Art Toy

ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่าง “การสะสม” และ “การลงทุน” จางลงจนแทบมองไม่เห็น เราเห็นปรากฏการณ์ที่ราคารองเท้า Jordan หรือตุ๊กตา Labubu พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ แต่เดิมที คนที่ได้ประโยชน์คือคนที่ “มีของ” อยู่ในมือ แต่ข่าวใหญ่วันนี้คือ คุณไม่จำเป็นต้องมีของ ก็สามารถทำกำไรจาก “ความรู้” ในวงการแฟชั่นของคุณได้

Art Toy

ดีลหยุดโลก เมื่อ Data มาเจอกับ Finance

Kalshi แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่ได้รับการรับรองจาก CFTC (คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐฯ) ซึ่งปกติจะให้คนมาทายผลเหตุการณ์ระดับโลก เช่น เงินเฟ้อ, การเลือกตั้ง หรือสภาพอากาศ ได้ประกาศจับมือกับ StockX แพลตฟอร์มรีเซลระดับโลกที่มี Data ฐานข้อมูลการซื้อขายสินค้าแฟชั่นที่แน่นที่สุด

ความร่วมมือนี้ก่อให้เกิด “Product Event Contracts” หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงจากผลลัพธ์ของสินค้าทางวัฒนธรรม (Current Culture Products) พูดง่าย ๆ คือ “การแทงบอลบนราคารีเซล” นั่นเอง โดยใช้ข้อมูลจริงจาก StockX เป็นตัวตัดสิน

Greg Schwartz CEO ของ StockX กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ในฐานะตลาดที่เปลี่ยนสนีกเกอร์ให้กลายเป็นสินทรัพย์ (Asset Class) การจับมือกับ Kalshi คือก้าวต่อไปที่สมเหตุสมผลที่สุด เรากำลังมอบเครื่องมือให้คอมมูนิตี้ของเราได้แสดง ‘ความมั่นใจ’ ในแบรนด์ที่พวกเขารัก”

เดิมพันความ Hype ด้วยคำว่า Yes หรือ No

รูปแบบการเทรดบน Kalshi ไม่ใช่การซื้อรองเท้ามาเก็บไว้ แต่เป็นการซื้อสัญญาว่า “เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่” โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่หลักที่น่าสนใจมากสำหรับนักการตลาดและนักลงทุนสายแฟชั่น

  • Top-Traded Brands: ทายว่าแบรนด์ไหนจะมียอดขายสูงสุดในช่วงเทศกาล เช่น Black Friday หรือ Cyber Monday ใครที่ตามเทรนด์แฟชั่นแม่น ๆ จะรู้ทันทีว่าปีนี้ Nike, Adidas หรือ Asics ใครกำลังมา
  • Release Price Prediction: ทาย “ราคาเฉลี่ย” ของสินค้าใหม่หลังจากวางขายไปแล้ว 7 หรือ 30 วัน เช่น “คุณคิดว่า Jordan 11 Retro Gamma Blue จะมีราคารีเซลเกิน 10,000 บาทหรือไม่?”
  • Monthly Average Sales: ทายราคาเฉลี่ยรายเดือนของสินค้ายอดฮิต ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ Labubu The Monsters และการ์ด Pokémon รวมถึงสนีกเกอร์รุ่นฮิตอย่าง New Balance หรือ ASICS

ยุคทองของ Kidults และ Prediction Economy

การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ แต่มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ข้อมูลจาก Business Insider ระบุว่าตลาดของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ (Kidults) ในสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยที่เราเคยนำเสนอไปว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) และกลุ่ม Older Shopper เริ่มมองหาสินค้าแฟชั่นและของสะสมเพื่อความพึงพอใจและการลงทุนมากขึ้น

Tarek Mansour CEO ของ Kalshi ให้มุมมองที่เฉียบคมว่า “การดรอปของสนีกเกอร์หรือของสะสมบน StockX กลายเป็น ‘Cultural Moments’ หรือเหตุการณ์ทางวัฒนธรรมที่มีผลลัพธ์วัดค่าได้ชัดเจน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ตลาด Prediction Market ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ”

