Site icon Thumbsup

5 เทรนด์ Mobile Marketing ที่น่าจับตาในปี 2013

ภาพจาก 21stcenturyinnovationmarketing.com
ภาพจาก 21stcenturyinnovationmarketing.com

ปี 2012 ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่มีการเติบโตของ Mobile อย่างชัดเจน ด้วยการมาของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นต่างๆ ที่ถูกเข็นออกมาให้ใช้งานกันอย่างมากมายเพื่อตอบรับกับความต้องการที่มีกันทั่วโลก ดังนั้นแล้วการทำการตลาดผ่านโมบายล์จึงเติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปีนี้ก็เริ่มมีการลุยตลาดในด้านนี้กันมาบ้างแล้ว และปี 2013 ถือเป็นปีที่น่าจับตามองเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ลองมาดูกันว่ามีหัวข้ออะไรบ้างที่น่าจับตามองในด้าน Mobile Marketing

โฆษณาผ่านโมบายล์ (Mobile Advertising)

จากการสำรวจของ Forrester Research?พบว่าจะมียอดเงินการใช้จ่ายในด้านการโฆษณาบนโมบายล์สูงถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากว่าตอนนี้คนเราใช้เวลา 10% ในการใช้งานดูสื่อต่างๆ ผ่านบนอุปกรณ์โมบายล์ แต่มีการลงทุนในโฆษณาบนนี้น้อยกว่า 10% และนอกจากนั้นแล้ว?Forrester Research ยังบอกว่าจะมีการใช้จ่ายเงินไปในการโฆษณาบนอินเตอร์เน็ตจากเดิม 8% เพิ่มขึ้นเป็น 22% ซึ่งการลงโฆษณาบนโมบายล์ก็ย่อมมีการเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

แต่สิ่งที่โฆษณารูปแบบโมบายล์นั้นมีประสิทธิภาพกว่าการใช้งานในลักษณะรูปแบบเดิมๆ บนอินเทอร์เน็ต เพราะมันจะถูกย่อให้แสดงอยู่ในหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าตอนนี่้ยอดการใช้งานอุปกรณ์โมบายล์ทั่วโลกมีการเติบโตอย่างมาก ดังนั้นแล้วหัวข้อ Mobile Advertising จะถูกพูดถึงอย่างมากในปี 2013

โดยรูปแบบของการโฆษณาบนโมบายล์นั้น จะมีการพัฒนาจากเดิมที่ปกติแล้วจะถูกแฝงอยู่ในแอพพลิเคชันกลายเป็นการทำให้กลมกลืนอยู่ในแคมเปญต่างๆ ที่อยู่ภายในแอพพลิเคชันที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ

QR Codes ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายขึ้น (ไม่ใช่เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น)

หลายคนอาจจะมองว่าสัญลักษณ์นี้มันจะยังฮิตได้เหรอ แต่ถ้าเราจะสังเกตุดูว่าในปี 2012 นี้เราเริ่มจะเห็นการใช้ QR Codes ถูกใช้มาเป็นหลักในการสร้างร้านค้าเสมือน (Virtual Store) โดยตอนนี้มีมากกว่า 300 แห่งทั่วโลกในปั 2012 และปี 2013 นี้คาดว่าจะมีมากกว่า 2000 ร้านค้า

ภาพจาก amusingplanet.com

ถึงแม้ว่า QR Code จะถูกนำมาใช้งานกันมานานพอสมควรแล้ว แต่ก็ต้องถือว่าสัญลักษณ์ของมันก็ยังคงสร้างความงงให้กับผู้บริโภคทั่วไปอยู่ แต่ก็ในความงงนั้นก็สามารถเอารายละเอียดต่างๆ แทนได้ในนั้นอย่างมากมาย ดังนั้นแล้วก็อาจเป็นไปได้ว่าอาจมีสิ่งที่ถูกพัฒนาและเอามาแทนที่ QR Code เพื่อให้คนเข้าใจกับสัญลักษณ์ได้ง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ QR Code ก็จะยังคงถูกใช้งานกันไปเรื่อยๆ

