Commy

ในยุคที่ราคาสมาร์ทโฟนเรือธงทะยานไปแตะครึ่งแสน และเทรนด์ “Circular Economy” (เศรษฐกิจหมุนเวียน) ไม่ใช่แค่คำสวยหรูอีกต่อไป แต่กลายเป็นพฤติกรรมหลักของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่มองหาความคุ้มค่าและความยั่งยืน ตลาดหนึ่งที่เติบโตเงียบ ๆ แต่มีมูลค่ามหาศาลก็คือ ตลาด “After-Sales Service” หรือบริการซ่อมบำรุง

พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปชัดเจน จากการ “ซื้อใหม่” (Replace) มาเป็นการ “ซ่อมแซม” (Repair) เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องเดิมให้นานที่สุด ยิ่งปัจจัยด้านราคาสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ทำให้คนใช้เครื่องเดิมนานขึ้นจริง ๆ

และเมื่อพูดถึงการ “ซ่อม” ปัญหาที่คลาสสิกที่สุด 90% หนีไม่พ้น “แบตเตอรี่เสื่อม” และ “หน้าจอแตก”

นี่คือสมรภูมิที่ Commy (คอมมี่) แบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่และอุปกรณ์เสริมมากว่า 30 ปี กำลังกระโดดลงมาเล่นอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ “Commy Care – Battery Service Center”

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่แค่การ “เปิดร้านซ่อม” แต่คือการ “สร้างมาตรฐานใหม่” ให้กับตลาดที่เต็มไปด้วย Pain Point

Commy

เจาะลึก “ช่องว่างตลาด” ที่ Commy มองเห็น

ในฐานะคนทำการตลาด เราต้องวิเคราะห์ “Pain Point” ของผู้บริโภคก่อน ว่าทำไมตลาดนี้ถึงยังมีช่องว่างมหาศาล

ที่ผ่านมา เมื่อสมาร์ทโฟนของเรามีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่ ผู้บริโภคมีทางเลือกหลัก ๆ อยู่ 2 ทาง ซึ่งต่างก็มีข้อดี-ข้อเสียที่ชัดเจน

  • ศูนย์บริการของแบรนด์ (Official Center)
    • ข้อดี: น่าเชื่อถือสูงสุด ได้อะไหล่แท้แน่นอน มีการรับประกัน
    • ข้อเสีย: ราคาสูงมาก (อาจแพงกว่า 50-60%) และที่สำคัญคือ “ช้า” ต้องทิ้งเครื่องไว้หลายวัน สร้างความลำบากให้คนทื่ต้องใช้มือถือทำงาน
  • ร้านซ่อมทั่วไป (ร้านตู้ / Local Shops)
    • ข้อดี: “เร็ว” (บางครั้งรอรับได้เลย) และ “ราคาถูก”
    • ข้อเสีย: “ขาดความน่าเชื่อถือ” อย่างรุนแรง ผู้บริโภคต้องลุ้นว่า อะไหล่ที่ได้เป็นของแท้หรือไม่? แบตเตอรี่มีมาตรฐานหรือเปล่า? ช่างจะแอบสับเปลี่ยนอะไหล่ภายในเครื่องหรือไม่?

Commy เห็นช่องว่างตรงกลางนี้ คือ “ความต้องการบริการที่ เร็ว + น่าเชื่อถือ + ราคาเข้าถึงได้” นี่คือจุดที่ Commy Care ถูกวาง Position ไว้ให้เป็น “ทางเลือกที่สาม” ที่ดึงจุดแข็งของทั้งสองตลาดมาเจอกัน

Commy

ถอดรหัสโมเดล “Commy Care” ไม่ใช่แค่ “ซ่อม” แต่คือ “บริการระดับเหนือกว่า”

Commy ไม่ได้แค่ขายแบตเตอรี่แล้วรับจ้างเปลี่ยน แต่กำลังสร้าง “แพลตฟอร์มบริการ” (Service Platform) ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนแบตอย่างเหนือระดับ โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ” ลองมาดูส่วนประกอบของโมเดลนี้ทีละส่วน

1. Trust in Product: ความน่าเชื่อถือที่สร้างมา 30 ปี

นี่คือสินทรัพย์ที่แพงที่สุดที่ Commy มี คือ “Brand Equity” ที่สั่งสมมา 30 ปี เมื่อพูดถึง “แบตเตอรี่ Commy” ผู้บริโภคมีความมั่นใจในระดับหนึ่งอยู่แล้ว Commy Care ต่อยอดสิ่งนี้ด้วยการชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าร้านตู้ทั่วไปอย่างชัดเจน

  • มาตรฐาน มอก.: Commy เป็นแบรนด์แรกในไทยที่จำหน่ายแบตเตอรี่ขั้วแท้ที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) นี่คือ “ตัวฆ่า” ร้านตู้ที่ใช้แบตเตอรี่โนเนม เพราะมันคือการการันตีความปลอดภัย
  • ทางเลือกที่หลากหลาย: มีทั้งแบตเตอรี่มาตรฐาน และแบตเตอรี่รุ่นเพิ่มความจุ (High-Capacity) ตอบโจทย์คนใช้งานหนัก
  • การรับประกัน: รับประกันสินค้านาน 1 ปีเต็ม ทั้งแบตเตอรี่และหน้าจอ สร้างความมั่นใจที่เทียบเท่าศูนย์บริการ

2. Trust in Service: สร้างมาตรฐาน “ช่างผู้เชี่ยวชาญ”

Commy Care พยายามแก้ปัญหา “ความกลัวช่าง” ของผู้บริโริโภค โดยระบุชัดเจนว่าบริการทั้งหมดจะดูแลโดย “ช่างผู้เชี่ยวชาญ” ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันพันธมิตร นี่คือการยกระดับมาตรฐานการบริการ (Service Standardization) ให้ทุกสาขามีคุณภาพเดียวกัน

3. The Killer USP: ความเร็ว 30 นาที และ ราคาที่เข้าถึงได้

นี่คือหมัดฮุกที่ Commy ใช้สู้กับ Official Center โดยตรง

  • ความเร็ว: Commy Care ชูจุดขายว่าสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่และหน้าจอได้ ภายใน 30 นาที นี่คือความเร็วระดับร้านตู้ แต่ได้มาตรฐานระดับแบรนด์
  • ราคา: ถูกกว่าศูนย์บริการของแบรนด์ประมาณ 50-60%

เมื่อรวม 3 องค์ประกอบนี้ (สินค้ามี มอก. + ช่างมาตรฐาน + 30 นาที) มันจึงกลายเป็น Value Proposition ที่แข็งแกร่ง

Go-to-Market Strategy กลยุทธ์ O2O และการสเกลแบบ “ป่าล้อมเมือง”

การมีบริการที่ดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องเข้าถึงลูกค้าให้ได้ด้วย Commy วางกลยุทธ์การเข้าถึงตลาด (Go-to-Market) ไว้น่าสนใจ

1. กลยุทธ์ Online-to-Offline (O2O) ที่ไร้รอยต่อ

Commy ไม่ได้รอให้ลูกค้าเดินเข้าหน้าร้าน (Walk-in) อย่างเดียว แต่ใช้จุดแข็งของการเป็นแบรนด์ที่อยู่บนโลกออนไลน์อยู่แล้ว

  • ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ “บริการ” ผ่านช่องทาง E-Commerce ที่คุ้นเคยอย่าง Shopee, Lazada และ TikTok
  • จากนั้น แค่ถือเครื่องไปที่สาขา Commy Care ที่สะดวก เพื่อรับบริการติดตั้งได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

กลยุทธ์ O2O นี้น่าจะสนใจ เพราะ

  • ลดแรงเสียดทาน (Friction): ลูกค้าชำระเงิน จบดีลบนแพลตฟอร์มที่คุ้นเคย
  • ใช้ประโยชน์จาก Traffic: ได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิมบน E-Marketplace
  • สร้างความสะดวก: ลูกค้าเลือกสาขาและเวลาที่สะดวกได้เอง

2. กลยุทธ์การขยายสาขา (Expansion) แบบ 3 แกน

เป้าหมายของ Commy คือ 50 สาขาทั่วประเทศภายใน 3 ปี ซึ่งถือว่าท้าทายมาก พวกเขาวางแผนขยายผ่าน 3 รูปแบบหลัก เพื่อให้สเกลได้เร็ว

