ในสมรภูมิ “สุกี้” ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งใน Red Ocean ที่ดุเดือดที่สุดของวงการร้านอาหารไทย การแข่งขันไม่ได้วัดกันแค่ที่รสชาติน้ำจิ้มหรือความหลากหลายของไลน์อาหารอีกต่อไป แต่คือ “โมเดลธุรกิจ” และ “ความเร็ว” ในการขยายตลาด และล่าสุด การเคลื่อนไหวที่สั่นสะเทือนวงการที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ยักษ์ใหญ่อย่าง MK Group ตัดสินใจโดดลงมาเล่นในตลาด Budget Buffet อย่างเต็มตัว ด้วย “เรือธงใหม่” ที่ชื่อว่า “โบนัส สุกี้” (Bonus Suki)
นี่ไม่ใช่แค่การเปิดแบรนด์ใหม่ แต่คือการประกาศ “เกมรบ” ครั้งสำคัญ ด้วยการปักธงเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน: จาก 16 สาขาภายในสิ้นปี 2568 สู่ 100 สาขาทั่วประเทศ ภายในไตรมาส 2 ปี 2570 และตั้งเป้ายอดขายรวมกว่า 3,600 ล้านบาทในปี 2569
คำถามสำคัญในมุมมองนักการตลาดคือ… ทำไม MK Group ถึงมั่นใจในการเติบโตแบบก้าวกระโดด (เติบโตกว่า 6 เท่าในเวลาไม่ถึง 2 ปี) ในตลาดที่การแข่งขันสูงลิบลิ่วเช่นนี้?
คำตอบไม่ได้อยู่ที่หน้าร้าน แต่อยู่ที่ “หลังบ้าน”

ถอดรหัส ‘โบนัส สุกี้’ ไม่ใช่แค่คุ้มค่า แต่คือ “โบนัส” ของประสบการณ์
คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า ตลาดบุฟเฟต์ยังคงแข็งแกร่ง และผู้บริโภคยุคนี้ต้องการ “มากกว่าแค่ความคุ้มค่า” แต่ยังมี “ช่องว่าง” ให้พัฒนา ทั้งในแง่คุณภาพ ความหลากหลาย และประสบการณ์ที่ดี
“โบนัส สุกี้” จึงถูกวาง Position ให้เป็น “โบนัสของคนไทย” ที่เข้ามาอุดช่องว่างนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะค้นพบ Product-Market Fit ได้อย่างรวดเร็ว
เพียง 4 เดือนแรกหลังเปิดให้บริการ ตัวเลขที่ออกมาถือว่าน่าสนใจ
- อัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำ (Repeat Rate) สูงถึง 25%
- สถิติการทานซ้ำสูงสุดของลูกค้าหนึ่งคนอยู่ที่ 37 ครั้ง
- ผลสำรวจความพึงพอใจสูงถึง 95% (ทั้งบริการ, พนักงาน, และความคุ้มค่า)
ตัวเลขเหล่านี้คือสัญญาณชัดเจนว่า “โบนัส สุกี้” ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่มาแล้วไป แต่คือโมเดลที่ “เวิร์ก” และพร้อมขยายผลทันที
วิเคราะห์กลยุทธ์ 6 Extra Bonus มากกว่า 6P ของการตลาด
สิ่งที่ Bonus Suki ใช้เป็นอาวุธในการสื่อสารและสร้างความแตกต่าง คือกลยุทธ์ “6 Extra Bonus” ซึ่งถ้ามองในมุมการตลาด มันคือการปรับแต่งส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) ให้เฉียบคมและตอบโจทย์ตลาด Budget Buffet โดยเฉพาะ
- Product: นี่คือจุดที่น่าสนใจมาก พวกเขาไม่ได้ขายแค่ “สุกี้” แต่มีเมนูมากกว่า 60 รายการ ทั้งติ่มซำ ของทานเล่น น้ำจิ้มเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือการสร้าง “เมนูซิกเนเจอร์” ที่เป็นตัวดึงดูด เช่น หมูนุ่มหมักไข่โบนัส, โรลปูอัดโบนัส และเครื่องดื่มสลัชชีชาไทย นี่คือการยกระดับ “ความหลากหลาย” ให้หนีห่างคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน
- Price: การตั้งราคาที่ 219 บาท และให้เวลาทานถึง 2 ชั่วโมง 15 นาที ถือเป็นการตั้งราคาเชิงจิตวิทยาที่ “เข้าถึงง่าย” และให้ความรู้สึก “คุ้มค่า” เพราะได้เวลานานกว่าคู่แข่งหลายเจ้าในตลาด
- People: นี่คือความได้เปรียบที่ชัดเจน การใช้ “ระบบเทรนนิ่งระดับ MK” มาตรฐานการบริการจึงถูกยกระดับให้สูงกว่าคู่แข่งในตลาด Budget อย่างชัดเจน สร้างประสบการณ์ที่สนุก อบอุ่น และเป็นกันเอง พร้อมนโยบายจ้างงานคนในท้องถิ่น ซึ่งช่วยสร้างความผูกพันกับชุมชนในพื้นที่ที่ขยายไป
- Promotion Bonus: นี่คือ “หมัดเด็ด” ที่สร้าง Engagement และความตื่นเต้น การจัด “ชั่วโมงโบนัส” แจกเมนูพิเศษฟรีทุกโต๊ะ วันละ 2 รอบ คือการ Gamify ประสบการณ์ มันสร้างความรู้สึก “พิเศษ” เป็น “โบนัส” จริง ๆ ตามชื่อแบรนด์ และกระตุ้นให้เกิดการพูดถึงในโซเชียลมีเดีย
