Site icon Thumbsup

AIS จับมือกลุ่ม SingTel และ Samsung ส่งทีม Startup ไทย ร่วมแข่งขัน “Regional Mobile App Challenge”

ais1

เอไอเอส สานต่อ ภาคีความร่วมมือระหว่าง กลุ่มสิงค์เทล และ ซัมซุง ส่งทีม Startup ไทย ร่วมแข่งขัน “Regional Mobile App Challenge” ค้นหาสุดยอด โมบายแอปฯ แห่งภูมิภาค เปิดโอกาสสู่ตลาดสากล โดยทีมที่ได้คัดเลือกไปร่วมแข่งคือ Nugrean

นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า “ตามที่เมื่อเดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมา เอไอเอส กลุ่มสิงค์เทล และซัมซุง ได้ประกาศความร่วมมือ เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับในการใช้งานโมบายดาต้าที่สมบูรณ์แบบและครบถ้วนให้กับลูกค้า โดยนำเอาศักยภาพและจุดแข็งจากประสบการณ์ ความชำนาญในการให้บริการของประเทศสมาชิกในด้านต่างๆ มาผนึกกำลังกัน เพื่อส่งมอบข้อเสนอสุดพิเศษแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ให้แก่ลูกค้าของทั้ง 6 โอเปอร์เรเตอร์จาก 6 ประเทศสมาชิก รวมกว่า 500 ล้านรายทั่วภูมิภาค ประกอบไปด้วย สิงค์เทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และ เทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความแตกต่างในการให้บริการของประเทศสมาชิก และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

และจากการที่ปัจจุบัน Trend ของอุตสาหกรรมในแต่ละประเทศของกลุ่มสมาชิก ต่างก็มีอัตราการใช้มือถือเชื่อมต่อโมบายอินเตอร์เน็ตเติบโตเป็นอย่างมาก อันเกิดจากปัจจัยสำคัญ อาทิ การขยายตัวของ สมาร์ทโฟน และแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค Digital Life อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น 1 ในภารกิจสำคัญของความร่วมมือนี้คือ การผนึกกำลังกันพัฒนาดิจิตอลโซลูชั่นและโมบายแอปพลิเคชั่นในระดับภูมิภาค โดยร่วมมือกันก่อให้เกิด Ecosystemของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกลุ่ม Tech Startup ที่เข้าร่วมโครงการกับแต่ละโอเปอร์เรเตอร์ในกลุ่มสมาชิก จะได้รับการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจ ด้วยบิสิเนสโมเดลที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตแบบ Fast Track ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ รวมถึงผสมผสานผลงานทั่วภูมิภาค ยกระดับเป็น Regional Community ผ่านโครงการ Innov8 Sparks เพื่อเหล่า Startup อย่างแท้จริง”

ล่าสุด ได้ผนึกกำลังกันจัดงาน Regional Mobile App Challenge” การแข่งขันค้นหาสุดยอดดิจิตอลโซลูชั่นและแอปฯ แห่งภูมิภาค ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยแต่ละโอเปอร์เรเตอร์ในกลุ่มสมาชิกได้ส่งทีม Startup เข้าแข่งขัน รวม 6 ทีมจาก 6 โอเปอร์เรเตอร์ ซึ่งตัวแทนของประเทศไทย ได้แก่ ทีม Nugrean (นักเรียน) ซึ่งเป็นทีมชนะเลิศหมวด Corporate Solution จากโครงการ “AIS The StartUp 2014 Growing with Partnership” ซึ่งเป็นโซลูชั่นครบวงจร ที่ช่วยให้ผู้ปกครองและครูสามารถดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียนตลอดการเดินทางระหว่างโรงเรียนและบ้าน ด้วยระบบการติดตามนักเรียนแนวใหม่ผ่าน อุปกรณ์ติดตามแบบพกพาสะดวกสำหรับนักเรียน ที่มาพร้อม 2 แอปพลิเคชั่นบนมือถือ ประกอบไปด้วยแอปฯ สำหรับอาจารย์เพื่อเช็ครายชื่อนักเรียนที่ใช้บริการรถโรงเรียน และอีกหนึ่งแอปฯ สำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองให้สามารถติดตามบุตรหลานได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นทีมที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง เนื่องจากเป็น Product ที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง, มองแบบ End-to-End ครบวงจร และสามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้

ทั้งนี้ ทีมที่ชนะการแข่งขัน Regional Mobile App Challenge จะได้รับเงินรางวัล 10,000 ดอลล่าสิงคโปร์ พร้อมโอกาสในการก้าวสู่โลกธุรกิจระดับสากล โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดกับซัมซุง และเครือสิงค์เทล ที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 500 ล้านรายใน 23 ตลาดทั่วโลก พร้อมสิทธิประโยชน์ในการทำงานต่างประเทศ เช่น การพัฒนาธุรกิจแบบข้ามพรมแดน, การสนับสนุน Co-Working Space ในต่างประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้อีก 5 ทีมที่เหลือจะไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์และโอกาสอันดีที่ได้นำเสนอผลงานต่อหน้านักลงทุนชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงผู้บริหารจากทุกโอเปอร์เรเตอร์ในเครือสิงค์เทล และผู้บริหารซัมซุงด้วย

ซึ่งผลการแข่งขันทีมที่ชนะเลิศ ได้แก่ ทีม Wattcost จากออพตัส ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นโซลูชั่นส์ที่จะเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็น Smart Home ในอนาคต ด้วยระบบเครื่องเตือนไร้สายที่เชื่อมเข้ากับมาตรวัดไฟฟ้าภายในบ้าน ทำงานควบคู่กับแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่จะช่วยแจ้งเตือนการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบบเรียลไทม์ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าไฟฟ้าได้ยิ่งขึ้น

นายปรัธนา กล่าวสรุปตอนท้ายว่า“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอสและ กลุ่มสิงค์เทล รวมถึง ซัมซุง ที่ต้องการมอบ Total Solutions ที่สมบูรณ์แบบ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริงแก่ผู้ใช้บริการมือถือในภูมิภาคและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในยุค Digital Life จากนี้ต่อไป”