Site icon Thumbsup

Infographic กลยุทธ์การสร้าง Digital Engagement สู่พฤติกรรมการซื้อสินค้า โดย Playbasis

PB Header

เราได้รับ Infographic ที่น่าสนใจจาก Playbasis บริษัท Startup จากสิงคโปรที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมาสักพักแล้ว ในแนว Gamification (อ่านบทความที่เราเคยแนะนำได้ที่นี่ แนะนำ startup ฝีมือคนไทย “Playbasis” ให้ผู้ใช้ร่วมสนุกด้วยแนวคิดแบบ Gamification) โดยเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้าง Engagement กับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการที่จะพาลูกค้ากลุ่มนั้นไปซื้อสินค้าหรือเกิด Conversion ได้ มาแนะนำให้อ่านกันครับ

ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์อย่าง Social Media ได้ช่วยแก้ปัญหาความท้าทายให้กับเหล่านักการตลาดในการสร้างฐานลูกค้า และเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้อย่างดี ก่อให้เกิดการโฆษณาที่สะดวกรวดเร็ว โดยสามารถแสดงข้อความที่แบรนด์ต้องการไปยังหน้าจอของลูกค้าได้เพียงแค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว ความท้าทายที่แท้จริง กลับไม่ใช่การเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์เท่านั้น แต่คือกระบวนการหลังจากนั้น นั่นคือ จะทำอย่างไรให้ผู้ชมยึดติดกับแบรนด์ และเปลี่ยนให้พวกเขามาเป็นลูกค้าในที่สุด? เราเข้าใจคุณค่าของลูกค้าเรามากน้อยแค่ไหน และจะมีวิธีการอย่างไรเพิ่มการยืดติดกับแบรนด์ให้มากขึ้น?

นี่คือสิ่งที่คุณ Robert Zepeda ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Playbasis ได้ตระหนักถึงตลอดเวลา เมื่อเราพูดถึงแนวโน้มการเติบโตทางสื่อออนไลน์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน

เมื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และอินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบันนี้ ส่งผลให้องค์กรและบริษัทต่างๆ รวมถึงเจ้าของธุรกิจเล็กๆ หันมาจับตามองแนวโน้มเหล่านี้มากขึ้น หลายบริษัทได้สร้างช่องทางสื่อดิจิตอลขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของเทคโนโลยี และมุ่งหวังที่จะให้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างสะดวก แต่ด้วยแนวโน้มการขยายตัวที่รวดเร็วนี้ ทำให้มีสื่อแนวคิดใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา จึงทำให้เกิดปัญหาของอัตราการ drop out ออกจากเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นค่อนข้างสูง หากเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นนั้นไม่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีพอ

นอกจากเรื่องการออกแบบแล้ว การกำหนดกลยุทธ์ที่ทำให้ผู้เข้าชมและผู้ใช้งานมีความต้องการที่อยากจะกลับมาใช้อีกครั้ง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หลายๆแบรนด์ควรจะหันมาใส่ใจ ซึ่งไม่นานมานี้ ได้มีการสำรวจจาก Marketo กับ ประธานกรรมการฝ่ายการตลาด จำนวน 500 คนทั่วโลก พบว่า 63% ของนักการตลาด มองว่า การยึดติดกับแบรนด์ (Engagement) คือการซื้อซ้ำสินค้าของลูกค้า และการที่ลูกค้ากลับมาหาแบรนด์ของเรา โดยอีก 78% คิดว่า การยึดติดกับแบรนด์นี้ ขึ้นเกิด ณ จุดสิ้นสุดของกระบวนการทางการตลาด หรืออาจจะระหว่างนั้นก็ได้ ซึ่งผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า การให้มูลค่าของธุรกิจ ได้ถูกเปลี่ยนจากการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ มายังกลยุทธ์ด้านการยึดติดกับแบรนด์ที่มีแรงขับเคลื่อนด้วยจำนวนข้อมูล (Data-Driven) มากขึ้น และกลยุทธ์เหล่านี้มีผลกระทบต่อพื้นฐานของแบรนด์และการวัดผลตอบแทนของการลงทุนโดยตรง

คุณ Robert ได้ให้ความเห็นไว้อีกว่า กลยุทธ์การสร้างความยึดติดนี้จะมีประสิทธิภาพขึ้นได้ เมื่อเรานำเทคโลโยลีและแนวคิดต่างๆมาปรับใช้เข้าด้วยกัน อาทิเช่น การปรับแสดงผลให้เป็นความส่วนตัว (Personalization) การใช้เทคโนโลยีประมวลผลอัตโนมัติ (Automation) การใช้หลักการข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟน เข้ามาผนวกกันเพื่อให้เกิดวิธีใหม่ๆในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวคิดของการใช้หลักการของเกม (Gamification) ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะแนวคิดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องของการออกแบบกลยุทธ์ด้านการยึดติดกับแบรนด์โดยตรงอย่างมีระบบ ซึ่งทาง Playbasis ก็ได้พัฒนาและออกแบบระบบที่เปรียบเสมือนคู่มือที่จะขับเคลื่อนพฤติกรรมของผู้ใช้งานให้เป็นไปตามที่เราคาดหวังได้ โดย Playbasis ก็ได้แสดงตัวอย่างของการใช้ Gamification ที่สามารถเพิ่มอัตราพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่คาดหวังได้ถึง 200-500% และเมื่อนำแนวคิด Gamification นี้จับคู่กับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติด้านการตลาดอย่าง อีเมล์ SMS หรือระบบแจ้งเตือน จะทำให้แบรนด์สามารถเห็นผลลัพธ์ที่น่าสนใจได้เป็นอย่างดี

และเพื่อเป็นการให้เห็นภาพของความน่าสนใจในการใช้แนวคิดของ Gamification เข้ากับกลยุทธ์ด้านการยึดติดของแบรนด์มากขึ้น Playbasis ได้จัดทำ Infographic ที่แสดงถึงรูปพฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นมือถือ รวมถึงจำนวนเฉลี่ยของแต่ละระดับพฤติกรรมนั้นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า หรือเกิดการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในที่สุด ตามภาพดังต่อไปนี้

สามารถติดตามและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : Playbasis