เมื่อการค้าขายออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยอุปกรณ์ทั่วไปที่ทุกคนมีติดตัว ทำให้ในปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์เติบโตขึ้นมากมาย ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการก็ยังเพิ่มขึ้นแบบตามกันมาติด ๆ

และเมื่อเกิดกระบวนการซื้อ-ขายมากขึ้น หลาย ๆ คนอาจจะพบเจอกับปัญหามากมายในการจัดการสินค้า เช่น ไม่มีที่จัดเก็บสินค้าที่เหมาะสม หรือเสียเวลาต่อแถวเวลาไปส่งของให้ลูกค้า ทำให้การจัดการดูยุ่งยาก และล่าช้าไปหมด

วันนี้ thumbsup จึงจะมาแนะนำให้รู้จักกับบริการ Fulfillment เพื่อนคู่ใจที่จะทำให้พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ สามารถขายของได้อย่างสะดวกสบาย และเป็นระบบยิ่งขึ้นกันครับ

บริการ Fulfillment คืออะไร?

Fulfillment คือ บริการ ‘สต็อก’ หรือ ‘คลังสินค้า’ ในรูปแบบออนไลน์ โดยผู้ให้บริการ Fulfillment จะทำหน้าที่ในการดูแลจัดเก็บสินค้า และส่งสินค้าให้ลูกค้าตามออเดอร์ที่ร้านค้าส่งมาให้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนการทำงานง่าย ๆ ดังนี้

  1. จัดเก็บสินค้า (Stock) ทำการจัดเก็บสินค้าให้กับร้านค้าอย่างเป็นระเบียบในพื้นที่ของผู้ให้บริการ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลและจัดส่ง โดยการจัดเก็บจะมีทั้งสำหรับสินค้าทั่วไป ไปจนถึงสินค้าที่ต้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม (เช่น ต้องแช่เย็น)
  2. แพ็กตามออเดอร์ (Pack) เมื่อมีออเดอร์จากลูกค้า ผู้บริการจะทำการแพ็กสินค้าตามข้อมูลออเดอร์ที่ได้รับทันที
  3. จัดส่งพัสดุ (Ship) หลังจากทำการแพ็กสินค้าเรียบร้อยแล้ว ผู้ให้บริการ Fulfillment จะทำการส่งสินค้าไปยังลูกค้า โดยที่ร้านค้าไม่ต้องแวะเข้ามาทำการจัดส่งด้วยตัวเอง

หมายเหตุ ผู้ให้บริการบางแห่ง อาจมีบริการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytic) ออเดอร์ในแต่ละเดือน และรายงานให้กับร้านค้า เพื่อให้ทางร้านนำไปประกอบการวางแผนเพื่อส่งเสริมการขายในอนาคตได้

หลักการคิดค่าบริการ

การคำนวนค่าบริการ Fulfillment ของผู้ให้บริการแต่ละเจ้าจะมีความแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วจะมีปัจจัย ดังนี้ (ข้อมูลการคำนวนค่าบริการอ้างอิงจาก : SCG Logistic)

  • พื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า​ (รายเดือน)
  • จำนวนออเดอร์เฉลี่ย (ต่อเดือน)
  • จำนวนสินค้าเฉลี่ย (ต่อออเดอร์)
  • ขนาดและประเภทของกล่องบรรจุสินค้า

*หรืออาจมีค่าบริการอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ

จุดเด่นของบริการ Fulfillment

  • ประหยัดเวลา ไม่ต้องทำงานที่ยุ่งยากด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลจัดเก็บสินค้า แพ็ก/ส่งสินค้า ทำให้มีเวลาไปลงแรงกับการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย หากธุรกิจเติบโตขึ้น แน่นอนว่าสต็อกสินค้าจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย การใช้บริการ Fulfillment จะช่วยลดต้นทุนในการสร้างและดูแลคลังสินค้าได้อย่างมาก
  • สะดวกสบายมากขึ้น ช่วยให้ขั้นตอนการจัดส่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องดูแลเองทุกขั้นตอน
  • ทำงานเป็นระบบมากขึ้น สามารถจัดการและตรวจสอบทุกขั้นตอนได้ทางออนไลน์ ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน

สรุปได้ว่า บริการ Fulfillment เป็นบริการที่เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กถึงกลางที่กำลังเติบโต และมีสินค้าที่ต้องจัดการเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถลงทุนกับการทำคลังสินค้าของตัวเองได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการแต่ละแห่งก็จะมีบริการและการคำนวนค่าบริการที่แตกต่างกันออกไป ก่อนจะใช้บริการก็อย่าลืมอ่านข้อตกลงให้ดี ๆ ด้วยนะครับ

ข้อมูลจาก : Page365, Akitahub, SCG Logistic

A Graphic Designer who loves dog and foods.