ในยุคที่ สุขภาพ ไม่ใช่แค่เรื่องของการเข้ายิมไปยกเหล็กหรือวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าเพียงลำพัง แต่กลายเป็น ไลฟ์สไตล์ และ คอมมูนิตี้ ที่ผู้คนโหยหาการยอมรับและการมีส่วนร่วม มีหนึ่งปรากฏการณ์ที่กำลังสั่นสะเทือนวงการฟิตเนสทั่วโลก รวมถึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่ที่นักการตลาดแบรนด์ดังระดับโลกพากันรุมจีบ นั่นคือ Hyrox
หากจะถามว่า Hyrox ฮอตแค่ไหน? คำจำกัดความจากผู้บริหารแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์รายหนึ่งบอกไว้ชัดเจนว่า มันเหมือนคอนเสิร์ต Taylor Swift ในเวอร์ชันฟิตเนส ที่บัตรขายหมดในไม่กี่นาที และมีพลังขับเคลื่อนทางโซเชียลมีเดียที่สูงจนน่าตกใจ วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าทำไมการแข่งขันฟิตเนสประเภทนี้ถึงกลายเป็นขุมทรัพย์ใหม่ที่แบรนด์ที่ไม่ใช่สินค้ากีฬาโดยตรงต่างต้องการเข้าไปมีส่วนร่วม

Hyrox คืออะไร? ทำไมถึงเข้าถึงใจ “ทุกคน”
Hyrox เริ่มต้นครั้งแรกที่เยอรมนีในปี 2017 ก่อนจะขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปและอเมริกา รูปแบบการแข่งขันคือการผสมผสานระหว่างการวิ่ง 1 กิโลเมตร สลับกับสถานีออกกำลังกายแบบ Functional 8 สถานี (เช่น Sled Push, Burpees, Wall Balls) ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 8 รอบ
สิ่งที่ทำให้ Hyrox แตกต่างจาก Ironman หรือ Spartan Race ที่อาจดู ไกลเกินเอื้อม สำหรับคนทั่วไป คือแนวคิด A sport for everybody, and every body ของ Enno Eller ผู้อำนวยการฝ่ายขายระดับโลกของ Hyrox เขาเชื่อว่านี่คือการหยิบเอาการเคลื่อนไหวพื้นฐาน 7 อย่างของร่างกายมนุษย์มาทำให้กลายเป็นการแข่งขันที่ทุกคนสามารถพิชิตได้ ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหน ขอแค่มีความพยายาม การสร้างความรู้สึกว่า ฉันก็ทำได้ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้คนเข้าร่วมหลักล้านคนทั่วโลก
การเปลี่ยนผ่านของสปอนเซอร์กีฬาสู่ Lifestyle
ในช่วงเริ่มต้น Hyrox ได้รับความสนใจจากแบรนด์กีฬาอย่าง Puma หรือ Red Bull ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวงการกีฬา แต่สิ่งที่น่าสนใจในฤดูกาล 2025-2026 คือการตบเท้าเข้ามาของแบรนด์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกีฬาเลย เช่น AirAsia (สายการบิน), Cigna (ประกันสุขภาพ), BYD (รถยนต์ไฟฟ้า) หรือแม้แต่ USAA (บริการทางการเงิน)
ทำไมแบรนด์เหล่านี้ถึงยอมจ่าย? คำตอบอยู่ที่ คุณภาพของกลุ่มเป้าหมาย
- ค่าเฉลี่ยอายุ 33 ปี: เป็นช่วงอายุที่มีกำลังซื้อสูงสุด
- ใช้เวลาในสนามนาน: ผู้เข้าร่วมใช้เวลาเฉลี่ย 4.5 ชั่วโมงในงาน ซึ่งหมายถึงโอกาสที่แบรนด์จะได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้านานกว่าโฆษณาออนไลน์ทั่วไปหลายเท่า
- กำลังซื้อสูง: นักแข่งเหล่านี้ยินดีจ่ายเงินหลักหลายร้อยเหรียญต่อปีเพื่อสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์
หากเราเทียบกับข้อมูลจากบริษัทวิจัยต่าง ๆ ชี้ให้เห็นว่า การเข้าไปอยู่ในที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนและมีความภักดีสูงอย่าง Hyrox จึงเป็นกลยุทธ์ Micro Wins หรือการเจาะกลุ่ม Niche ที่แข็งแกร่งนั่นเอง
“Community” อาวุธลับที่หาไม่ได้จากทีวี
หนึ่งในจุดแข็งที่สุดของ Hyrox คือพลังของชุมชน Laura Propp จาก USAA เล่าว่า การไปเห็นงานชิงแชมป์โลกที่ชิคาโกทำให้เธอตัดสินใจทันที เพราะสัมผัสได้ถึงพลังของการเชียร์และการซัพพอร์ตกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Tribal Marketing หรือการตลาดแบบชนเผ่าที่มักใช้กับกลุ่ม Gen Z แต่ใน Hyrox มันข้ามข้อจำกัดของอายุไปสู่กลุ่มที่เรียกว่า Sei-katsu-sha หรือการมองผู้บริโภคเป็น มนุษย์ ที่มีความต้องการทางอารมณ์มากกว่าแค่คนซื้อของ
แบรนด์ที่เข้ามาสปอนเซอร์จึงไม่ได้แค่ แปะโลโก้ แต่ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ เช่น การมีบูธกิจกรรมที่ให้คนเข้ามาพักผ่อนหรือร่วมสนุกในแบบที่สอดคล้องกับการแข่งขัน การสร้างความสัมพันธ์ก่อนการขายจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อทุกคนคือ Content Creator
ในยุคที่สื่อดิจิทัลและสื่อนอกบ้าน (OOH) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง Hyrox ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้อย่างเต็มที่ การแข่งขันถูกออกแบบมาให้ ถ่ายรูปสวย และ แชร์ต่อได้ ทุกวินาทีในสนามคือคอนเทนต์
แบรนด์อย่าง USAA พบว่า Content ที่ทำร่วมกับ Hyrox มีอัตราการเข้าถึงและ Engagement สูงกว่ามาตรฐานปกติถึง 40% นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่า หากแบรนด์สามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับ ความสำเร็จ หรือ ความพยายาม ของผู้บริโภคได้ ผลลัพธ์ที่ได้จะมากกว่าแค่การรับรู้แบรนด์ แต่จะกลายเป็นความรักในแบรนด์
Thumbsup มองว่า ในตลาดไทย เราเริ่มเห็นกระแสการวิ่งเทรล การแข่งไตรกีฬา หรือแม้แต่ยิมแนว CrossFit เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมีข้อมูลจากบริษัทวิจัยหลากหลายที่ระบุว่ากลุ่ม Gen Z และ Older Shopper คือนักช้อปตัวยง ซึ่งคนกลุ่มนี้เองที่มองหา ประสบการณ์ใหม่ ที่จะมาเติมเต็มความฝันหรือความภูมิใจในตัวเอง
หากแบรนด์ไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหารสุขภาพ, ประกันชีวิต หรือแม้แต่แบรนด์แฟชั่น สามารถนำกลยุทธ์แบบ Hyrox มาปรับใช้ เช่น การสร้างอีเวนต์ขนาดเล็กที่เป็นคอมมูนิตี้ หรือการเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมที่มีความหมายต่อผู้คน มากกว่าแค่การทำโปรโมชั่นลดราคา ยอดขาย 7-8 หลักต่อปีเหมือนแบรนด์ใน Shopee ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
สุดท้าย Hyrox ไม่ได้ขายแค่ตั๋วแข่ง แต่ขาย ความเป็นส่วนหนึ่ง และ ความภาคภูมิใจ สิ่งที่นักการตลาดต้องเรียนรู้จากเคสนี้คือ ในโลกที่สินค้ามีความคล้ายคลึงกันจนผู้ซื้อขาดความมั่นใจ การสร้าง เหตุผลที่ต้องมีอยู่ ของแบรนด์ผ่านประสบการณ์จริงคือทางรอดเดียว การสปอนเซอร์กีฬาไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์อีกต่อไป แต่คือการเข้าไปอยู่ใน จังหวะชีวิต ของลูกค้าที่พวกเขากำลังพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
หากแบรนด์ของคุณยืนอยู่ข้างเขาในนาทีที่เขาวิ่งเข้าเส้นชัย นั่นคือความสำเร็จที่ยั่งยืนกว่ายอดขายชั่วคราวจาก Flash Sale เป็นไหน ๆ
อ้างอิง: Marketing Brew
อ่านเพิ่มเติม



