ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลาย ๆ คนอาจจะได้ยินชื่อ Black Mirror: Bandersnatch ที่เป็นซีรีส์ใหม่ของ Netflix กันอยู่บ่อย ๆ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการเปิดตัว feature ใหม่ของ Netflix ที่ทำให้ผู้ชมสามารถเลือกเส้นทางการดำเนินเรื่องด้วยตัวเองได้ ซึ่งนอกจากความแปลกใหม่แล้ว หากลองดูดี ๆ feature นี้ก็เป็นระบบ “Data Mining” รูปแบบใหม่ของ Netflix ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
ในยุคที่ Data เปรียบได้กับทอง และคำว่า Big Data ผ่านเข้าหูมาจนทุกคนเริ่มคุ้นชินขึ้นเรื่อย ๆ ทุกกิจการไม่เว้นแม้แต่ Netflix ที่ให้บริการ Streaming ซีรีส์ และภาพยนตร์ผ่านทางออนไลน์ ก็ต้องการข้อมูลของลูกค้าเช่นเดียวกัน
Data Mining กับ Netflix
Netflix เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่มีการเก็บ Data ของผู้ใช้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่เปิดให้บริการ (ก่อนที่จะมี Original Series เป็นของตัวเอง) โดยจะเก็บข้อมูลว่าผู้ชมชอบดูเรื่องอะไร ดูเมื่อไหร่ ดูนานแค่ไหน และแนะนำภาพยนตร์หรือซีรีส์โดยอ้างอิงจากอัลกอริทึ่มของผู้ชม เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเก่าไว้ด้วยเนื้อหาที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษ
ซึ่งหากมองในมุมเดียวกันแล้ว การเพิ่มตัวเลือกเข้าไปในซีรีส์เดี่ยวอย่าง Bandersnatch ก็จะทำให้ Netflix สามารถเข้าถึงอัลกอริทึ่มของผู้ชมได้ลึกกว่าเดิม ว่าผู้ชมของซีรีส์เรื่องนี้ส่วนมากอยากให้เนื้อเรื่องดำเนินไปในทิศทางไหน เพื่อนำไปต่อยอดเป็นเนื้อหา Original Series ของตัวเองได้
นอกจากการนำข้อมูลไปใช้กับ Product ของตัวเองแล้ว ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจดูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อหาของซีรีส์เลย อย่างการให้เลือกแบรนด์ซีเรียลเป็นอาหารเช้าให้ตัวละครหลัก ก็เป็นการเก็บเกี่ยวข้อมูลที่แฝงอยู่ในซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดย Netflix สามารถเก็บสถิติว่าผู้ชมส่วนมากชอบซีเรียลแบรนด์ไหนมากกว่า เพื่อนำไปขายให้กับแบรนด์นั้น ๆ หรืออาจจะทำรายได้จากการ tie-in สินค้าโดยตรงเลยก็ได้
ก้าวแรกของ Interactive Series ใน Netflix
อย่างไรก็ตาม การที่ Bandersnatch เป็นซีรีส์ “เรื่องแรก” ที่ทำออกมาเป็นซีรีส์แบบ Interactive ก็ทำให้มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง จนอาจทำให้ผู้ชมเสียอรรถรสในการรับชม เช่นการเลือกทางเดินที่ผิดแล้วซีรีส์บังคับให้ผู้ชมกลับมาเลือกทางเลือกใหม่ จนสุดท้ายเนื้อเรื่องไปจบลงที่จุดเดียวกัน ทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกกังขากับความเป็น interactive ของซีรีส์เรื่องนี้ไปบ้าง
แต่โดยรวมแล้ว Bandersnatch ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของซีรีส์ประเภท interactive ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันต่อว่าในซีรีส์เรื่องถัด ๆ ไปของ Netflix จะมีตัวเลือกมากขึ้น หรือจะมีฉากจบหลาย ๆ แบบรองรับให้ผู้ชมได้สนุกไปกับการกำหนดเนื้อเรื่องเองมากยิ่งขึ้นหรือไม่
ข้อมูลจาก: theverge