นี่คือการยืนยันว่า Prediction Market ได้ก้าวเข้าสู่กระแสหลักแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองหรือเศรษฐกิจมหภาคอีกต่อไป แต่มันคือเรื่องของ “Pop Culture” ที่มีเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียน

ในมุมมองของคนทำงานการตลาด ปรากฏการณ์นี้ส่งสัญญาณแรง ๆ 3 ข้อ

  • Data is King, Community is Queen: StockX มีอำนาจต่อรองสูงมากเพราะถือครอง “Data” ราคากลางของตลาดโลก การที่ Kalshi ต้องมาใช้ข้อมูลจาก StockX สะท้อนว่า แบรนด์หรือแพลตฟอร์มที่กุมข้อมูล Transaction จริงของลูกค้า จะเป็นผู้ชนะในสมรภูมิยุคใหม่ เหมือนกับที่แบรนด์แฟชั่นไทยใน Shopee ประสบความสำเร็จจากการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าเชิงลึก
  • Hype Cycle ที่วัดผลได้: จากเดิมที่เราวัดความสำเร็จของแคมเปญด้วยยอดขายหรือ Engagement ต่อไปนี้เราอาจจะเห็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จใหม่ คือ “ราคาในตลาดล่วงหน้า” (Futures Price) แบรนด์สามารถดู Sentiment ของตลาดได้ทันทีว่า คนเก็งว่าของจะราคาขึ้นหรือลง
  • Customer as Investor: ลูกค้าไม่ได้มองสินค้าเป็นแค่ของใช้อีกต่อไป แต่มองเป็น “พอร์ตการลงทุน” การสื่อสารของแบรนด์จึงต้องเปลี่ยนไป จากการขายแค่ฟังก์ชันหรือดีไซน์ อาจต้องสื่อสารเรื่อง “มูลค่าในอนาคต” หรือความแรร์ (Scarcity) ให้ชัดเจนขึ้น

ความเสี่ยงและฟองสบู่ที่ต้องระวัง

แน่นอนว่าเหรียญมีสองด้าน การเปิดให้เก็งกำไรอย่างเสรีอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ (Bubble) ที่รุนแรงขึ้น และอาจเปรียบเทียบกระแส Labubu ว่าเป็น “ฟองสบู่พันล้านดอลลาร์ที่พร้อมจะแตก” การมีตลาด Futures อาจจะช่วยให้คนสามารถ “Hedging” (ป้องกันความเสี่ยง) ได้ หรืออาจจะยิ่งปั่นราคาให้สูงเกินจริงก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายเรื่องจริยธรรมและการเสพติดการพนันรูปแบบใหม่ที่แฝงมาในคราบของการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมและหน่วยงานกำกับดูแลต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

Thumbsup มองว่า การจับมือกันของ Kalshi และ StockX คือบทพิสูจน์ว่า “Passion Economy” หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหล ได้เติบโตจนมีโครงสร้างทางการเงินมารองรับอย่างเป็นทางการแล้ว

สำหรับเราที่เป็นนักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจ สิ่งที่เรียนรู้ได้จากเรื่องนี้คือ อย่ามองข้ามพลังของ Niche Community ไม่ว่าจะเป็นคนรักรองเท้า คนบ้าจุ่ม Art Toy หรือนักสะสมการ์ด กลุ่มคนเหล่านี้มีกำลังซื้อ (Purchasing Power) และมีความภักดี (Loyalty) ที่สูงมาก พอ ๆ กับที่แบรนด์แฟชั่นไทยสร้างฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งบน Shopee ได้สำเร็จ

อนาคตของการตลาดอาจไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่คือการสร้าง “สินทรัพย์ทางวัฒนธรรม” ที่ลูกค้าภูมิใจที่จะถือครอง และมั่นใจในมูลค่าของมัน… แล้วคุณล่ะ พร้อมจะลงเดิมพันกับเทรนด์ไหนเป็นรายต่อไป?

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: