่ไหน วันหนึ่งคุณก็จะหมดแรง Solo-preneur อาจพาคุณไปได้ไกลระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยากไปให้ถึงดวงจันทร์ คุณต้องการ ทีม

ก่อนจะจ้างใคร ถามตัวเองก่อนว่า ทำไมคนเก่ง ๆ ต้องมาทำงานกับเรา?

ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือน แต่เป็นเรื่องของวิสัยทัศน์ คุณสามารถทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้ไหม? คุณเป็นโค้ช เป็นตัวอย่าง หรือเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาได้หรือเปล่า?

และที่สำคัญที่สุด อย่าไว้ใจคนแค่เปลือกนอก การจ้างคนผิดคือต้นทุนที่แพงที่สุดในธุรกิจ ประวัติการทำงานสวยหรูไม่ได้การันตีความซื่อสัตย์ หรือ Cultural Fit จงใช้เวลาในการทำความรู้จัก ตรวจสอบภูมิหลัง (Due Diligence) และดูให้แน่ใจว่าเขามีค่านิยมที่ตรงกับองค์กร เพราะเมื่อคุณเริ่มไว้ใจและมอบกุญแจสำคัญให้พวกเขาดูแล คุณต้องมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่แทงข้างหลัง

Move 5: กลยุทธ์คือลมหายใจ

บทสรุปของการเดินหมากทั้ง 4 ข้อก่อนหน้า คือการนำมาประกอบร่างเป็น กลยุทธ์ ที่จับต้องได้

โลกธุรกิจโหดร้ายและไม่เคยปรานีใคร คนเก่งและคนดีล้มละลายมานักต่อนักเพราะขาดการวางแผน การเป็นผู้ประกอบการคือการเป็น “นักแก้ปัญหา” ให้กับโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม แต่ไอเดียดี ๆ จะไม่มีความหมายถ้าขาดการลงมือทำที่เฉียบคม

การมีกลยุทธ์ที่ดีหมายถึงคุณต้อง

  • มีแผนสำรอง (Contingency Plans) สำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
  • ติดตามผล (Monitor) ทุกการเคลื่อนไหวด้วย Data ไม่ใช่การเดา
  • ปรับตัว (Adapt) ตามปฏิกิริยาของตลาดและคู่แข่ง

ถ้าคุณเดินหมากแรกไปแล้ว คู่แข่งเดินสวนกลับมา คุณต้องรู้ทันทีว่าหมากที่ 2, 3, 4 และ 5 ของคุณคืออะไร ถ้าทำได้แบบนี้ คู่แข่งจะตามคุณไม่ทัน และคุณจะเป็นคนกำหนดทิศทางของเกม

Thumbsup มองว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนแค่วิธีทำธุรกิจ แต่สอน วิธีคิด (Mindset) ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต การมองข้ามช็อตไม่ใช่พรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่เกิด แต่เป็นทักษะที่ฝึกฝนได้

ในยุคที่ AI และ Technology เข้ามา Disrupt ทุกอย่าง สิ่งเดียวที่จะทำให้มนุษย์หรือแบรนด์ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ คือความสามารถในการวางกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง หากวันนี้คุณยังแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน ลองถอยออกมามองกระดานให้กว้างขึ้น แล้วถามตัวเองว่า อีก 5 ตาเดินข้างหน้า ของฉันคืออะไร?

เพราะในเกมธุรกิจ คนที่ชนะไม่ใช่คนที่เดินเร็วที่สุด แต่คือคนที่มองเห็นตอนจบของเกมได้ก่อนคนอื่นเสมอ

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: