ในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลผันผวนรายวัน และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนแทบจะ 100% การลงทุนในสินทรัพย์จับต้องได้อย่าง ‘ทองคำ’ ก็ต้องปรับตัวครั้งใหญ่เช่นกัน ภาพจำของการเดินเข้าร้านทองเพื่อซื้อ-ขาย หรือเก็บทองแท่งไว้ในตู้เซฟกำลังจะกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เมื่อผู้เล่นในตลาดเบนเข็มสู่สนามรบใหม่อย่างแพลตฟอร์มดิจิทัลเต็มรูปแบบ
ล่าสุด InterGOLD (บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด) หนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญของวงการ ก็ได้ประกาศเกมรุกครั้งใหม่ภายใต้กลยุทธ์ “The Next Move” ที่ไม่ได้มาเล่น ๆ แค่การเป็นแอปซื้อขายทองคำ แต่ตั้งเป้าปักธงสู่การเป็น ‘ผู้นำแพลตฟอร์มทองคำดิจิทัล’ อย่างแท้จริง พร้อมสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘ระบบนิเวศทองคำ’ (Gold Ecosystem) ที่ครบวงจรและยั่งยืน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ แต่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า อนาคตของการลงทุนทองคำในไทยกำลังจะเปลี่ยนไป และนี่คือสิ่งที่นักการตลาดและคนในวงการเทคโนโลยีอย่างเราต้องจับตา เพราะมันคือกรณีศึกษาชั้นดีของการทำ Digital Transformation ที่หยิบเอาความเข้าใจลูกค้ามาเป็นแกนกลางในการพัฒนาธุรกิจ

เมื่อตัวเลขสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนยุคใหม่
ก่อนจะไปเจาะลึกถึง ‘ก้าวต่อไป’ เราต้องมองย้อนกลับไปที่ ‘ก้าวที่ผ่านมา’ ของ InterGOLD กันก่อน เพราะสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 นั้นไม่ธรรมดาเลย การเติบโตของฐานลูกค้าบุคคลที่พุ่งสูงขึ้นถึง 70% และยอดดาวน์โหลดรวมของ 2 แอปพลิเคชันหลักอย่าง Gold2Go (สำหรับลูกค้ารายย่อย B2C) และ InterGOLD (สำหรับร้านทอง B2B) ที่ทะลุ 200,000 ครั้ง คือเครื่องยืนยันชั้นดีว่าพวกเขาเดินมาถูกทาง
ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอย ๆ แต่มันสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มองหาแค่ผลตอบแทน แต่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งาน (Customer Experience) ที่ต้อง คล่องตัว (ซื้อขายได้ 24/7 ไม่มีวันหยุด), ปลอดภัย (มีระบบยืนยันตัวตนและ Cybersecurity ที่น่าเชื่อถือ) และที่สำคัญที่สุดคือ จับต้องได้ (สามารถรับทองคำจริงได้) ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทอื่น ๆ
InterGOLD เข้าใจโจทย์นี้อย่างลึกซึ้ง และได้วางรากฐานแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน จนสามารถดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหม่เข้ามาในตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ
เกมรุก O2O ที่แก้ Pain Point ได้ตรงจุด
หัวใจสำคัญของการประกาศกลยุทธ์ในครั้งนี้ คือการเปิดตัวบริการ “รับทองคำในต่างจังหวัด” โดยปักหมุดนำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการเดินเกม O2O (Online-to-Offline) ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ในมุมการตลาด นี่คือการแก้ปัญหาหรือ Pain Point ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของนักลงทุนต่างจังหวัด ที่แม้จะสามารถซื้อ-ขายทองคำผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกสบาย แต่เมื่อต้องการ ‘ถอน’ การลงทุนออกมาเป็นทองคำจริง กลับต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการเดินทางมารับที่กรุงเทพฯ หรือค่าใช้จ่ายในการจัดส่งที่มีความเสี่ยงสูง
InterGOLD ได้ทลายกำแพงนี้ลงด้วยการสร้างเครือข่ายพันธมิตรร้านทอง (B2B) ที่มีอยู่กว่า 3,000 ร้านทั่วประเทศ ให้กลายเป็นจุดบริการหรือ Fulfillment Center ขนาดย่อม ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเลือกไปรับทองจริงได้ที่ร้านทองพันธมิตรใกล้บ้านได้ทันที การเริ่มต้นที่ห้างทองเสือมังกรในตลาดวโรรส จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการใหญ่ที่จะขยายไปสู่หัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญทั่วประเทศ
โมเดลนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความสะดวกสบายและลดต้นทุนให้กับลูกค้า แต่ยังเป็นการสร้าง Synergy ภายในระบบนิเวศของ InterGOLD เองด้วย เพราะมันช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพาร์ทเนอร์ร้านทองเดิมที่มีอยู่ และในขณะเดียวกันก็ใช้เครือข่ายออฟไลน์ที่แข็งแกร่งนี้มาสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันบนโลกออนไลน์ เป็นกลยุทธ์ที่ Win-Win กันทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
ก้าวสู่ ‘All-in-One Digital Gold Ecosystem’
อีกหนึ่งแกนหลักที่น่าสนใจคือวิสัยทัศน์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็น ‘All-in-One Digital Gold Ecosystem’ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า InterGOLD ไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียง ‘โบรกเกอร์’ แต่กำลังสร้างตัวเองให้เป็น ‘แพลตฟอร์ม’ ที่นักลงทุนต้องเข้ามาใช้งานในทุกมิติ
การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ล้วนมีเป้าหมายที่ชัดเจน:
- ระบบช่วยซื้อ-ขายอัตโนมัติ: ตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสในการทำกำไร
- ฟีเจอร์ Gamification: เปลี่ยนการลงทุนที่ดูจริงจังให้กลายเป็นเรื่องสนุกและเข้าถึงง่ายขึ้น เป็นการใช้กลยุทธ์เพื่อเพิ่ม Engagement และสร้างความผูกพัน (Brand Loyalty) กับผู้ใช้งานในระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางที่แพลตฟอร์มยุคใหม่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
- การเชื่อมต่อ Open Banking: การจับมือกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำเพื่อยกระดับความสะดวกและปลอดภัยในการทำธุรกรรม ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) ให้กับผู้ใช้งาน
- ยกระดับความปลอดภัย (e-KYC & Cybersecurity): ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ‘ความเชื่อมั่น’ คือสิ่งสำคัญที่สุด การลงทุนในระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลและระบบความปลอดภัยขั้นสูงจึงไม่ใช่ ‘ต้นทุน’ แต่คือ ‘การลงทุน’ ที่จำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในทุกธุรกรรม
เกมระยะยาวที่วัดกันด้วย ‘ความเข้าใจ’
Thumbsup มองว่า การประกาศกลยุทธ์ “The Next Move” ของ InterGOLD ในครั้งนี้ เป็นมากกว่าแค่แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง แต่มันคือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการลงทุนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เราจะเห็นได้ว่ากุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ (Tech Innovation), การเชื่อมต่อโลกจริงที่ไร้รอยต่อ (O2O Integration) และ การสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง (Community Building) เข้าไว้ด้วยกัน
InterGOLD กำลังเดินเกมที่ถูกต้องในการสร้างระบบนิเวศที่ไม่ได้ผูกขาดลูกค้าไว้ด้วยการบังคับใช้ แต่ดึงดูดให้ทุกคนอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วยความสะดวก ความปลอดภัย และคุณค่าความรู้ที่ได้รับ การขยายจุดรับทองคำไปต่างจังหวัด คือการทลายกำแพงทางกายภาพครั้งสำคัญ ขณะที่การพัฒนาแพลตฟอร์มและการสร้างคอนเทนต์ คือการทลายกำแพงทางความรู้สึกและความเชื่อมั่น
ในสมรภูมิที่ทุกคนสามารถเป็นผู้ขายได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะขายได้ การเคลื่อนไหวของ InterGOLD คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ผู้ที่จะอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว คือผู้ที่ ‘เข้าใจ’ ลูกค้าได้ลึกซึ้งที่สุด และสามารถเปลี่ยนความเข้าใจนั้นให้กลายเป็นการกระทำที่จับต้องได้จริง



