สำหรับใครที่อาจยังไม่คุ้นกับชื่อ Postmates นั้น Postmates เป็นสตาร์ทอัปที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ “แอนตี้ Amazon” เนื่องจาก Amazon ทำธุรกิจโดยการสร้างคลังสินค้าเอาไว้นอกเมือง ซึ่งทำให้ร้านที่จะขายกับ Amazon ต้องมีการจัดส่งสินค้าไปยังคลังสินค้า Amazon ก่อน จึงจะสามารถขายให้กับผู้ซื้อได้ แต่สำหรับ Postmates นั้นมองว่า ตัวเมืองต่างหากคือคลังสินค้าชั้นดี และระบบของ Postmates ก็สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยในการจัดการนำสินค้าจากร้านไปส่งให้กับลูกค้า เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว
โดย Postmates เปิดตัวตั้งแต่ปี 2011 และสามารถทุบสถิติมีการส่งสินค้าได้มากกว่า 1 ล้านครั้งไปเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีพนักงานส่งสินค้าแล้วกว่า 13,000 คน
ส่วน Ford นั้นแน่นอนว่าในการผลิตรถยนต์ยุคใหม่ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญนอกจากเรื่องของการขับเคลื่อนด้วยตัวเองแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องประสบการณ์ในการใช้งาน ซึ่งทำให้ Ford ค่อนข้างจริงจังกับโครงการนี้เป็นอย่างมาก เพราะ Ford มองว่าตนเองต้องเข้าใจทั้งภาพรวมและภาพลึกของสิ่งที่ลูกค้า – พ่อค้าแม่ขาย ต้องการให้เกิดขึ้น ณ จุดรับส่งสินค้า เพื่อให้เกิดประสบการณ์ในการจัดส่งสินค้าที่ทุกฝ่ายพอใจ ไม่ว่าสินค้านั้นจะเป็นพิซซ่า หรือสินค้าทั่วไป
ยกตัวอย่างสิ่งที่ Ford พบในการพาร์ทเนอร์กับ Domino’s Pizza เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ Ford ได้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคหลายประการ เช่น ในหน้าร้อน ผู้ซื้อมักจะเดินเท้าเปล่าออกมารับ ซึ่งทำให้บางครั้งลูกค้าจะเดินมาถึงรถช้ากว่าปกติ เพราะพื้นถนนมันร้อนมากนั่นเอง หรือในลูกค้าบางราย พวกเขาอาจเผลอกล่าวคำอำลากับเจ้ารถไร้คนขับออกมาด้วย ในจุดนี้ Ford จะนำไปพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้บริการของตนเองนั้นสามารถสร้างความสุขให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
โดยทั้ง Ford และ Postmates ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือต้องการจะปลดล็อกเมืองในเรื่องการเดินทาง และทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้รับประสบการณ์ที่ดีมากกว่าเดิม
ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์อัตโนมัตินั้น มีการคาดการณ์จาก IHS ระบุว่า ตลาดนี้จะเติบโตและสามารถทำยอดขายได้สูงกว่า 30 ล้านคันภายในปี 2040 เลยทีเดียว โดยในจำนวนนี้ มากกว่าครึ่งจะมาจากยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Fortune , Postmates Wikipedia