- Place: กลยุทธ์การเลือกทำเลที่คมคายมาก คือการ “ปักหมุดทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองรอง” เน้นพื้นที่ชุมชนหนาแน่น นี่คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่า Bonus Suki ไม่ได้มาเพื่อแย่งชิงเค้กแค่ในกรุงเทพฯ แต่ต้องการเป็น “แบรนด์ระดับประเทศ” (Nationwide Brand) ตั้งแต่วันแรก
- Process: และนี่คือ “หัวใจ” ที่แท้จริง… ความพร้อมของระบบหลังบ้านที่ใช้มาตรฐานเดียวกับ MK Group
The Unfair Advantage เมื่อ “หลังบ้าน” คืออาวุธที่แท้จริง
คุณธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ MK Group พูดชัดเจนว่า ความพร้อมของโครงสร้างหลังบ้านคือสิ่งที่ทำให้ Bonus Suki “เติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด” และนี่คือ “ความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม” ที่คู่แข่งรายใหม่หรือแม้แต่รายเดิมในตลาดก็ยากที่จะต่อกรด้วย
ลองมาดู “คลังแสง” ที่ Bonus Suki ได้รับการสนับสนุนจาก MK Group
- Economies of Scale & Supply Chain: ด้วยประสบการณ์ 40 ปี และเครือข่ายร้านอาหารกว่า 600 สาขา ทำให้ MK Group มี “พลังในการจัดซื้อ” มหาศาลจากซัพพลายเออร์กว่า 1,000 ราย นี่คือเหตุผลที่ Bonus Suki สามารถนำเสนอเมนู 60+ รายการในราคา 219 บาทได้ โดยที่ยังมีกำไรและควบคุมคุณภาพได้
- Infrastructure (Kitchen & Logistics): นี่คือ Game Changer ของจริง MK Group มี “คลังสินค้าและครัวกลาง” ที่รองรับการขยายสาขาได้ถึง 1,000 สาขา พร้อมระบบโลจิสติกส์และรถขนส่งกว่า 500 คัน ที่สามารถส่งของได้ “ทุกวันทั่วไทย” นี่หมายความว่า Bonus Suki สามารถรักษา “ความสดใหม่” และ “ความสม่ำเสมอของรสชาติ” (Consistency) ได้ในทุกสาขาทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่สระบุรี ขอนแก่น หรือหาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของเชนร้านอาหารที่ขยายตัวเร็วเกินไป
- Speed to Market (Real Estate & Operation): การมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ห้างสรรพสินค้า (Robinson, Big C, Lotus’s) และนอกห้างทั่วประเทศอยู่แล้ว ทำให้การเจรจาพื้นที่และการเปิดสาขาใหม่ (1-2 สาขาต่อสัปดาห์) เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว บวกกับ “ระบบเทรนนิ่งมาตรฐาน MK” ที่เหมือนเป็นพิมพ์เขียว (Blueprint) ที่พร้อมคัดลอกและวางบุคลากรได้ทันที
Thumbsup มองว่า การเปิดตัว “โบนัส สุกี้” คือ Case Study ที่สมบูรณ์แบบของการใช้กลยุทธ์ “Flanker Brand”
MK Group ฉลาดพอที่จะไม่ลดราคาแบรนด์เรือธงอย่าง “MK Restaurants” ซึ่งครองตลาดพรีเมียมและกลุ่มครอบครัวไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่เลือกที่จะสร้าง “แบรนด์ใหม่” ลงมาสู้ใน “ตลาดใหม่” (Budget Segment) ที่กำลังเติบโตสูง เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแย่งชิงฐานลูกค้ากลุ่มนี้ไป
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคู่แข่งในตลาด Budget Buffet ไม่ใช่ “โบนัส สุกี้” ในฐานะแบรนด์หน้าใหม่ แต่คือ “โบนัส สุกี้” ในฐานะแบรนด์ลูกของ MK Group
การต่อสู้ครั้งนี้ จะไม่ได้วัดกันแค่โปรโมชั่นหน้าร้าน แต่คือการสู้กันด้วย “ประสิทธิภาพของระบบหลังบ้าน” ซึ่ง MK ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศที่พร้อมรองรับการขยายตัวหลักร้อยสาขาไว้เรียบร้อยแล้ว
แผน 100 สาขาภายใน Q2 ปี 2570 จึงไม่ใช่แค่ “เป้าหมายที่ทะเยอทะยาน” แต่มันคือ “แผนปฏิบัติการ” ที่ตั้งอยู่บนความพร้อมของเครื่องจักรสงครามที่ชื่อว่า MK Group
นี่คือเกมที่ “โบนัส สุกี้” ถูกส่งลงสนาม โดยมีแต้มต่อมหาศาลอยู่ในมือตั้งแต่ยังไม่เริ่มนับคะแนน… และแน่นอนว่า สมรภูมิสุกี้รอบนี้ “ดุเดือด” ยิ่งกว่าเดิมแน่นอน