  1. Commy Owner: สาขาที่บริษัทลงทุนเอง เน้นห้างฯ ใจกลางเมือง หรือย่านชุมชนหนาแน่น เพื่อสร้าง Brand Awareness และเป็น Flagship
  2. Partner (Shop-in-Shop): การไปร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์อื่น ๆ (เช่น ที่เห็นใน Betrend ของ The Mall) เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
  3. Dealer / Franchise: การใช้โมเดลแฟรนไชส์และตัวแทนจำหน่าย เพื่อบุกไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ นี่คือกลยุทธ์ที่จะทำให้สเกลได้เร็วที่สุด

Commy

เดิมพันครั้งใหญ่ที่อาจเปลี่ยนโครงสร้างรายได้

สิ่งที่ตอกย้ำว่า Commy “เอาจริง” กับธุรกิจนี้ คือตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ นางสาวอรปรียา มโนวิลาส รองประธานกรรมการ บริษัท คอมมี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คาดการณ์ว่า ธุรกิจใหม่ (Commy Care) นี้ จะสามารถ สร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วน 45-50% ของรายได้รวมทั้งหมด ภายใน 3 ปีข้างหน้า

จากตัวเลขปัจจุบันที่อยู่ราว 3% การตั้งเป้าหมายไว้ที่เกือบครึ่งหนึ่งของพอร์ตบริษัทภายใน 3 ปี หมายความว่านี่ไม่ใช่ “ธุรกิจเสริม” แต่คือ “การ Pivot” ครั้งสำคัญของ Commy

พวกเขาเดิมพันว่าอนาคตของบริษัท ไม่ได้อยู่ที่การ “ขายของ” (Product) แต่อยู่ที่การ “ขายบริการ” (Service) โดยมีผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นหัวใจสำคัญ

Thumbsup มองว่า การเคลื่อนไหวของ Commy ในครั้งนี้ เป็น Case Study ที่น่าสนใจอย่างยิ่งในแง่ของการตลาดและการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่

  1. Leveraging Core Asset: Commy ฉลาดในการใช้ “ความน่าเชื่อถือ” (Trust) ที่สั่งสมมา 30 ปีในตลาดแบตเตอรี่ มาเป็นใบเบิกทางในการเข้าสู่ตลาด “บริการ” ที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
  2. Productizing a Service: พวกเขาไม่ได้แค่ซ่อม แต่กำลัง “สร้างผลิตภัณฑ์บริการ” (Productizing a Service) ที่มีมาตรฐานชัดเจน (มอก., 30 นาที, ประกัน 1 ปี, ช่างเชี่ยวชาญ) ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังซื้อ “แพ็คเกจ” ที่คุ้มค่าและวัดผลได้ ไม่ใช่การ “วัดดวง” กับร้านซ่อม
  3. Blue Ocean Strategy (in plain sight): ตลาดซ่อมมือถือไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การ “สร้างแบรนด์” ให้กับบริการซ่อมระดับ Third-Party ที่ได้มาตรฐานและสเกลได้ทั่วประเทศ ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จ Commy กำลังพยายามเป็นเจ้าแรกที่ยึดน่านน้ำนี้
  4. Tackling “Right to Repair”: โมเดลนี้ตอบรับกระแส “Right to Repair” หรือสิทธิในการซ่อมแซมของผู้บริโภคทั่วโลก ที่ต้องการซ่อมอุปกรณ์ของตนเองในราคาที่เป็นธรรม โดยไม่ต้องถูกผูกขาดโดยแบรนด์เจ้าของ

อย่างไรก็ตามความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของ Commy หลังจากนี้ คือ “การรักษามาตรฐานบริการ” (Service Quality Control) โดยเฉพาะเมื่อสเกลธุรกิจผ่านโมเดลแฟรนไชส์ไปถึง 50 สาขา การควบคุมคุณภาพ “ช่างผู้เชี่ยวชาญ” ให้ได้มาตรฐานเดียวกันในทุกที่จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะตัดสินว่าโมเดลนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว

แต่หากทำสำเร็จ Commy จะไม่ได้เป็นแค่ “ราชาแบตเตอรี่” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “แพลตฟอร์มบริการหลังการขาย” ที่น่ากลัวที่สุดในตลาด และนี่คือเกมที่จะเปลี่ยนภูมิทัศน์การซ่อมมือถือในไทยไปอย่างสิ้นเชิง

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: