Site icon Thumbsup

มองเกมการเข้ามาของ GrabPay Wallet ตีตลาด Payment แล้วใช้จ่ายอะไรได้บ้าง

Grab บริการเรียกรถโดยสารและขนส่ง เพิ่งเปิดตัว GrabPay Wallet (แกร็บ เพย์ วอลเลต) ไปไม่นาน ซึ่งในแง่มุมของธุรกิจก็อาจจะช่วยเรื่องการใช้จ่ายแบบกระเป๋าเงินอัจฉริยะให้มีความสะดวกสบายขึ้น แต่ในมุมของผู้บริโภคย่อมอยากทราบว่าจะนำไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง และเข้ามาช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นอย่างไร วันนี้ thumbsup จะมาเผยรายละเอียดกัน

ที่มาที่ไปของวอลเลต

คนที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับกระเป๋าเงินอัจฉริยะหรือวอลเลตของแกร็บ จะทราบมาสักพักแล้วว่า แกร็บพยายามผลักดันเรื่องกระเป๋าเงินนี้มาโดยตลอด สำหรับผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น โดยจะมีส่วนลด โปรโมชั่นพิเศษ ของแถมต่างๆ เพื่อให้คนเติมเงินเข้าไปในกระเป๋าเงินนี้ และหักยอดเงินเหมือนบัตรเติมเงินในร้านกาแฟ Starbuck ที่ผู้ใช้จ่ายทั่วโลกใช้งานกันอย่างแพร่หลายมาก

ไม่ใช่แค่แกร็บเท่านั้นที่พยายามผลักดันกระเป๋าเงินอัจฉริยะนี้ เพราะเกือบทุกแอพพลิเคชั่นพยายามที่จะกระตุ้นให้คนที่มีและไม่มีบัตรเครดิต เลือกใช้บริการนี้ เพราะนั่นหมายถึงยอดเงินจำนวนมากจะเข้ามาอยู่ในระบบของผู้ให้บริการก่อน และค่อยหักยอดเงินออก การให้บริการแบบนี้จะทำให้ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นมีเงินอยู่ในมือและนำไปใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือค่าใช้บริการให้กับทางพาร์ทเนอร์ ซึ่งถือเป็นข้อดีและยังนำเงินไปหมุนใช้ในด้านอีโคซิสเต็มอื่นๆ ได้ด้วย

แม้ว่าคนไทยบางกลุ่มจะมีบัตรเครดิตใช้จ่ายกันหลายใบ แต่ก็ต้องยอมรับว่า 93% ของการใช้จ่ายภายในประเทศยังคงเป็นเงินสด แม้หลายธนาคารพยายามที่จะจัดโปรโมชั่นกระตุ้นให้คนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกันมากขึ้น แต่หากเปรียบเทียบเงินเดือนและสิทธิพิเศษที่คนถือบัตรได้รับ เรียกว่ามีการแบ่งชนชั้นกันสูงมาก

โดยคนที่มีฐานเงินเดือน 15,000 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษขั้นพื้นฐาน ต่างจากคนที่มีฐานเงินเดือน 150,000 บาทที่คุณจะเป็นอีกระดับ และได้รับการดูแลระดับพรีเมียมจากบัตรเครดิตระดับทั่วไป อีกทั้งคนไทยเริ่มมีค่าครองชีพสูง เงินเหลือในบัญชีน้อยกว่าอัตราที่ธนาคารจะปล่อยบัตร ยิ่งตอกย้ำให้ผู้ถือบัตรเครดิตน้อยลงไปอีก

ดังนั้น โอกาสของผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นที่ต้องการจะกวาดผู้มีฐานรายได้ต่ำกว่า 150,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นฐานหลักของประเทศไทย การเปิดวอลเลต จึงเป็นทางเลือกที่ไม่ว่าใครก็ต้องลงมาทำบริการนี้ แม้กระทั่งภาครัฐที่งัดกลยุทธ์ ชิม ช้อป ใช้ ขึ้นมากระตุ้นพฤติกรรมให้คนอยากใช้จ่ายมากขึ้น และเข้าใจรูปแบบการใช้จ่ายแบบวอลเลตมากขึ้น (ไม่ดราม่าการเมืองกันเนอะ)

 

ทุกแอพพยายามที่จะเป็น “ซูเปอร์แอพ”

ไม่รู้ว่าความหมายของ “ซูเปอร์แอพ” ที่ทุกบริการแอพพลิเคชั่น พยายามที่จะนำมาครอบแบรนด์ของตนเองนั้น เกิดขึ้นจากจุดไหน จะกลายเป็นแค่คำพูดเท่ๆ (เหมือนคำว่าสตาร์ทอัพ = ขายตรง) หรือเกิดได้จริง ไม่ใช่แค่แนวคิดที่แต่ละคนจะคิดกันมาได้ เพราะการทำให้เกิดขึ้นได้จริงนั้น “ไม่ง่าย”

