ผู้ค้าปลีกกำลังหาสิ่งใหม่ๆในธุรกิจ Social commerce ที่จะทำให้มากกว่าการทำ Facebook page และ Twitter ให้แฟนๆ ได้ติดตาม

เร่งกระแสของเทรนด์นี้ด้วยการใช้งาน?social sign-on ซึ่งลูกค้าสามารถ log in ได้ด้วยแอคเคานท์ Facebook ของตัวเอง แทนที่จะต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์นั้นๆ

social sign-on ช่วยให้ผู้ค้าปลีกได้ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายโดยตรง เพื่อที่จะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นให้เป็นลูกค้า

มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่ทำแบบสำรวจในเดือน?สค. 2010?ของ?Gigya (ผู้ให้บริการแอพลิเคชั่น?social sign-on) ได้ใช้ฟีเจอร์ตัวนี้แล้ว หรือวางแผนที่จะใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

Implementation or Planned Implementation of a Social Sign-On* Solution, Aug 2010 (% of US online retailers and online media/entertainment publishers)

?

ผลการศึกษาของ Gigya ชี้ให้เห็นประโยชน์ที่กลุ่มผู้ค้าปลีกออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ จะได้จากการใช้ social sign-on อย่างแรกคือ สามารถเพิ่ม engagement ?(84%) และข้อมูลที่มากขึ้นสำหรับการแนะนำสินค้าในกลุ่มเป้าหมาย อีเมล โปรโมชั่นต่างๆ หรือคูปองส่วนลด (80%)

Social network อย่าง Facebook เป็นศูนย์กลางที่รวมข้อมูลความชอบและความสนใจของผู้คน และเมื่อผู้บริโภคอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาบน Facebook ได้ ทำให้พ่อค้าเห็นทั้งข้อมูลส่วนตัวและความชอบในหน้าเว็บต่างๆที่แต่ละคนมีอีกด้วย

การศึกษาอีกตัวหนึ่งได้ระบุถึงข้อมูลส่วนตัวที่มีให้จากเว็บไซต์ต่างๆ ดังนี้

Profile Data Available on Social Networks, May 2010

?

ผู้ค้าปลีกจะต้องมีความระมัดระวังในการให้คำแนะนำหรือการโฆษณาเฉพาะตัวให้กับลูกค้า เพราะนั้นอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ถูกรุกราน และนั่นกำลังเป็นปัญหาที่เถียงกันไม่จบของ?social networks อย่าง Facebook

ที่มา: eMarketer

MBA/engineer gal who's into Business, Marketing and IT biz. Also fascinating in the power of social network! ^^