Loyalty Program จะถูกแบรนด์ต่างๆ หยิบมาใช้กันมากขึ้น

ไม่ว่าแบรนด์ไหนๆ ก็จะต้องมีการทำ CRM หรือ Customer Relationship Management และปี 2012 ถือเป็นปีที่เริ่มมีการทำ CRM บนสมาร์ทโฟนกันบ้างแล้วในรูปแบบแอพพลิเคชันแทนที่การใช้บัตร โดยในปี 2013 คาดกันว่าจะถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยจะมาจากแบรนด์โดยตรง โดยการทำ Loyalty Program จะเป็นสิ่งที่ทำให้คาดการณ์พฤติกรรมการใช้งานได้ล่วงหน้าและวางแผนในการรับมือในด้านการทำแคมเปญและอื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม

จะมีแบรนด์ใช้ SoLoMo ที่มี Co?มากขึ้น

แบรนด์ใหญ่ๆ ในตอนนี้หันมาเปิดช่องทางที่ตนสร้างขึ้นมา ให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับลูกค้าคนอื่นๆ ได้โดยตรง โดยมีแบรนด์เป็นคนควบคุมการใช้งาน แทนที่แบรนด์จะต้องลงมาคุมลูกค้าด้วยเอง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อหรือสร้าง Connection กันจริงๆ ด้วยตัวของลูกค้าเองโดยตรงโดยมีแบรนด์ครอบอยู่ ซึ่งเทรนด์นี้เริ่มมีมาบ้างแล้วกับหลายๆ แบรนด์ในปี 2012 และมาแรงขึ้นในปี 2013

ภาพจาก http://pointburstevents.com/

นอกจากนี้แล้ว ที่เราได้ยินมาว่าการทำแอพโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็น Social, Local และ Mobile หรือ SoLoMo แต่สำหรับ Co หรือ Commerce นั้นจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเพราะแนวโน้มการใช้จ่ายที่คนอยากทำทุกสิ่งอย่างบนหน้าจอนั้นมีมากขึ้น ดังนั้นเราจะเห็นแบรนด์ต่างๆ ที่ปกติแล้วจะทำแอพเพียงแค่แสดงสินค้า จะถูกเพิ่มความสามารถในการซื้อของภายในนั้นได้อย่างเสร็จสรรพ ซึ่งนั่นก็คือ Mobile Payment

Augmented Reality (AR) สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภค

การทำโฆษณาทั่วๆ ไปนั้นอาจจะเริ่มน่าเบื่อ ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้คนตื่นตาตื่นใจผ่านหน้าจออุปกรณ์โมบายล์ในปัจจุบัน AR น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะว่าตัวเจ้าของอุปกรณ์โมบายล์นั้นจะเป็นคนที่ได้รับประสบการณ์โดยตรง ซึ่งต่างจากการรับรู้จากสื่อโฆษณาอื่นๆ อย่างมาก และถือเป็นการสร้างกระแสการบอกต่อได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่าง AR บนการ์ดงานขอนแก่นเคาท์ดาวน์โดย Think Technology http://ar.think.co.th

——————————————————————————————————————–

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตามองกับการทำการตลาดบนโมบายล์ที่น่าจะมาแรงในปี 2013 แต่สุดท้ายแล้วเทคโนโลยีนั้นไม่มีวันหยุดนิ่ง ดังนั้นแล้วการคาดคะเนหรือสิ่งที่เป็นในตอนนี้อาจถูกสิ่งที่มาแรงกว่ากลบทับไปได้ สิ่งที่ทุกคนสามารถจะทำได้นั่นก็คือการปรับตัวให้เข้ากับโลกปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเข้ากับธุรกิจที่ทำอยู่ด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์กับเราและกับลูกค้ามากที่สุดนั้นเอง

ที่มา: iMediaConnection