ถ้าให้จินตนาการคำว่า “ซูเปอร์แอพ” แล้ว คุณผู้อ่านคิดว่า ใครจะไปถึงฝั่งฝันได้ก่อนกันคะ LINE, GRAB หรือ LAZADA แต่ความตลกอย่างหนึ่งที่คิดได้คือ ทั้ง 3 บริการจะมี KBANK ไปเป็นส่วนร่วมในระบบหลังบ้านทั้งสิ้น

เพียงสัปดาห์เดียว เราได้เห็น LINE BK และ แกร็บเพย์ วอลเล็ต พาวเวอร์ บาย เคแบงก์ ยังไม่นับบริการทางออนไลน์อื่นๆ ที่ KBANK พยายามเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อกลายเป็นผู้ครองฐานลูกค้าประเทศไทยทั้งหมดผ่านไลฟ์สไตล์

ถือว่าเป็นเรื่องดีที่บริการเหล่านี้มีธนาคารใหญ่เข้ามาเป็นส่วนเสริมในการ “อุ้ม” ธุรกิจ ที่อย่างน้อยผู้บริโภคที่จะตัดสินใจใช้ “วอลเลต” ของค่ายใด ก็มั่นใจได้ว่า เงินฝากของฉันยังอยู่ภายใต้บัญชีของ KBANK

กลับมาที่เรื่องของ GRAB ที่พยายามผลักดันตนเองให้เป็น ซูเปอร์แอพ ด้วยการขยายงานบริการจากเรียกรถยนต์โดยสาร เรียกแท็กซี่ ส่งอาหาร ส่งสินค้า ซึ่งตอนนี้ทุกบริการรวมกันก็มีผู้ใช้งานแตะ 120 ล้านครั้ง ในระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา

แน่นอนว่า แกร็บ ยังคงมีความพยายามที่จะต่อยอดบริการไปในด้านการใช้ชีวิตต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อความเป็นออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน เพื่อให้ใช้จ่ายได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น

 

แกร็บเพย์ จะเกิดได้อย่างไร

จากการให้ข่าวของ คุณวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บเพย์ ประจำประเทศไทย แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป แต่มีประสบการณ์จากสายการเงินดิจิทัลจากธนาคารดัง (เดิมเคยอยู่ทีม Krungsri มาก่อน) ซึ่งก็มั่นใจว่าจะปั้นบริการนี้ให้เติบโตได้

ด้วยกระแสการตอบรับด้านอีเพย์เม้นท์ ทำให้แกร็บเพย์โตขึ้น 3 เท่า หลังเปิดทดลองให้บริการมาเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา (โปรโมชั่นมาทุกวัน ไม่โตก็แย่แล้วจ้า) ส่งผลให้ แกร็บเพย์ กลายเป็นบริการทางการเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในขณะนี้ ปริมาณธุรกรรมบนแกร็บเกินกว่า 40% เป็นการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด และในอนาคตก็เตรียมต่อยอดร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการใช้จ่ายผ่านร้านค้าชั้นนำได้ด้วย ซึ่งมีสินค้าอะไรที่นำแกร็บวอลเลตไปใช้จ่ายได้ มาดูกัน

หน้าร้านที่รองรับบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต:

ทั้งนี้ บริการของแกร็บไม่ได้จำกัดอยู่แต่การเรียกรถหรือการสั่งอาหารเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงบริการจากพาร์ทเนอร์ร้านค้าหลายประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบันเทิง ไลฟ์สไตล์ และอื่นๆ อีกมากมาย (ร้านเหล่านี้ยังไม่เคยลอง เดี๋ยวมารีวิวอีกที)

3 เซเลปคนดัง ที่จะมาชวนคุณ “กด” GRAB PAY Wallet กันจ้า

สิทธิประโยชน์สำหรับคนที่เปิดใช้แกร็บเพย์ วอลเลต คือ จะได้รับแกร็บรีวอร์ดส เพิ่มขึ้น 3 เท่าทุกการใช้บริการแกร็บ หรือรับเงินคืนจากร้านค้าสูงสุด 20% เมื่อใช้จ่ายผ่าน QR Code ในร้านค้าที่ร่วมรายการ

ส่วนคุณผู้อ่านท่านใดที่ได้ทดลองใช้บริการแกร็บเพย์วอลเลตแล้ว รู้สึกชอบหรือไม่อย่างไร ลองร่วมวิเคราะห์กันได้ ในมุมของผู้เขียนเอง รู้สึกว่าทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้จับเงินสดแล้ว (ไม่ใช่รูดแต่บัตรเครดิตนะ คือไม่มีเงินใช้แล้วน่ะ ฮือออออ) การเข้ามาของบริการวอลเลตก็น่าจะช่วยสร้างเทรนด์ Cashless Society ให้เกิดขึ้นในไทยได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ใช้เวลาเปลี่ยนพฤติกรรมถึง 5 ปี ของไทยน่าจะเร็วกว่านั้น

เรียกว่าเป็นการเติบโตด้านพฤติกรรมทางดิจิทัลได้อย่างดีและน่าสนใจทีเดียวนะคะ