นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ร่วมกันเปิดเผยถึงมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2  เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ขยายวงกว้างขึ้น

สรุปมาตรการดูแลและเยียวยา “แรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบ ประกันสังคม” ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) 

เพิ่มสภาพคล่อง

1.สนับสนุนเงินคนละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน

  •   เงินเยียวยาแรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว และอาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ได้รับผลกระทบจากการปิดพื้นที่
  •   จำนวน 3 ล้านคน

สำหรับผู้อยู่ในระบบประกันสังคม

  • เพิ่มสิทธิกรณีว่างงาน 50% ของค่าจ้าง

1.กรณีนายจ้างไม่ให้ทำงาน รับเงิน ไม่เกิน 180 วัน

2.กรณีรัฐสั่งหยุด รับเงินไม่เกิน 90 วัน

2.สินเชื่อฉุกเฉิน 10,000 บาทต่อราย

  •   วงเงินรวม 40000 ล้านบาท
  •   วงเงินต่อรายไม่เกิน 10,000 บาท คิด
  •   ดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.10% ต่อเดือน

3.สินเชื่อพิเศษ 50,000 บาทต่อราย

  •   วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท
  •   วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท
  •   อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.35% ต่อเดือน

4.สนง. ธนานุเคราะห์รับจำนำดอกเบี้ยต่ำ

  •   วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท
  •   ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.125% ต่อปี

ลดภาระ

5.ยืดการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  •   เลื่อนกำหนดเวลาการยื่นแบบการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไปเป็นสิงหาคม 2563

6.หักลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น

  •   เพิ่มวงเงินลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพจาก 15,000 เป็น 25,000 บาท

7.ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าเสี่ยงภัยให้บุคลากรณ์ทางการแพทย์

เพิ่มทักษะ

8.ฝึกอบรมมีเงินใช้

  •   ฝึกอบรม เพิ่มทักษะอาชีพหรือจัดกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงนักศึกษาที่ยังหางานไม่ได้
  •   ขยายเครือข่ายฝึกอบรม เช่น มูลนิธิโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นต้น